235 - หายานะของตระกูลเย่
235 - หายานะของตระกูลเย่
นอกจากนี้ นี่ไม่ใช่ส่วนที่เอี้ยนลี่เฉียงชื่นชมมากที่สุด มันคือการควบคุมและความมั่นใจของซุนปิงเฉินที่มีต่อหวงฟู่เฉียนฉี
เขารู้ว่าเมื่อเขาจัดการเย่เทียนเฉิงได้แล้ว หวงฟู่เฉียนฉีจะเข้าข้างเขาอย่างแน่นอน และจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในเมืองผิงซีได้อย่างรวดเร็ว
นี่คือเหตุผลที่ซุนปิงเฉินกล้าพอที่จะนำทหารเพียงหนึ่งร้อยคนมาที่เมืองผิงซีเพื่อกำจัดผู้ว่าการแคว้น
พูดตามตรงเอี้ยนลี่เฉียงไม่สามารถคิดค้นวิธีการ กลยุทธ์ รวมทั้งการตัดสินใจในระดับนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในสองชีวิตที่ผ่านมาก็ตาม
………
เอี้ยนลี่เฉียงและเหลียงอี้เจี๋ยทำหน้าที่อารักขาคฤหาสน์หรับคืนนี้ เขายืนอยู่ที่หน้าประตูและกำลังนึกถึงเรื่องราวต่างๆ
ในที่สุดสถานการณ์ในเมืองผิงซีก็สงบลงเมื่อรุ่งสางมาถึง จำนวนนักโทษในลานบ้านเพิ่มขึ้นเป็นสองสามโหล เย่เทียนเฉิงและลูกสมุนของเขาได้รับการทำความสะอาดอย่างสมบูรณ์
เมืองผิงซีทั้งหมดตกอยู่ในมือของซุนปิงเฉินอย่างสมบูรณ์ และในรุ่งเช้าประกาศความผิดของผู้ว่าการแคว้นก็กระจายไปทั่วเมือง
สองชั่วยามหลังรุ่งสางซุนปิงเฉินก็ให้คนมาแจ้งเอี้ยนลี่เฉียงและเหลียงอี้เจี๋ย ให้ส่งตัวนักโทษเหล่านี้เข้าคุกในเมือง…
ในคืนวันที่ 18 ของเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติ ผู้ว่าการแคว้นผิงซีเย่เทียนเฉิงถูกจับกุม จนกระทั่งวันที่ 19 ถึงได้มีประกาศความผิดของเขาออกมา
ทุกมณฑลของแคว้นผิงซีต่างตกตะลึงกับข่าวดังกล่าว และในวันเดียวกันนั้นเองที่ผู้ตรวจการใหญ่แห่งแผ่นดินซุนปิงเฉินได้ควบคุมทั้งแคว้นผิงซีโดยสมบูรณ์แล้ว
ในขณะเดียวกันเย่เทียนเฉิงและผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาถูกคุมขังเพื่อรอส่งตัวไปเมืองหลวงรับการพิจารณาคดีจากความผิดที่เขาก่อ
เพื่อรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ในเมืองผิงซี หวงฟู่เฉียนฉีได้ออกคำสั่งในคืนวันที่ 18 ให้ย้ายกองทหารจากมณฑลที่อยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นผิงซีให้เข้ามาในเมืองผิงซี
ค่ายกงของกงเถี่ยซานในมณฑลหวงหลงก็ได้รับคำสั่งนี้เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นค่ายทหารทั้งสิบของเมืองก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดินเช่นกัน
ทหารในค่ายทหารสี่แห่ง ซึ่งเดิมประจำการอยู่นอกเมือง ถูกย้ายเข้ามาในเมือง และมาประจำการในชุมชนชาวชาตูเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการจลาจล
ซุนปิงเฉินมีแผนแล้วว่าจะทำอย่างไรหลังจากเย่เทียนเฉิงถูกจับ ตัว เขาได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้อย่างดีในขณะที่เขาได้เตรียมการและตัดสินใจจัดการสำหรับเหตุฉุกเฉินประเภทต่างๆ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีการประกาศว่าเย่เทียนเฉิงถูกควบคุมตัวโดยผู้ตรวจการใหญ่ เมืองผิงก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์จลาจลอะไรขึ้น ทุกอย่างเคลื่อนไปอย่างสงบตามที่ควรจะเป็น
สำหรับประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองผิงซี พวกเขาไม่ได้กังวลมากนักว่าใครจะเป็นผู้ว่าการแคว้นคนต่อไป ความกังวลเพียงอย่างเดียวของพวกเขาคือการทำมาหากินและชีวิตส่วนตัวของพวกเขา
ตราบใดที่ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบ เหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นเพียงการสนทนาหลังอาหารค่ำสำหรับพวกเขา
นอกจากนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุตรชายของผู้ว่าการแคว้นได้ทำลายชื่อเสียงของเย่เทียนเฉิงในเมืองผิงซีจนย่อยยับแล้วเช่นกัน
แม้ว่าเย่เทียนเฉิงจะทำความสะอาดก้นของตัวเองด้วยการโยนความผิดทั้งหมดใส่ตระกูลหวังแต่ผู้คนในเมืองก็ไม่ใช่คนโง่ ลูกชายทำความผิดใหญ่ขนาดนี้ มีหรือคนเป็นพ่อจะไม่รู้เรื่อง
นอกจากนั้นคนเถื่อนชาวชาตูก็ทำตัวเลวร้ายเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีที่เย่เทียนเฉิงปกครอง พลเมืองของเมืองนี้ต่างก็เห็นความชั่วช้าเลวทรามของผู้ปกครองเมืองเป็นอย่างดี
คราวนี้ลูกชายของเขาได้รับความเดือดร้อนเพราะได้สมรู้ร่วมคิดกับชาวชาตู ดังนั้นเมื่อมีการประกาศที่ระบุว่าเย่เทียนเฉิงสมรู้ร่วมคิดกับชาวชาตู
ทุกคนในเมืองนี้ล้วนแล้วแต่แสดงความยินดีออกมาไม่มีผู้ใดสงสัยเลยว่านี่เป็นการใส่ร้ายแม้แต่น้อย เมืองผิงซีจะมีความยุ่งเหยิงอีกครั้งได้อย่างไรในสถานการณ์แบบนี้?
เอี้ยนลี่เฉียงได้ยินมาว่าผู้ว่าการแคว้นเล่ยสือตงก็จับกุมตัวผู้พิพากษาสูงสุดเย่เทียนฮ่าวจากสำนักงานบังคับใช้กฎหมายในแคว้นกาน และผู้ว่าราชการทหารเย่เทียนฝาจากสำนักงานผู้ว่าการทหารแคว้นกานก็ถูกซุ่มโจมตีด้วยเช่นกัน
เมื่อสิ้นสุดสามเย่ กองทัพหลวงสามหมื่นของราชสำนักก็กรีธาทัพเข้าไปในแคว้นเว่ยหยวนพร้อมกับกวาดล้างตระกูลเย่จนสิ้นซาก
เมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองผิงซีแล้ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในแคว้นเว่ยหยวนต่างหากที่สั่นสะเทือนแผ่นดินอย่างแท้จริง
เอี้ยนลี่เฉียงรู้ดีว่าเขายังเด็กเกินไปไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอและขาดอำนาจใดๆ ในสายตาของคนอื่นๆเขายังถือว่าเป็นเด็กวัยรุ่น ต่อให้เขาฉลาดมากกว่านี้ก็ไม่มีใครกล่าวถึงเขา
นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงซุนปิงเฉินก็ไม่ได้ให้ความสำคัญหรือวางแผนการในอนาคตสำหรับเขาแต่อย่างใด ถึงอย่างนั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็ทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้น
บางทีคนอื่นอาจจะรู้สึกผิดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อพวกเขาตกอยู่ในสถานะของเอี้ยนลี่เฉียง อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด
อันที่จริงเขารู้สึกสะดวกใจมากกว่าที่ไม่ต้องเข้าพบซุนปิงเฉิน และต้องทำตัวสงบเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ย้ายเข้ามาในสำนักงานผู้ว่าการแคว้น เขาไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอกหรือกับครอบครัวของเขาเลย
ถ้าซุนปิงเฉินและเหลียงอี้เจี๋ยไม่ได้จัดเตรียมอะไรไว้สำหรับเขา มันก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เขาเพียงต้องฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นและลมปราณศักดิ์สิทธิ์มังกรคชสารเท่านั้น
ในช่วงเวลาที่เว้นว่างจากการฝึกฝนเอี้ยนลี่เฉียงก็จะเดินทางไปยังอาณาจักรสวรรค์และฝึกฝนภายในนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไปพร้อมๆกัน
เขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งสองโลก ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยมือจากดินแดนใดดินแดนหนึ่งอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาของเขาหมกมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะทุกวันโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในอาณาจักรสวรรค์ ตันเถียนฉีไห่ของเขาก็คล้ายกับทะเลสาบที่แห้งแล้งได้รับการเติมเต็มและชุ่มชื้นด้วยพลังปราณอย่างช้าๆ
ความรู้สึกถึงฉีที่อยู่ในตันเถียนฉีไห่ของเขาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน อีกทั้งเมื่อเขาฝึกวิชาระฆังทองคุ้มกายเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองทรงพลังขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ซุนปิงเฉินอดไม่ได้ที่จะยอมรับการแสดงออกของเอี้ยนลี่เฉียงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนแรกเขาคิดว่าชายหนุ่มที่อายุราวๆ เอี้ยนลี่เฉียงจะมีชีวิตชีวาขึ้นและไม่สามารถสงบลงได้
ในสถานการณ์แบบนี้ ชายหนุ่มธรรมดามักจะพลาดพลั้งหรือสร้างปัญหาให้เบื้องบนของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงกลับมีความสงบเยือกเย็นทำให้ซุนปิงเฉินสามารถไว้วางใจเขาได้ในอนาคต
......
ในช่วงเช้าของวันที่ 22 ของเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ เนื่องจากซุนปิงเฉินไม่มีงานให้เขาทำ เอี้ยนลี่เฉียงไปที่ลานเล็กๆของเขาหลังจากที่เขาทำกิจวัตรยามเช้าและรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว
เขาเริ่มฝึกวิชาแขนเหล็กและวิชาฝ่ามือเหล็กจากคัมภีร์ระฆังทองคุ้มกายใต้ต้นสน แขนและฝ่ามือของเขากระแทกกับลำต้นของต้นสนเป็นจังหวะ
ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีโกลดี้ซึ่งเฝ้าเส้นทางก็เริ่มเห่าเพื่อเป็นการเตือนเขา
เอี้ยนลี่เฉียงหยุดเมื่อได้ยินเสียงเห่าโกลดี้ เขารู้ว่าเหลียงอี้เจี๋ยมาถึงแล้ว ดังนั้นเขาจึงหยุดสิ่งที่เขาทำและพับแขนเสื้อลง
“ลี่เฉียง สุนัขที่เจ้าเลี้ยงนั้นฉลาดมาก มันเหมือนกับยามรักษาความปลอดภัยชั้นหนึ่งเลยก็ว่าได้!” เสียงของเหลียงอี้เจี๋ยได้ยินแม้กระทั่งก่อนที่เขาจะมาถึง
“พี่เหลียง!”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้ม
“เจ้าคงรู้สึกไม่สบายเท่าไหร่ในเมื่อไม่มีอะไรทำ”
“ข้าไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร ต่อให้ไม่มีอะไรทำข้าก็แค่คิดว่าไม่สร้างปัญหาให้นายท่านก็ดีแล้ว!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เหลียงอี้เจี๋ยพึมพำแล้วพยักหน้า
“นายท่านได้กล่าวถึงเจ้าในที่ประชุมด้วยเขายกย่องในความสงบนิ่งของเจ้าแม้ว่าจะอายุเพียงแค่นี้เท่านั้น”
"นายท่านยกย่องเกินไปแล้ว!"
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้ถามว่าพวกเขาประชุมเรื่องอะไรกันเขาเพียงหยิบเสื้อคลุมของตัวเองพร้อมกับดาบเล่มนึงติดตามเหลียงอี้เจี๋ยออกไปข้างนอก
มีทหารองครักษ์ของซุนปิงเฉินกลุ่มใหญ่รออยู่ที่ด้านหน้าประตูแล้ว เมื่อเห็นเหลียงอี้เจี๋ยและเอี้ยนลี่เฉียงออกมา ทุกคนก็รีบกระโดดขึ้นไปบนม้าของตัวเองและมุ่งหน้าไปทางประตูเมือง
“พี่เหลียง งานของเราคืออะไร” ในขณะนั้นเองที่เอี้ยนลี่เฉียงเกิดความสงสัยในที่สุด
“พวกเราจะไปโจมตีรังเก่าของเย่เทียนเฉิง...”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นเอี้ยนลี่เฉียงก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก