ตอนที่แล้วบทที่ 49: นักสู้ที่ผ่านการรับรอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51: ความสนใจของสองบอส

บทที่ 50: ขอแสดงความยินดีกับประเทศของฉัน!


บทที่ 50: ขอแสดงความยินดีกับประเทศของฉัน!

สมาคมศิลปะการต่อสู้ตงไห่

หวังเต็งยืนอยู่ที่ทางเข้าขนาดใหญ่และมองไปที่อาคารที่อยู่ข้างหน้าเขา ขนาดของมันทำให้เขาประหลาดใจ

นี่คืออาคารสูงระฟ้าที่มีหอแปดเหลี่ยมแหลมคม ภายนอกนั้นมีเอกลักษณ์และเมื่อมองจากระยะไกล อาคารแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่นี้ก็จะเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดในบริเวณนี้

ฝูงชนจำนวนมากกำลังเดินไปมาด้านหน้าอาคารในเวลานี้ นอกจากนี้มันก็ยังมีอีกหลายคนที่ออกมาและเข้าไปในอาคาร

หวังเต็งมองไปรอบๆตัวเขา คนเหล่านี้ล้วนแผ่ออร่าที่ไม่ธรรมดาออกมา...

คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นนักสู้! หวังเต็งรู้สึกประหลาดใจกับการคาดเดาของเขาในขณะที่เขาร้องอุทานในใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นนักสู้จำนวนมากขนาดนี้ หวังเต็งรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขาหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ของเขา หลังจากหายใจออก เขาก็เดินเข้าไปในอาคารขนาดใหญ่

เมื่อหวังเต็งก้าวเข้ามา หลายคนก็เพ่งมองไปที่เขา มันมีความประหลาดใจในสายตาของพวกเขาเมื่อพวกเขามองไปที่หวังเต็ง

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของหวังเต็งได้ นั่นก็เป็นเพราะเขาสวมหน้ากากอุลตร้าแมน…

สายตาของทุกคนดูแปลกไปเล็กน้อย แน่นอนว่ามันมีคนบางส่วนเช่นกันที่สวมหน้ากากแล้วเข้ามาขอใบรับรองการเป็นนักสู้ของพวกเขา เพราะยังไงซะท้ายที่สุดทุกคนต่างก็มีความลับ และพวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นใครบางคนที่แปลกประหลาดแบบนี้ เขาสวมหน้ากากอุลตร้าแมน

ไอ้นี่จะต้องมาเล่นตลกแน่ๆ!

โชคดีที่พวกเขารู้ว่ามันไม่มีใครกล้าพอจะมาสร้างปัญหาในสมาคมศิลปะการต่อสู้

นอกจากนี้ เมื่อดูจากออร่าที่หวังเต็งปล่อยออกมาอย่างจงใจแล้ว...

พวกเขาสามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าหวังเต็งเป็นนักสู้อย่างแน่นอน!

ด้วยเหตุนั้นเอง ไม่ว่าเขาจะดูแปลกขนาดไหน แต่มันก็ไม่มีใครอยากที่จะเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาหรือความลับของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นนักสู้

“สวัสดี ฉันมาที่นี่เพื่อขอใบรับรองนักสู้” หวังเต็งเดินเข้าไปที่แผนกต้อนรับและพูดกับพนักงานที่อยู่ตรงข้ามเขา

พนักงานเงยศีรษะขึ้น มันไม่ยากเลยที่จะจินตนาการถึงการแสดงออกอันน่าทึ่งของเธอเมื่อเธอเห็นหน้ากากอุลตร้าแมนของหวังเต็ง

เธอควบคุมเสียงหัวเราะของเธอและพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “เข้าใจแล้ว งั้นตามฉันมา”

ภายใต้การแนะนำของเธอ หวังเต็งก็ได้มาถึงอีกห้องหนึ่ง

“โปรดเข้าไปข้างใน ที่คุณต้องทำก็มีเพียงแค่ปฏิบัติตามคำแนะนำบนผนังและใช้เครื่องนี้ หากไม่มีปัญหาอะไร ระบบก็จะป้อนข้อมูลของคุณลงในระบบ และข้อมูลประจำตัวนักสู้ของคุณก็จะปรากฎออกมาภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที” พนักงานยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้เขาขณะที่เธออธิบายขั้นตอนให้เขาฟัง

หวังเต็งพยักหน้าขณะฟังอย่างตั้งใจ

หลังจากที่เขาเข้าไปในห้อง พนักงานก็ได้ปิดประตูตามหลังเขา

หวังเต็งมองสภาพแวดล้อมรอบข้างเขาและเห็นเครื่องจักรอยู่ติดกับผนัง มันดูเหมือนตู้เอทีเอ็ม

ความรู้สึกคุ้นเคยผุดขึ้นในหัวใจของเขา

หวังเต็งเคยใช้อุปกรณ์ตรวจสอบร่างกายที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินมาก่อนซึ่งมันก็ดูมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เครื่องจักรนี้ก็ดูเหมือนจะซับซ้อนกว่าในสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้มาก

ถึงกระนั้น เขาก็รู้ว่านี่เป็นเครื่องตรวจร่างกาย ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเพียงเครื่องจักรที่ออกแบบมาสำหรับนักสู้

เมื่อเปรียบเทียบกับศิษย์นักสู้ ร่างกายของนักสู้นั้นก็มีความแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นการตรวจสอบร่างกายของนักสู้จึงมีความซับซ้อนมากกว่ามาก

และต้นทุนการผลิตของเครื่องนี้ก็น่าจะอยู่ที่สองหถึงสามล้านเป็นอย่างต่ำ มันแพงกว่าเครื่องตรวจร่างกายสำหรับศิษย์นักสู้มากกว่าสิบเท่า

หวังเต็งถอดหน้ากากอุลตร้าแมนออก

ตามขั้นตอน เขามาที่หน้าเครื่องตรวจสอบและวางบัตรประจำตัวของเขาไว้ในช่องใส่

“กรุณาสแกนลายนิ้วมือและดวงตาของคุณ”

หวังเต็งฟังคำอธิบายและวางฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาอาไว้ข้างหน้า ในเวลาเดียวกัน เขาก็มองตรงเข้าไปในกล้องด้านหน้า

“เก็บลายนิ้วมือ”

“บี๊บ การสแกนดวงตาเสร็จสิ้น”

“กำลังยืนยันตัวตน...”

หลังจากผ่านไปประมาณสามนาที เสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ยืนยันตัวตน หวังเต็ง อายุ 17 ปี พลเมืองของจีน ไม่มีประวัติอาชญากรรม ภูมิหลังใสสะอาด... คุณสมบัติตรงตามความต้องการทั้ง 108 ของการเป็นนักสู้ การยืนยันเสร็จสิ้น”

“กรุณาเข้าไปในเครื่องตรวจร่างกายเพื่อทำการตรวจร่างกาย”

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าตัวตนของเขานั้นไม่มีปัญหา แต่หวังเต็งก็ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย เขาถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเขาผ่านการตรวจสอบแล้ว

เขาก้าวเข้าไปในเครื่องตรวจร่างกายต่อไป

ประตูของอุปกรณ์ปิดอย่างช้าๆ มันเริ่มสแกนและตรวจสอบร่างกายของเขาทั้งหมด

หวังเต็งไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาของเขาหรือเปล่า แต่เขารู้สึกราวกับว่ามันมีมือที่มองไม่เห็นมาสัมผัสเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่านิวเคลียสฟอร์สของเขาสั่นเล็กน้อยครู่หนึ่ง พลังภายในได้รับการกระตุ้นและกระสับกระส่ายเล็กน้อย

การตรวจสอบสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว เสียงอัตโนมัติดังขึ้นในหูของเขาอีกครั้ง

“การตรวจสอบเสร็จสิ้น”

“หวังเต็ง ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้เป็นนักสู้แล้ว”

“กำลังจัดทำหนังสือรับรองนักสู้ กรุณารออย่างอดทน”

ในขณะนี้ ด้านนอกทางเข้าของสมาคมนักสู้ รถเก๋งสีดำได้หยุดลงอย่างช้าๆ และชายที่มีผมแหลมราวกับเหล็กแหลมก็ได้ลงมาจากรถ

นั่นคือหัวหน้าของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน ฝูเทียนเต๋า

ชายวัยกลางคนหน้าตาดีเดินออกมาต้อนรับ เขายิ้มและกล่าวว่า “ ผู้อาวุโสฝูยากที่จะได้พบนายที่นี่ ฉันเชิญนายมาที่นี่หลายครั้งแล้ว และในที่สุดวันนี้นายก็ตกลงที่จะเข้ามา

“มีหลายสิ่งที่ฉันต้องจัดการที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถไปไหนได้เลย” ฝูเทียนเต๋าตอบอย่างกระชับ

“ก็คงจะจริง” ชายผู้ปราดเปรียวรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย เขายกนิ้วขึ้นและแสร้งทำเป็นแตะชายผมแหลมคม

“ไม่ใช่ว่านายบอกว่านายได้เตรียมชามังกรหยกคุณภาพสูงจากทวิปซินหวู่เอาไว้หรอ? เร็วเข้า นำทางไปได้แล้ว” ฝูเทียนเต๋ามองชายผู้สง่างามขณะที่เขาพูด

“มา มา มา ฉันเตรียมไว้แล้ว ฉันแค่รอให้นายมา” ชายผู้สง่างามหัวเราะ เขายกมือขึ้นและเดินเข้าไปในอาคารขนาดใหญ่ก่อน

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกันและเดินอยู่ มันก็เกิดความโกลาหลขึ้นรอบตัวพวกเขา

“นั่นมันหัวหน้าของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินสาขาตงไห่ใช่ไหม?”

“หลังจากได้ยินเรื่องของเขามาหนึ่งร้อยครั้ง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบเขาตัวเป็นๆ ออร่าเขาช่างทรงพลังอะไรแบบนี้!”

“แน่นอน นายรู้ไหมว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน? แค่การที่เขาสามารถกลายมาเป็นหัวหน้าสาขาของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินได้นั้นมันก็พิสูจน์แล้วว่าเขาแข็วแกร่งขนาดไหน?”

“แล้วใครคือชายคนนั้นกัน? ทำไมเขาถึงสามารถเชิญฝูเทียนเต๋ามาได้กันนะ!”

“ไอ้โง่ นั่นคือประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้สาขาตงไห่ ประธานฉินหานหยวนยังไงล่ะ”

“โอ้พระเจ้า ฉันคงจะตาบอดไปแล้วจริงๆ เขากำลังเดินอยู่ตรงหน้าฉัน แต่ฉันกลับจำเขาไม่ได้”

“เขาก็เป็นบุคคลที่ทรงพลังมากเช่นกัน....”

การสนทนาดังขึ้นในบริเวณใกล้เคียง แม้ว่าฝูเทียนเต๋าและฉินหานหยวนจะจากไปเป็นเวลานานแล้ว แต่ทุกคนก็ยังพูดถึงความสำเร็จของพวกเขา

ทุกคนรู้เกี่ยวกับความสำเร็จของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ในฐานะบุคคลสำคัญของเมืองตงไห่ พลเมืองของเมืองตงไห่จึงไม่เคยหยุดไล่ตามและยกย่องพวกเขา

ฝูเทียนเต๋าและฉินหานหยวนคุยกันขณะที่พวกเขาขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสูงสุดของอาคาร จากนั้นพวกเขาก็มาถึงห้องทำงานของฉินหานหยวน

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้องทำงาน พวกเขาก็เห็นกำแพงกระจกสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน

มันอยู่ตรงหน้าทางเข้า

จากห้องทำงานนี้ เราก็สามารถมองเห็นวิวมุมสูงของเมืองตงไห่ทั้งหมดได้ มันให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดและมองดูภูเขาเล็กๆด้านล่าง

โต๊ะกาแฟวางอยู่ข้างหน้าต่างสูง

“นั่งก่อน” ฉินหานหยวนกล่าวอย่างสบายๆ

“ห้องของนายไม่เลวเลย” ฝูเทียนเต๋ากล่าวอย่างสงบ เขาเดินไปที่ริมหน้าต่างแล้วมองดูพื้นด้านล่างที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน

ฉินหานหยวนนั่งลงและเริ่มชงชาอย่างเป็นธรรมชาติ กลิ่นหอมจางๆของชาลอยเข้ามาในห้อง

เขากล่าวว่า “เห้อ มันเหงาที่จะต้องมาอยู่ในตำแหน่งสูงๆ มันรู้สึกไม่ดีเลยที่จะอยู่ในห้องทำงานแบบนี้ทุกวัน”

“อ๋อหรอ” ฝูเทียนเต๋าเยาะเย้ย

“มันไม่มีอะไรดีเลยนะเมื่อออกมาจากปากของคุณ ดื่มชาก่อนสิ” ฉินหานหยวนรู้สึกหมดหนทางในขณะที่เขารินชาให้ฝูเทียนเต๋า

ฝูเทียนเต๋านั่งลงและจิบชา เขาลิ้มรสมันขณะหลับตา จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นและพูดว่า “นี่เป็นชาที่ดีจริงๆ”

“แน่นอน. ฉันต้องเลียแข้งเลียขาผู้ว่าราชการมาตั้งนานกว่าจะได้มันมา” ฉินหานหยวนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“ตอนนี้ผู้ว่าราชการเจียงอยู่ที่ไหน?” ฝูเทียนเต๋าเลิกคิ้วและถาม

“ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขา ผู้ว่าราชการเจียงกำลังเตรียมที่จะเลื่อนไปสู่ระดับแม่ทัพ” ฉินหานหยวนหันมาพูดอย่างจริงจัง

“โอ้? เขามั่นใจแล้วอย่างงั้นหรอ?” การแสดงออกของฝูเทียนเต๋าเปลี่ยนไปและเขาถามอย่างกังวล

“จากที่เขาพูด เขาก็มีความมั่นใจประมาณ 60%” ฉินหานหยวนตอบ

“60%? นั่นต่ำเกินไป ทำไมเขาไม่รออีกสักหน่อยล่ะ?” ฝูเทียนเต๋าขมวดคิ้วและหายใจเข้าลึก ๆ

“ฉันได้ยินมาว่าผู้ว่าการหลี่แห่งจินหลินนั้นมาถึงระดับแม่ทัพแล้วเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว” ฉินหานหยวนทิ้งระเบิดปรมาณูลงทันที

“อะไรนะ! นายพูดจริงรึเปล่าเนี่ย?” ฝูทียนเต๋ากระโดดลุกขึ้นยืน

“นั่งลงก่อน นั่งลงก่อน แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องจริง คิดว่าฉันจะทำพลาดอย่างนั้นหรอ?” ฉินหายหยวนกลอกตา

“เรามีนายพลอีกคนแล้วสินะ ขอแสดงความยินดีกับประเทศของฉัน!” ดวงตาของฝูเทียนเต๋าเป็นประกาย

“เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองจริงๆ” ฉินหานหยวนพยักหน้าเห็นด้วย

“อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการเจียงนั้นก็ประมาทเกินไป เขาโดนกระตุ้นไปตามกระแสได้ยังไงนะ” ฝูเทียนเต๋ากลับเข้าสู่หัวข้อเดิม เขาดูกังวลเล็กน้อย

“นายไม่รู้หรอว่าสองคนนั้นเป็นศัตรูกันตั้งแต่พวกเขาอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว พวกเขาต่อสู้กันมาทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นผู้ว่าราชการเจียงจะใจเย็นอยู่ได้ยังไงกัน?” ฉินหานหยวนอธิบายด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

“อย่างนี้นี่เอง” ฝูเทียนเต๋าไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน

“ฉันหวังว่าผู้ว่าราชการเจียงจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้อย่างราบรื่น เมื่อถึงเวลานั้น ตงไห่ก็จะมีนักสู้ระดับแม่ทัพเพิ่มเข้ามาอีกคนหนึ่ง...”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด