ตอนที่ 1 โอกาสที่สวรรค์ประทาน
ตอนที่ 1 โอกาสที่สวรรค์ประทาน
จวนโหวเต็มไปด้วยเสียงมโหรีดังอึกทึก ภายในประดับประดาด้วยโคมไฟและผ้าแพรหลากสี
อันหลิงเกออยู่ในชุดแต่งงานสีแดง นางกำลังใช้ชาดทาปากอยู่หน้ากระจก ด้านหลังมีสาวใช้สองคนกำลังช่วยนางหวีผมแต่งตัว
วันนี้ นางจะต้องเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง
อีกราวครึ่งชั่วยามเมื่อคนของจวนอ๋องมู่มาถึง นางจะต้องจากตระกูลอันเพื่อไปเป็นพระชายาของอ๋องมู่ มิใช่คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลอันอีกต่อไป
ทันใดนั้นเอง อีกด้านหนึ่งของม่านพลันเกิดเสียงฝีเท้าดังขึ้น อันหลิงเกอคาดเดาว่าอาจจะเป็นอี๋เหนียงที่เข้ามาหานาง จึงลุกขึ้นต้อนรับ แต่แล้วกลับมีเสียงเอ่ยดังขึ้นว่า “พวกเจ้าสองคนออกไปเฝ้าข้างนอกไว้”
แท้ที่จริงก็เป็นน้องหญิงอันหลิงอีนี่เอง !
อันหลิงเกอกำลังจะหันไปเอ่ยถามว่าเหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แต่คาดมิถึงว่าจะได้เห็นอันหลิงอีทาปากสีแดง สวมมงกุฎหงส์และชุดเจ้าสาวที่หรูหรายิ่งกว่าตัวนางเองเสียอีก
อันหลิงเกอถึงกับตกตะลึงงัน เหตุใดน้องหลิงอีถึงได้สวมชุดแต่งงานกัน ? นางมิเคยได้ยินมาก่อนว่าน้องหลิงอีจะแต่งงานวันนี้ด้วยเช่นกัน ?
“พี่หญิง ตั้งแต่เช้าท่านยังมิได้ทานอันใดเลยนี่ ท่านพ่อให้ข้านำโจ๊กมาให้ท่านทานรองท้อง รีบทานตอนที่ยังร้อน ๆ เถิด !”
ในมือของอันหลิงอีถือชามโจ๊กรังนกเอาไว้ ทำให้นางชะงักไปชั่วครู่ เมื่อเห็นอันหลิงเกอหันกลับมา นางจึงก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็วางชามโจ๊กรังนกเอาไว้เบื้องหน้าของอันหลิงเกอ
“อืม ขอบคุณน้องหญิงมากยิ่งนัก...” อันหลิงเกอรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ นางจึงมิได้คิดอันใดมาก เพราะตอนนี้นางก็รู้สึกหิวแล้วเช่นกัน นางจึงตักโจ๊กรังนกเข้าปากทันที พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามถึงสิ่งที่สงสัย
“น้องหลิงอี นี่เจ้า...?”
“พี่หญิงจะถามเรื่องชุดแต่งงานที่ข้าสวมใช่หรือไม่ ?” อันหลิงอีหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางหมุนตัวไปด้านหน้าของอันหลิงเกอ “เป็นเยี่ยงไรบ้าง มิเลวใช่หรือไม่ ?”
“อืม...งดงามยิ่งนัก เพียงแต่…เหตุใดพี่ถึงมิเคยได้ยินมาก่อนว่าน้องหญิงจะแต่งงานวันนี้ด้วยเช่นกัน ท่านพ่อกับอี๋เหนียงก็มิเคยบอกพี่มาก่อน” มิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใด หลังจากที่อันหลิงเกอทานโจ๊กเข้าไปเพียง 2 คำ จู่ ๆ นางก็รู้สึกหนักศีรษะขึ้นมาฉับพลัน
“ในเมื่อพี่หญิงเองก็คิดว่างดงาม เยี่ยงนั้นถ้าข้าใส่ชุดนี้เข้าพิธีสมรสกับจวินฮาน เขาก็คงจะตกตะลึงเช่นกันใช่หรือไม่ ?” ใบหน้าของอันหลิงอียังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่บัดนี้อันหลิงเกอกลับตกตะลึงนิ่งงันไปแล้ว
จวินฮาน ? มู่จวินฮาน ? ในเมืองหลวงยังมีมู่จวินฮานคนที่ 2 อยู่อีกหรือ ?
“พี่หญิงมิต้องคิดมากหรอก จวินฮานก็คือมู่ซื่อจื่อ อีกราว 1 เค่อ จวินฮานก็จะมาถึง แต่พี่หญิงคงจะมิได้เห็นเขาอีกแล้วล่ะ !”
อันหลิงอีปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉยและเย็นชา ในเวลานี้สมองของอันหลิงเกอกลับยิ่งรู้สึกหนักขึ้นไปอีกหลายส่วน อีกทั้งนางยังรู้สึกปวดท้องมากอีกด้วย และรู้สึกเหมือนมีอันใดบางอย่างมาจุกอยู่ที่ลำคอ หายใจได้มิเต็มปอด และเริ่มหายใจลำบากมากแล้ว
“เจ้า...เจ้าวางยาข้าเยี่ยงนั้นหรือ ?” อันหลิงเกอมองไปที่โจ๊กรังนกก็พลันเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาทันที นางจ้องมองไปที่ใบหน้าของอันหลิงอีอย่างไม่อยากจะเชื่อ และมิเข้าใจว่าทำไมเหตุใดน้องสาวถึงต้องทำเช่นนี้กับนางด้วย
นางพยายามล้วงคอเพื่อที่จะอาเจียนเอาโจ๊กรังนกที่ทานเข้าไปออกมา แต่มันก็เปล่าประโยชน์ เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่นางอาเจียนออกมาก็มีเพียงแต่เลือดของนางเท่านั้น
“พี่หญิงอย่าลำบากเลย นี่คือยาใจสลายแห่งหนานเจียง เพียงชั่วครู่ก็สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้แล้ว และในจวนนี้ก็มิมียาถอนพิษอีกด้วย”
ร่างกายของอันหลิงเกอสูญเสียการควบคุม นางรู้สึกปวดท้องจนยากจะทนไหว จึงล้มลงไปนอนกับพื้น และกระอักเลือดออกมาอีกครา
“เพราะ...เพราะเหตุใด ?”
นางยังคงมิเข้าใจว่าเหตุใดน้องสาวที่สนิทสนมกันกับนางถึงได้วางยานาง
“เพราะเหตุใดเยี่ยงนั้นหรือ ? อ่า” อันหลิงอียิ้มเยาะ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าคือคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหว ถ้าหากเจ้ามิตาย แล้วข้าจะแต่งงานกับจวินฮานแทนเจ้าได้เยี่ยงไรเล่า ?”
อันหลิงเกอจ้องมองนางด้วยสายตาอาฆาต มิว่าเยี่ยงไรนางก็ยังคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้
นางรู้ดีว่าอันหลิงอีหลงรักจวินฮาน ตอนที่ฮ่องเต้พระราชสมรสระหว่างจวนโหวกับจวนอ๋องมู่ นางถึงขนาดที่คิดว่าจะถอนตัวและให้น้องหญิงสมรสแทน แต่ทว่าอีกฝ่ายคือจวนอ๋องมู่ที่สูงส่ง ถ้าคุณหนูใหญ่บุตรสาวของฮูหยินใหญ่แห่งจวนโหวยังมิได้สมรสออกเรือนไป ย่อมมิมีทางที่คุณหนูรองซึ่งเกิดจากฮูหยินรองเยี่ยงอันหลิงอีจะได้สมรสก่อนอย่างแน่นอน
หรือว่าเพราะเหตุนี้ น้องหญิงถึงคิดที่จะฆ่าตน ?
“เจ้า...เจ้ามิกลัวว่าท่านพ่อจะ...ทราบเรื่องหรือเยี่ยงไรกัน ?” สายตาของอันหลิงเกอเริ่มฝ้าฟางลงทุกที แต่นางก็ยังมิเข้าใจว่าเหตุใดน้องสาวที่แสนดีของนางถึงได้วางยาพิษนาง !
“ถ้าวันนี้เมื่อเจ้าตายไป คนของจวนอ๋องมู่ก็คงมาถึงครึ่งทางแล้ว เจ้าคิดว่าท่านพ่อยังมีทางเลือกอื่นอยู่อีกหรือ ?” อันหลิงอีหัวเราะเยาะด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ถึงตอนนั้นถ้าข้ามิแต่งแทนเจ้า เจ้าคิดว่าจวนอ๋องมู่จะมองท่านพ่อเยี่ยงไรกัน ? ตระกูลอันจะอยู่ในเมืองหลวงต่อไปได้อีกเช่นนั้นหรือ ?”
“พี่สาวที่แสนดีของข้า เจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ของเจ้าในปรโลกอย่างสงบสุขเสียเถิด อ้อใช่ ! ข้าลืมบอกเจ้าไปอย่างหนึ่ง ที่ท่านแม่ของเจ้าจากไปก็เป็นฝีมือของข้ากับท่านแม่ของข้าเอง เจ้าคิดถึงนางมากมายถึงเพียงนั้น ข้าช่วยส่งเจ้าไปอยู่กับนางก็ถือว่าข้าใจดีกับเจ้ามากแล้ว หรือเจ้ามิคิดเยี่ยงนั้นกัน ?”
“เจ้า...” อันหลิงเกอกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ความลับที่ได้ล่วงรู้จากปากของอันหลิงอี ราวกับสายฟ้าที่ฟาดใส่นาง !
ตอนที่มารดาของนางสิ้นใจ นางมิรู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ เลยสักนิด ช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานที่สุดนั้นก็ได้หลี่ซื่อและอันหลิงอีคอยดูแล นางยังรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณนี้เสมอมา แต่คาดมิถึงว่าตนเองจะนับถือฆาตกรเป็นมารดา หลี่ซื่อและอันหลิงอีคือฆาตกรตัวจริงที่ฆ่ามารดา !
“อันหลิงอี ! เจ้าต้องมิตายดี !” ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายก่อนสิ้นใจ อันหลิงเกอได้ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น นางอยากจะกระโจนเข้าใส่อันหลิงอีเต็มทน แต่สุดท้ายก็ร่วงไปกองกับพื้นดังเดิม น่าเสียดายที่นางใช้แรงเฮือกสุดท้ายไปจนหมดสิ้นเสียแล้ว
ในเวลานั้นเอง นอกประตูก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามา
ปี้จู ! อันหลิงเกอลืมตาขึ้นมา เห็นปี้จูกำลังยกอาหารเข้ามาในห้อง เมื่อปี้จูเห็นนางนอนกองอยู่ที่พื้นก็ตกใจร้องเรียกเสียงดัง แต่แล้วก็ถูกสาวใช้ 2 คนที่อยู่ด้านหลังของอันหลิงอีจู่โจมจากด้านหลัง บนคอมีรอยเลือดปรากฏขึ้น แล้วก็ค่อย ๆ ล้มลงไป !
“พวกเจ้า 2 คน เอาศพพวกมันไปทิ้งในสระที่สวนด้านหลังซะ ! หลังจากนั้นไปรับเงินที่ห้องบัญชีได้เลย บอกไปว่าข้าเป็นคนสั่ง”
อันหลิงอีขมวดคิ้ว หันไปพูดกับสาวใช้ 2 คนที่ก่อนหน้านี้หวีผมให้อันหลิงเกอ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
อันหลิงเกอเอ่ยคำใดไม่ออก ในปากเต็มไปด้วยเลือด นางอยากจะสาปแช่งอันหลิงอีเสียเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกมามิได้ จากนั้นเปลือกตาทั้งสองข้างก็ค่อย ๆ หนักขึ้นเรื่อย ๆ และปิดลง สูญเสียทุกการรับรู้ในที่สุด
…
…
สายลมบางเบาพัดผ่านเข้ามา หน้าต่างฉลุลายเปิดม่านเอาไว้เพียงครึ่งบาน เตาไฟด้านข้างจุดกำยานที่ทำให้จิตใจสงบเอาไว้
สาวใช้คนหนึ่งคุกเข่าอยู่หน้าเตียง นางอดที่จะเช็ดน้ำตามิได้ “คุณหนู...ฮือฮือ...ท่านอย่าเป็นอันใดไปนะเจ้าคะ..”
เสียงร้องไห้ดังเสียจนอันหลิงเกอปวดหัว สุดท้ายนางก็ทนมิไหว จึงเอ่ยออกมาว่า “ปี้จู เจ้าจะร้องไห้เนื่องด้วยเหตุอันใดกัน ? เสียงดังจนข้านอนมิได้...”
แต่ทว่าอันหลิงเกอที่พึ่งเอ่ยออกมาก็ต้องปิดปากด้วยความตกใจ
นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ ? กรอบหน้าต่าง ตำรา พิณที่วางอยู่...
นางถูกอันหลิงอีวางยาพิษจนตายไปแล้วมิใช่หรือ ? เหตุใดถึงยังอยู่ในห้องนอนของตนเองได้กัน ?
นางมิอยากจะเชื่อจนต้องก้มลงสำรวจตนเอง ชุดนอนผ้าไหมปักรูปนกสี่เชวี่ยเคียงคู่ อันหลิงเกอตกตะลึงงันไปชั่วขณะ ชุดนี้... ชุดนี้นางตัดให้ตนเองตอนอายุครบ 17 ปีมิใช่หรือ ?
ชั่วพริบตา อันหลิงเกอก็ราวกับคิดอันใดบางอย่างออก นางพุ่งตัวไปยังหัวเตียงเพื่อค้นหากระจก
ในกระจกเห็นเพียงหญิงสาวที่มีริมฝีปากสีแดง หางตาและปลายคิ้วเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ใบหน้ารูปไข่แสนจะอ่อนโยน มองดูแล้วช่างอ่อนหวานมากยิ่งนัก
เพียงแต่ตอนนี้ภายในดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับ คล้ายกับมีหลากหลายอารมณ์อยู่ภายในใจ
“ปี้จู เมื่อครู่เจ้าร้องไห้ด้วยเหตุใดกัน ?”
อันหลิงเกอเอ่ยอย่างใจเย็น ถ้านางเดามิผิด เมื่อวานนางคงจะ ‘ตกน้ำ’ เป็นแน่ ?
*นกสี่เชวี่ย คือนกสาลิกาปากดำ มีลักษณะคล้ายนกกางเขน
1 เค่อ เท่ากับ 15 นาที
อี๋เหนียง เป็นคำที่ใช้เรียกอนุภรรยา/ฮูหยินรอง