บทที่ 53: อย่าพูดไร้สาระเมื่อคุณวางแผนที่จะหนีไป
บทที่ 53: อย่าพูดไร้สาระเมื่อคุณวางแผนที่จะหนีไป
“อืม~ ฉันจะฆ่าพวกแกยังไงดีนะ?” หวังเต็งเอียงศีรษะและถาม
ชายหัวล้านสวมสูทสีดำ: …
ลูกน้อง: …
หลินซัวหานทำหน้านิ่ง เธอพยายามอย่างถึงทีสุดที่จะไม่หัวเราะเยาะใบหน้าอันโง่เง่าของพวกมัน
แม่ของหลินซัวหานรู้สึกว่าเด็กคนนี้ซนไปหน่อย
“ฉันสงสัยจริงๆว่าเขาเป็นลูกใคร?”
ชายหัวล้านสวมสูทสีดำชี้ไปที่หวังเต็งและตะโกนว่า “ฆ่ามัน! ฆ่ามันให้ตาย!”
พวกลูกน้องรีบวิ่งไปหาหวังเต็งในทันที และบางคนก็ถึงกับหยิบมีดออกมาจากกระเป๋า
หวังเต็งถอยออกมาจากร้านสะดวกซื้อ
เมื่อเขาถอยออกไป พวกอันธพาลก็ตามเขาออกไปด้วย พวกมันล้อมรอบหวังเต็ง แต่น่าเสียดายที่พวกมันเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้นในขณะที่หวังเต็งเป็นนักสู้ และแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่ศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้น แต่การรับมือกับพวกนักเลงอ่อนแอเหล่านี้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่ดี
เขาเหวี่ยงหมัดและโจมตีพวกอันธพาลสองคนพร้อมกัน หมัดของเขากระแทกเข้ากับเบ้าหน้าของพวกมันและส่งมันกระเด็นออกไปพร้อมกับฟันสองสามซี่ที่หลุดออกมาจากปากของพวกมัน
ความแข็งแกร่ง*1
ความแข็งแกร่ง*1
พลังวิญญาณ*0.1
โอ้? คนธรรมดาก็ดรอปค่าคุณสมบัติได้ด้วยอย่างงั้นหรอ? นี่มันมีแม้กระทั่งค่าคุณสมบัติพลังวิญญาณ? หวังเต็งรู้สึกประหลาดใจ
“ระวัง! ข้างหลังนาย!” หลินซัวหานรีบก้าวออกไป เธอเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลาง ดังนั้นเธอจึงสามารถจัดการกับพวกอันธพาลเหล่านี้ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็ไม่ได้ให้โอกาสเธอ ในขณะที่เธอกำลังจะเข้าไปช่วยเขา เขาก็ได้เตะขาออกไปข้างหลัง จากนั้นพวกอันธพาลสามคนที่มีมีดอยู่ในมือก็กระเด็นออกไปไกลสามเมตร
พวกมันจับหน้าอกของตัวเอง เลือดไหลออกมาจากมุมริมฝีปากของพวกมัน
หวังเต็งไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ ถึงกระนั้นพลังลูกเตะของเขาก็ยังมากเกินกว่าที่พวกอันธพาลจะสามารถรับมือได้
ความแข็งแกร่ง*1
ความแข็งแกร่ง*1
ความแข็งแกร่ง*1
“แกเป็นศิษย์นักสู้!” การแสดงออกของชายหัวล้านเปลี่ยนไป มันไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกน้องของมันจะไม่สามารถโจมตีหวังเต็งโดนได้แม้แต่ครั้งเดียว
“ไอ้หนู แกกำลังบังคับให้ฉันไม่มีทางเลือกนะ” ชายหัวล้านสวมสูทสีดำถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินไปข้างหน้าหวังเต็ง
“บังคับบ้าบังคับบออะไร? ฉันก็แค่มากำจัดแมลงอย่างพวกแกก็เท่านั้น” หวังเต็งกล่าว
ชายหัวล้านตกตะลึง มันรีบส่ายหัวเพื่อล้างความคิดที่ไม่จำเป็นออกไปก่อนที่มันจะตะโกนอย่างโกรธเคือง “บัดซบ หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว”
มันเดินวนรอบหวังเต็ง ดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามมองหาจุดอ่อนของหวังเต็ง
หวังเต็งยืนอยู่ตรงนั้นและรอให้มันเริ่มก่อน อย่างไรก็ตาม หลังจากวนได้สองรอบ ชายหัวล้านก็ได้วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต...
มันกำลังวิ่งหนี?
ใช่แล้ว มันกำลังวิ่งหนี! มันทิ้งลูกน้องของมันไว้และวิ่งหนีไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง
เพื่อแสดงความเคารพต่อการกระทำของชายคนนั้น หวังเต็งจึงนิ่งตกตะลึงเล็กน้อย
หลินซัวหานและแม่ของเธอเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
เมื่อลูกน้องของชายหัวโล้นเห็นเจ้านายของมันวิ่งหนีไปราวกับหมูที่มีความสุข พวกมันก็รู้สึกสิ้นหวังและไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกอยางไรดี
“หนุ่มน้อย เรื่องไม่จบเค่นี้แน่ ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
ชายหัวล้านรีบวิ่งไปที่หัวมุมถนน เมื่อมันรู้สึกว่ามันอยู่ในระยะที่ปลอดภัยแล้ว มันก็หยุดหันกลับมาและตะโกน
หวังเต็งส่ายหัว เขาตรวจดูพื้นรอบๆตัวแล้วหยิบอิฐก้อนหนึ่งขึ้นมา
การกระทำของเขาทำให้ชายหัวล้านหวาดกลัว มันหันหลังและเตรียมจะวิ่งหนีออกไปด้วยความตกใจ
ในอีกด้านหนึ่ง หวังเต็งกำลังชั่งน้ำหนักอิฐอย่างใจเย็น เขาเล็งไปครู่หนึ่งแล้วโยนอิฐออกไป
ฟิ้ว~
“อ้า!”
ชายหัวล้านร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและล้มลงกับพื้น
พลังวิญญาณ*0.1
หัวแตกไปดิ หวังเต็งมองไปที่ค่าคุณสมบัติพลังวิญญาณที่เพิ่งดรอปออกมาและไตร่ตรองกับตัวเอง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อลูกน้องเห็นฉากนี้ พวกมันก็รู้สึกปลาบปลื้มเล็กน้อย
หวังเต็งค่อยๆเดินไปข้างหน้าและนั่งลงเพื่อดูชายหัวโล้น “นี่คือเหตุผลที่ทำไมแกถึงไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระในขณะที่แกกำลังวิ่งหนี”
ชายหัวล้านสวมสูทสีดำคลุมศีรษะของมัน มันรู้สึกว่าการมองเห็นของมันพร่ามัว มันใช้เวลาครู่หนึ่งในการกำจัดความรู้สึกนี้ออกไปก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้น
มันจ้องมองไปที่หวังเต็งอย่างโกรธแค้น
“แกตายแน่ไอ้หนู แกตายแน่ เรามีศิษย์นักสู้มากมายในบริษัทของเรา แกจะต้องโดนศิษย์นักสู้ขั้นสูงของฉันตีจนตาย”
“ฮึ่ม แกค่อนข้างที่จะโรคจิตนะ แกรู้ตัวไหม?” หวังเต็งยิ้ม เขายกอิฐขึ้นมาและทุบมันลงไปที่ใบหน้าของชายหัวล้านอีกครั้ง
แตก!
แผละ!
จมูกของชายหัวโล้นแตกและเลือดก็ไหลกระเซ็นออกมา มันเจ็บปวดมากจนมันกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนเหมือนหมูที่ถูกฆ่า
พลังวิญญาณ*0.1
ดวงตาของหวังเต็งเป็นประกาย
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าฉันจะตายหรือเปล่าในอนาคต แต่ที้ฉันรู้แน่ๆก็คือ วันนี้แกตายแน่”
ขณะที่หวังเต็งกำลังพูด เขาก็ยังคงยกอิฐขึ้นอีกครั้งภายใต้การจ้องมองที่หวาดกลัวของอีกฝ่ายและทุบมันลงไป
ในช่วงแรก ชายหัวล้านยังค่อนข้างแข็งแกร่ง สายตาของมันยังมองเขาอย่างดุร้าย มันจ้องไปที่หวังเต็งราวกับหมาป่าที่โหดเหี้ยม
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันก็กำลังมองเขาอย่างหวาดกลัว เด็กตรงหน้ามันนี้ดูเหมือนกับนักเรียนมัธยมปลายเมื่อใบหน้ายิ้มแย้ม การแสดงออกของเขาสงบและดูไม่มีพิษภัย แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะแสดงพลังออกมา มันก็ช่างน่ากลัวเสียจริงๆ
“หยุดตีฉันได้แล้ว! ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ...”
ใบหน้าของชายหัวล้านมีรอยฟกช้ำและบวมเป่งอย่างรุนแรง มันไม่สามารถพูดได้อย่างเป็นปกติ ดังนั้นมันจึงทำได้พียงแค่พูดอย่างติดๆขัดๆ
ชายหนุ่มผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไป!
เขาช่างโหดเหี้ยมจริงๆ
อุ๊ก~
มันเจ็บปวดมาก!
“ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่ได้อยากจะทุบตีแกหรอกนะ แต่ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าแกจะยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ดังนั้นฉันเลยต้องจำใจทุบตีแกอย่างไม่มีทางเลือก” หวังเต็งกล่าวหลังจากที่เขาหยุดทุบตีชายคนนั้น
เขาไม่ต้องการหยุดตีชายหัวโล้น แต่เขาต้องหยุดเพราะหลังจากดรอปค่าพลังวิญญาณมาจำนวนหนึ่งแล้ว ชายหัวโล้นก็ไม่ดรอปมันออกมาอีกไม่ว่าเขาจะทุบตีมันมากแค่ไหนก็ตาม ช่างน่าเสียดาย!
ทั้งหมด พลังวิญญาณ*0.4
ชายหัวล้านมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และจู่ๆมันก็อยากจะร้องไห้
ทำไมแกต้องทุบตีฉันด้วย ทำไม?
แม่ครับ ชายคนนี้จะต้องเป็นปีศาจอย่างแน่นอน! ผมอยากกลับบ้าน!
“แกจะเป็นคนดีได้รึยัง?” หวังเต็งถาม
“ได้! ฉันจะเป็นคนดี!” ชายหัวล้านพยักหน้าอย่างเร่งรีบ
หวังเต็งปล่อยอิฐให้ตกลงมาบนหัวของมันอีกครั้ง
“อ้า! ทำไมแกถึงยังตีฉันอีกกัน?” ชายคนนั้นกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว มันรู้สึกสับสน
“มีปัญหารึไง?” หวังเต็งมองไปที่ชายคนนั้นอย่างไม่แยแส
“มะ ไม่ครับ!” ชายหัวล้านรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ดีแล้ว” หวังเต็งพยักหน้า
ปัง!
ชายหัวล้านโดนกระแทกที่หัวอีกครั้งโดยไม่คาดคิด
“ครั้งนี้อะไรอีกล่ะ?” น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของมัน มันรู้สึกผิดมาก แต่มันก็ไไม่รู้จะมีระบายออกมายังไง
“ไม่มีเหตุผล ฉันก็แค่ไม่ชอบแก” หวังเต็งอธิบายอย่างใจเย็น
ชายหัวล้าน: …
“เอาล่ะ ส่งสัญญาเงินกู้มาให้ฉัน”
ชายหัวล้านหยิบสัญญาเงินกู้ออกมาอย่างเชื่อฟัง หวังเต็งเรียกหลินซัวหานมาและส่งมันให้เธอ “ลองเอาไปดูสิว่ามันถูกต้องหรือเปล่า?”
หลินซัวหานเดินเข้าไปและยืนยันกับแม่ของเธอ เธอกลับมาและพยักหน้า “ถูกต้อง นี่เป็นข้อความที่พ่อและแม่ของฉันเขียนไว้”
หวังเต็งหยิบมันขึ้นมาและมองดูมัน จากนั้นเขาก็เยาะเย้ยว่า “พวกเขายืม 100,000 หยวนเท่านั้น แต่แกกลับต้องการให้พวกเขาคืน 200,000 หยวนเลยอย่างงั้นหรอ? นี่มันปล้นกันกลางวันแสกๆเลยนี่”
เขานั่งลงและยกอิฐขึ้นมา จากนั้นเขาก็โบกอิฐไปมาต่อหน้าชายหัวล้าน “ฉันจะเล่าให้ฟังนะ รู้ไหมว่าเมื่อก่อนฉันเคยเจอกับพวกโจรปล้นธนาคารห้าคนมาแล้ว พวกมันต้องการที่จะฆ่าฉัน แต่รู้ไหมว่าสุดท้ายแล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
ชายหัวล้านนึกถึงข่าวที่มันได้ยินมาเมื่อมาสองสามวันก่อนในทันใด
โจรปล้นธนาคารห้าคนถูกพบเป็นศพในสภาพที่เละและน่าอนาถ!
มันได้ยินมาว่าคนที่ฆ่าพวกมันนั้นเป็นตัวประกัน และตัวประกันคนนั้นก็ยังเป็นแค่นักเรียนม.ปลายอีกด้วย!
ชายหัวล้านมองไปที่หวังเต็งด้วยความกลัว มันอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัว หัวใจของมันเต้นอยู่ในอกราวกับกำลังจะระเบิด
“ปัง!” ทันใดนั้นหวังเต็งก็ออกแรงบีบก้อนอิฐในมือเขา จากนั้นก้อนอิฐในมือของเขาก็ถูกทำลายแหลกเป็นชิ้นๆ “ดูนี่ไว้ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกมัน”
“พี่ชาย.. ฉันรู้ความผิดพลาดของฉันแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”
ชายหัวล้านอยากจะร้องไห้จริงๆ มันแค่คิดจะมาทวงเงินและหลอกนักเรียนหญิงเท่านั้น มันไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะตองมาพบกับปีศาจอย่างหวังเต็ง
เขาคงลืมดูดวงก่อนออกจากบ้านเมื่อเช้านี้!
ใช่แล้ว มันจะต้องเป็นเพราะแบบนั้นอย่างแน่นอน
หวังเต็งไม่ได้ขู่มันให้กลัวอีกต่อไป เขาหันไปพูดกับหลินซัวหานว่า “โอนเงินให้มัน 100,100 หยวน ส่วนอีก 100 นั้นคือค่าดอกเบี้ย”
“แกมีข้อโต้แย้งอะไรไหม” ประโยคสุดท้ายพุ่งตรงไปที่หัวใจของชายหัวล้านที่สวมสูทสีดำ
“ไม่ไม่!” อีกฝ่ายส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้มันไม่กล้าที่จะคัดค้านใดๆ มันยังคงต้องการให้ร่างกายของมันอยู่ครบ 32 ดี
เมื่อมันได้ยินมาว่าหัวของโจรพวกนั้นถูกตัวประกันทุบกองเนื้อ…
โอ้พระเจ้า นี่มันโครตน่ากลัวเลย!
หลินซัวหานรีบโอนเงินไปให้มันในทันที
หวังเต็งหยิบไฟแช็คออกมาและจุดเผาสัญญาเงินกู้ต่อหน้าชายหัวโล้น เขาเผากระดาษทั้งแผ่น