บทที่ 52: ฉันก็แค่มาที่นี่เพื่อกำจัดแมลงวันสองสามตัว
บทที่ 52: ฉันก็แค่มาที่นี่เพื่อกำจัดแมลงวันสองสามตัว
หวังเต็งตามหลินซัวหานไปตลอดทางและสังเกตเห็นว่าเธอก็กำลังกลับบ้าน
เขาเห็นเธอเข้าไปในบ้านของเธอจากระยะไกล ขณะที่เขากำลังวางแผนที่จะจากไป หวังเต็งก็สังเกตเห็นผู้คนจำนวนมากกำลังเดินเข้ามา
หัวหน้ากลุ่มเป็นคนหัวล้านสวมสูทสีดำ
มีลูกน้องสองสามคนติดตามมัน และพวกมันก็ดูเหมือนกับพวกอันธพาล
หวังเต็งหยุดเดินและจุดบุหรี่ เขายืนอยู่ข้างถนนและเริ่มสูบบุหรี่
“แกมองหาอะไรวะ? ไอ้หนู!” ชายหัวล้านสวมชุดสูทสีดำเห็นหวังเต็งจ้องมองพวกมัน ดังนั้นมันจึตะคอกใส่เขาไปอย่างดุเดือด
หวังเต็งไม่ได้พูดอะไร เขาหันศีรษะของเขาออกไป
ชายหัวล้านสวมชุดสูทสีดำไม่ได้ถามอะไรเขาต่อเช่นกัน จากนั้นมันก็เดินเข้าไปในบ้านของหลินซัวหานด้วยความโกรธ
บ้านของหลินซัวหานเป็นอพาร์ตเมนต์สามชั้น มันดูเก่ามาก ชั้นแรกเป็นหน้าร้านซึ่งพวกเขาได้เปิดร้านสะดวกซื้อเล็กๆ
ชายหัวล้านได้บุกตรงเข้าไปที่แผงขายของของครอบครัวหลิน จากนั้นมันก็หยิบขวดโค้กออกมาแล้วดื่ม
หญิงวัยกลางคนในร้านมองดูพวกมัน เธอน่าจะเป็นแม่ของหลินซัวหาน เธอยืนดูอยู่ข้างๆอย่างหวาดกลัวและไม่กล้าที่จะพูดหยุดพวกมันแม้แต่คำเดียว
หลังจากเรอออกมา ชายหัวโล้นก็หันมามองหญิงวัยกลางคน มันกล่าวว่า “เป็นยังไงบ้าง? เตรียมเงินไว้รึยัง?”
“บอส ลูกของฉันได้ไปขอยืมเงินจากญาติของเราแล้ว ได้โปรดให้เวลาพวกเราอีกสักสองสามวันด้วยเถอะ” หญิงวัยกลางคนอ้อนวอน
“ขอเวลาอีกสองสามวัน? พวกแกยังอยากมีชีวิตอยู่ไหม? ห้ะ?”
ชายหัวล้านสวมสูทสีดำจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นและเตะกล่องที่เต็มไปด้วยลูกอมข้างๆมัน ลูกอมในกล่องกระเด็นออกไปในทันทีและกระจัดกระจายไปทุกที่
“แกคิดที่จะไม่คืนเงินฉันใช่ไหม?”
“บอส เราไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นจริงๆ เรายังไม่ได้รับเงินของเรามาเลย ได้โปรดขอเวลาอีกสักสองสามวันเถอะ ได้โปรด!” หญิงวัยกลางคนตกใจและทรุดตัวลงที่มุมห้อง ตาของเธอแดงก่ำขณะที่เธอพูด
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ถ้าวันนี้แกไม่ให้เงินฉัน ฉันก็จะทำลายร้านของแกทิ้งซะ!” ชายหัวล้านไม่มีท่าทีจะผ่อนลง
“นี่… คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะ ทั้งครอบครัวของเราอาศัยร้านนี้เพื่อหาเลี้ยงชีพ ลูกสาวของฉันก็ยังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดังนั้นถ้าคุณทำลายร้านของเรา แล้วเราจะอยู่ต่อไปได้ยังไง!” หญิงวัยกลางคนกังวลมากจนน้ำตาไหล
“ใครจะไปสน นั่นมันเรื่องของแก อิแก่! ดูเหมือนว่าแกจะไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ในวันนี้จริงๆสินะ แกคิดว่าฉันมาทำบุญรึไง? ห้ะ? เด็กๆ ทำลายที่นี่ทิ้งซะ!”
ชายหัวล้านสวมสูทสีดำนั่งบนเก้าอี้อย่างเย่อหยิ่งแล้วโบกมือ จากนั้นลูกน้องของมันก็กำลังจะเริ่มทำลายข้าวของในร้าน
“หยุด!”
เสียงดังมาจากชั้นบน
หลินซัวหานวิ่งลงบันไดมา เมื่อกลับถึงบ้านเธอก็เข้าห้องน้ำทำธุระ และในทันทีที่เธอออกมา เธอก็ได้ยินเสียงความโกลาหลดังออกขึ้นมาจากด้านล่างและเมื่อเธอลงมา มันก็เป็นไปตามที่คาดไว้ คนเหล่านี้มาที่นี่เพื่อตามหาพวกเขาอีกครั้ง
“เฮ้!” ดวงตาของชายหัวล้านเป็นประกายเมื่อเห็นหลินซัวหาน
“ลูกลงมาทำไม?”
หญิงวัยกลางคนตื่นตระหนก เธอรีบดึงหลินซัวหานไปทางด้านหลังและพูดกับชายหัวล้านที่สวมสูทสีดำว่า “บอส ลูกสาวของฉันยังเด็กอยู่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ดังนั้นอย่าใส่ใจสิ่งที่เธอพูดเลย”
“ฉันไม่คิดว่าเธอยังเด็กแล้วนะ” ชายหัวล้านยืนขึ้น และจ้องมองไปที่เรือนร่างของหลินซัวหานราวกับว่าหมาป่าที่กำลังมองเหยื่อของมัน
หลินซัวหานไม่ถอยหนี เธอก้าวออกมาจากด้านหลังของหญิงวัยกลางคนและพูดว่า “ครอบครัวของฉันเป็นหนี้แก 150,000 ใช่ไหม? ฉันจะคืนเงินให้ แล้วพวกแกก็รีบออกไปได้แล้ว”
“ฮ่าฮ่า เธอนี่ช่างกล้า เธอจะไปมีเงิน 150,000 ได้ยังไง” ชายหัวล้านสวมสูทสีดำยิ้มอย่างดูถูก
“ลูกแม่ เราไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกนะ” แม่ของหลินซัวหานขมวดคิ้ว เธอคิดว่าลูกสาวของเธอกำลังเล่นตลก ดังนั้นเธอจึงอยากจะดึงหลินวัวหานกลับไปข้างหลังอีกครั้ง
แม่ของหลินซัวหานเข้าใจสายตาของชายหัวโล้นอย่างชัดเจน พวกมันไม่ใช่คนดี และลูกสาวของเธอก็เป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถต่อสู้กับพวกมันได้เลย
หลินซัวหานยังคงไม่ขยับเขยื้อน “ส่งสัญญาเงินกู้มาให้เรา แล้วฉันจะโอนเงินให้แกเดี๋ยวนี้”
“เด็กคนนี้มีเงินจริงๆอย่างงั้นหรอ? เธอสวยมาก ดังนั้นมันก็อาจจะมีคนยอมให้เธอยืมเงินจริงๆ” ชายหัวล้านสวมชุดสูทสีดำพึมพำกับตัวเองเบาๆ
เขามองไปที่ใบหน้าที่สวยงามของหลินซัวหานที่เต็มไปด้วยพลัง หัวใจของมันร้อนรุ่มด้วยแรงปรารถนา ในทันใดนั้น ความคิดชั่วๆก็ได้ปรากฎขึ้นมาในใจของมัน
“เอาล่ะ ตราบใดที่แกคืนเงินให้กับเรา เราก็จะจากไป อย่างไรก็ตาม เงิน 150,000 นั้นมันเป็นของเมื่อสามวันก่อน และเมื่อผ่านไปสามวันแล้ว ตอนนี้พวกแกก็เป็นหนี้เรา 200,000!”
“คิดว่าไงสาวน้อย? เธอมี 200,000 ไหม”
“200,000? มันเพิ่งผ่านไปเพียงสามวันเท่านั้น มันจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ได้ยังไง!” ใบหน้าของแม่ของหลินซัวหานเปลี่ยนเป็นสีซีด มันเป็นการยากที่จะบอกได้ว่ามันเป็นแบบนั้นเพราะความกลัวหรือความโกรธ
“แกมันน่ารังเกียจ!” ร่างกายของหลินซัวหานสั่นด้วยความโกรธ
ตอนแรกพวกเขายืมเงินจากคนเหล่านี้เพียง 100,000 เท่านั้น จากนั้นพวกมันก็บอกพวกเขาว่ามันดอกเบี้ยสามเดือนคือ 50,000 และนั่นก็ทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากก้มหน้าก้มตาทำงาน
แต่หลังจากผ่านไปหลายปี พวกเขาก็ได้ยืมเงินจากญาติส่วนใหญ่ไปแล้วและ พวกญาติทุกคนต่างก็รู้ดีถึงสภาพของครอบครัวของหลินซัวหาน
พ่อของหลินซัวหานเป็นอัมพาตและนอนติดเตียงและไม่มีความสามารถในการทำงาน น้องสาวของเธอเองก็มีอาการป่วยแปลกๆ มันมีเพียงแม่และหลินซัวหานเท่านั้นที่สามารถทำงานเป็นปกติได้
อย่างไรก็ตาม แม้ญาติๆจะให้พวกเขายืมเงิน แต่มันก็ไม่ต่างอะไรจากการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินเหล่านั้นไม่สามารถแก้ไขเรื่องที่พวกเขาเผชิญอยู่ได้
เมื่อไม่นานมานี้ หลินซัวหานก็พยายามอย่างมากที่จะลดอัตตาของเธอและขอยืมดเงิน 150,000 จากหวังเต็ง เธอคิดว่าในที่สุดเธอก็จะสามารถล้างหนี้นี้ได้สักที
กระนั้นเธอก็ไม่คิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะน่ารังเกียจได้ถึงขนาดนี้ ตอนนี้พวกมันกลับต้องการเพิ่มเงินอีก 50,000 หยวน เพราะพวกเขาจ่ายล่าช้าไปสามวัน!
“สาวน้อย อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ฉันเป็นคนชอบธรรม ฉันจะมาโกงเธอได้ยังไง” ชายหัวล้านพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“แบบนี้มันผิดกฎหมาย ฉันฟ้องแกได้นะ” หลินซัวหานกัดฟัน
“เอาเลย ฉันจะไม่หยุดเธอหรอก อย่างไรก็ตาม เรื่องนั้มนก็อาจะจบไม่สวยเท่าไหร่ในอนาคต” ชายหัวล้านหัวเราะเยาะ
“แก!” หลินซัวหานชี้ไปที่มัน เธอโกรธจนพูดไม่ออก
“ดูเหมือนว่าพวกแกจะไม่สามารถจ่ายเงินคืนให้เราได้สินะ… เอางี้เป็นไง? ฉันยังไม่มีแฟน ดังนั้นหากเธอยินดีที่จะเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันก็สามารถยกหนี้ก้อนนี้ให้กับพวกเธอได้” ชายหัวโล้นหัวเราะเยาะและพูด
“นั่นไม่มีทาง อย่าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับมัน ต่อให้เราจะเปิดร้านไม่ได้แล้ว แต่แกก็อย่าหวังจะมาแตะต้องลูกสาวฉัน” แม่หลินซัวหานเป็นเหมือนเสือโคร่งที่ระเบิดด้วยความโกรธ เธอกันหลินซัวหานไว้ข้างหลังและจ้องไปที่ชายหัวล้านที่สวมสูทสีดำ
การแสดงออกของหลินซัวหานเองก็เปลี่ยนไปเป็นน่าเกลียด มันมีความเป็นห่วงเป็นใยในดวงตาของเธอ เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาชั่วร้ายเช่นนี้ เธอประเมินความชั่วร้ายในจิตใจของพวกมันต่ำเกินไป
“ถ้าอย่างงั้น เราก็จะไม่สุภา --”
ชายหัวล้านยิ้มอย่างชั่วร้าย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบประโยค เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังมัน
“แกจะไม่สุภาพแล้วอย่างงั้นหรอ?”
ชายหัวล้านหันศีรษะของเขา “ไอ้หนู นี่แก!”
“หวังเต็ง!” ทันทีที่หลินซัวหานเห็นผู้มาใหม่ หัวใจของเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ฮึ่ม รู้จักกันอย่างงั้นหรอ?” ชายหัวล้านสวมสูทสีดำเหล่ตามองหวังเต็ง “แกคิดจะช่วยแม่หนูนี่อย่างงั้นหรอ?”
“ช่วยหรอ? ไม่ใช่เลย” หวังเต็งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูสิว่ามันขี้อายขนาดไหน” ชายหัวล้านหัวเราะออกมา ลูกน้องของมันเองก็เริ่มเยาะเย้ยและเย้ยหยันหวังเต็ง
“ฉันก็แค่มาที่นี่เพื่อกำจัดแมลงวันสองสามตัว” หวังเต็งพูดต่ออย่างใจเย็น
ใบหน้าของชายหัวล้านเปลี่ยนไป มันถูกดูถูกจริงๆ การแสดงออกที่ไม่แยแสบนใบหน้าของเด็กเหลือขอคนนี้ทำให้มันรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
“แกกำลังเล่นกับความตาย!” มันพูดประโยคนี้ออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว