ตอนที่ 221 ฮาเดรียน่า
ตอนที่ 221 ฮาเดรียน่า
ไนเรลนั่งอยู่บนเลื่อนโดยมีกัสลากไปบนทะเลทรายไม่ช้าไม่เร็ว ด้านหลังมีกลุ่มนักล่าจากเผ่าหนอนไฟตามมาด้วยโดยแต่ละคนยังแบกชิ้นส่วนและเนื้อของแมงป่องมาด้วย แน่นอนว่าของทั้งหมดนนี้เป็นของไนเรล พวกเขาเพียงแต่อาสาจะช่วยเท่านั้น
แต่ละคนมองไปยังอสูรหนูอย่างไม่เป็นมิตร แต่เพราะมันมากับไนเรลพวกเขาจึงเพียงมองอย่างระวังเท่านั้น
หลายคนคิดว่าการที่อสูรหนูยอมรับไนเรลเป็นเจ้านายนั้นหมายความว่าไนเรลทรงพลังมาก ๆ พวกเขาไม่เคยเห็นระดับสีม่วงต่อสู้ ได้ยินแต่เพียงคำบอกเล่าจากปากของพวกระดับสีน้ำเงินเท่านั้น แน่นอนว่าไนเรลก็ไม่ได้คิดจะแสดงพลังอะไร
ตอนนี้เขานั่งอยู่บนรถลากเลื่อนและจัดการใช้น้ำสะอาดที่ได้มา ค่อย ๆ ล้างบาดแผลที่ขาก่อนพร้อมกับใช้ดาบสั้นแคะเศษดินที่ติดอยู่ออก ไนเรลบีบเลือดสีดำออกมาก่อนจะตัดแผลบางส่วนออก เขาทำมันไปเรื่อยอย่างไม่รีบร้อนอะไรเหมือนกับมันเป็นเพียงสิ่งที่ใช้ค่าเวลาเท่านั้น
หลายชั่วโมงต่อมา...พวกเขาเดินทางกันมาอย่างต่อเนื่องภายใต้การนำของเฮกเตอร์
“พวกเราใกล้จะถึงที่เผ่าแล้ว” เฮกเตอร์บอกกับไนเรล คนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าโล่งอกเช่นกัน ที่พวกเขากลับมาได้อย่างปลอดภัย
“เผ่าของพวกนายมีกันอยู่กี่คน” ไนเรลหันไปถามเฮกเตอร์ที่เดินตามมาด้านข้าง แม้เฮกเตอร์จะเรียกว่าเผ่าตัวเองว่าเผ่าเล็ก ๆ แต่ไนเรลก็อยากจะรู้เรื่องของเผ่าหนอนไฟของคนกลุ่มนี้ให้มาก
“พวกเรามีกันอยู่ประมาณ 200 คน แต่ตอนนี้อาจจะไม่ถึงแล้วหลังจากบางคนโดนแมงป่องตัวนี้ล่าไป”
“แค่ 200 ทำไมถึงน้อยนัก หรือพวกคนธรรมดาส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว”
“คนธรรมดา?” เฮกเตอร์มองไปที่ชายหนุ่มด้วยความสงสัย “หรือว่าท่านไนเรลหมายถึงมนุษย์ที่ไม่มีพลัง ถ้าแบบนั้นข้าเคยได้ยินมาบ้าง แต่มันก็เมื่อ 80 ปีก่อนแล้ว ว่ากันว่ามีเด็กที่คลอดออกมาแล้วไม่มีคริสตัลวิวัฒนาการบนหัว ซึ่งนั้นทำให้เด็กคนนั้นอ่อนแอมาก และตายเพราะฝูงซอมบี้บุกเผ่า แต่มันก็แค่ข่าวลือเท่านั้น ส่วนเผ่าของข้าคือเผ่าหนอนไฟ ทุกคนมีความสามารถในการควบคุมเพลิงได้ แต่มันก็แค่ความสามารถธรรมดาเท่านั้น”
เฮกเตอร์ตอบด้วยความอาย ๆ เท่านั้น
ไนเรลได้ยินดังนั้นก็ถึงกับนิ่งเงียบไป ‘ที่เฮกเตอร์พูดหมายความว่าทุกคนคือมนุษย์ชั้นสูงกันหมด ไม่มีมนุษย์ธรรมดาถือกำเนิดขึ้นมานานแล้ว’
เมื่อรู้ถึงตรงนี้เขาก็ยิ่งหวาดหวั่นในใจ ยิ่งผ่านมานานแค่ไหน เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยิ่งเปลี่ยนไปมากเท่านั้น ที่เปลี่ยนคืออัตรามนุษย์ชั้นสูงจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทุกคนกลายเป็นมนุษย์ชั้นสูงหมด
สิ่งนี้ถูกเรียกว่าการวิวัฒนาการในระดับเผ่าพันธุ์
‘แต่โลกที่พึ่งเกิดเหตุการณ์โลกาวินาสนั้น มนุษย์ไม่มีทางที่จะมาถึงระดับวิวัฒนาการทั้งเผ่าพันธุ์ได้เร็วขนาดนี้ แม้แต่ทวีปโรเลน่าก็เถอะ’
ขณะที่ไนเรลกำลังจะถามต่อนั้น คนในกลุ่มนักล่าก็ร้องตะโกนเสียงดัง “พวกเรามาถึงแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ พวกเรากลับมาแล้ว รีบไปกันเถอะ”
“ท่านไนเรลใกล้มืดแล้ว เราควรจะรีบเข้าไป”
พระอาทิตย์เริ่มตกแล้ว อากาศที่จากร้อนระอุกลับแปรเปลี่ยนเป็นหนาวเย็นอย่างรวดเร็ว
ไนเรลมองไปด้านหน้า เผ่านี้ตั้งอยู่ในซากเมือง มีอาคารและบ้านดินอยู่สร้างอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นซากปรักหักพังเท่านั้น มีกำแพงล้อมรอบในระยะ 500 เมตร
เมื่อเข้ามาด้านในมีคบเพลิงถูกจุดไว้ตามมุมต่าง ๆ แม้ไม่มากนัก แต่ก็พอให้แสงสว่างได้
“พวกเราไม่ได้จุดคบเพลิงที่กำแพง เพราะมันจะล่อพวกซอมบี้เร่ร่อนมา”
“อืม”
ไนเรลพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เขามองไปที่คนในเผ่าหนอนไฟ ทุกคนนั้นเป็นอย่างที่เฮกเตอร์บอกพวกเขาทุกคนเป็นมนุษย์ชั้นสูงหมด ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่
แต่ระดับของคนที่แน่ไม่สูงมากนัก สูงสุดก็แค่ระดับสีน้ำตาลซึ่งมีไม่ถึงสิบคน และกว่าเจ็ดในสิบของคนในเผ่าอยู่ที่ระดับสีขาวเท่านั้น ที่เหลือเป็นสีเทา...
“ท่านไนเรลอาคารแห่งนั้นเป็นที่พักของข้า ท่านสามารถไปพักที่นั่นได้” แอชเชอร์ชี้ไปที่อาคารที่ดูดีที่สุด เขาเดินนำไนเรลไปที่พัก
“บอกให้คนของคุณแบ่งเนื้อแมงป่องพวกนั้นไปกินได้” ไนเรลหันไปมองเนื้อแมงป่องส่วนที่คนพวกนี้ขนมา คนในเผ่าหลายคนกำลังมุงดูเนื้อพวกนั้นขณะที่กลื่นน้ำลาย
เฮกเตอร์ได้ยินก็ดีใจเป็นอย่างมากรีบขอบคุณไนเรลก่อนที่จำไปแจ้งให้คนของตัวเองทราบและนำทางไนเรลไปต่อ ส่วนกันนั้นไนเรลขอให้เฮกเตอร์จัดที่พักให้กับมัน
กัสไม่คิดที่จะหนีมันขนของไนเรลรวมทั้งเนื้อส่วนดี ๆ ไปกับตัวเองด้วย ซึ่งแน่นอนว่าไนเรลให้มันเฝ้าของพวกนี้ไว้ และมันได้รับอนุญาตกินบางส่วนได้ถ้าหิว
หัวหน้าเผ่าเดินนำไนเรลขึ้นไปบนอาคารชั้นสอง ทั้งสองมาหยุดอยู่หน้าห้องที่มีเพียงหนังสัตว์ปิดประตูไว้
เมื่อเข้าไปด้านในหัวหน้าเผ่าก็หยิบฟืนขึ้นมาวางไว้ยังถังเหล็กและสะบัดมือเปลวไฟขนาดเล็กก็พุ่งเข้าไปยังกองไฟกลางห้อง
กองไฟลุกโชนภายในห้องเริ่มมีแสงสว่างและความอบอุ่นมากขึ้น
“ท่านไนเรลพักที่นี่ก่อนได้ในคืนนี้ อีกสักพักข้าจะให้คนเอาอาหารจากเนื้อแมงป่องของท่านมาเสิร์ฟให้”
ไนเรลพยักหน้าและถามกลับไป “เอาน้ำสะอาดมาให้ผมก็พอ”
“ได้ ๆ ท่านรอสักครู่ ข้าจะให้คนไปเขามาให้”
หลังจากเฮกเตอร์ออกไปแล้ว ไนเรบก็เข้าไปนั่งหลับตาพักผ่อน
ผ่านไปสักก็ได้ยินเสียงโห่ร้องและพูดคุยด้วยความสนุกสนานมาจากด้านล่าง แม้มันไม่ดังมาก แต่ก็บ่งบอกได้ว่าพวกเขามีความสุขกัน
ไนเรลลุกขึ้นไปยืนดูจากชั้นสอง มองผู้คนด้านล่างที่ล้อมรอบกองไฟ มีเนื้อแม่งป่องถูกหันเป็นชิ้นเสียบไม้ย่าง ปรุงด้วยเครื่องปรุงต่างรสชาติกันไป
ผู้คนเริ่มลงมือกินเนื้อแมงป่องกันโดยไม่ให้เสียเปล่าสักชิ้น แม้แต่ไม้ยังถูกเลียจนสะอาด
ในตอนนั้นเองก็มีคนยืนอยู่ที่ด้านนอกประตูห้อง
“นายท่านข้าเอาน้ำที่ท่านขอมาให้” เสียงของเด็กสาวดังขึ้น
“เข้ามา”
ประตูไม้เปิดออกเผยให้เห็นเด็กสาวอายุประมาณ 18-19 ปีแต่งกายด้วยเสื้อผ้าบาง ๆ ซึ่งดูดีกว่าชุดของคนในเผ่าหนอนไฟที่ใส่กันอยู่เล็กน้อย เธอยกผ้าที่ปิดประตูเดินเข้ามาภายในห้องที่มืดเล็กน้อย
เด็กสาววางถังน้ำลงและเดินไปหยิบฟืนมาเติมอีกท่อน ก่อนที่จะเดินเข้ามาทำจะถอดเสื้อผ้าของไนเรล
“เธอจะทำอะไร” ไนเรลเอื้อมมือไปจับมือของเด็กสาวเอาไว้
“ข้า ข้าก็แค่จะช่วยท่านชำระร่างกาย” เธอพูดด้วยความตกใจ
ไนเรลปล่อยมือของเธอ เด็กสาวรีบดึงมือกลับด้วยความอาย แต่เธอก็เงยหน้ามองคริสตัลวิวัฒนาการสีม่วงที่หน้าผากของไนเรลด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่เป็นไร ออกไปเถอะ”
“แต่...ถ้าข้าออกไปตอนนี้พ่อจะต้องดุข้าแน่”
“พ่อ? เฮกเตอร์นะเหรอ”
“อืม” เด็กสายพยักหน้าตอบ
ไนเรลได้ยินดังนั้นก็หมดคำพูด ที่เฮกเตอร์ส่งลูกสาวมาหาเขาแล้วยังให้เธอแต่งตัวแบบนี้ เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเหตุผลคืออะไร ‘ชายคนนี้กล้ามากที่กล้าจับใช้ลูกสาวมาล่อลวงฉัน ดูเหมือนฉันจะสำคัญมากในสายตาของเขาสินะ’
ไนเรลมองไปที่เด็กสาว เธอมีใบหน้าและรูปร่างที่สวยงามในแบบเด็กสาวอายุ 19 แม้ผิวจะแห้งหยาบกร้านไปบ้าง เพราะความแห้งแล้งก็ตาม แต่เธอจัดว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ชื่ออะไร” ไนเรลเดินกลับมายังกลางห้องบริเวณกองไฟ ขณะที่ถามชื่อของเธอ
“ฮาเดรียน่า”
ไนเรลถอดชุดหนังสัตว์ที่ทำจากหนังของอสูรหนูออก เผยให้เห็นร่างกายท่อนบน
ฮาเดรียน่ารีบก้มหน้าลงด้วยความอาย ใบหน้าของเธอถูกเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอรู้ว่าช่วงเวลานีจะต้องมาถึง พ่อของเธอบอกว่าชายคนนี้คือคนที่แข็งแกร่งมาก ถ้าเธอสามารถดึงเขาไว้ที่เผ่าได้มันจะทำให้ทุกคนในเผ่าหนอนไฟมีชีวิตที่ดีขึ้น
“ช่วยฉันล้างแผลหน่อยก็แล้วกัน”
แต่พอได้ยินคำพูดของไนเรล เธอก็เข้าใจว่าเขาไม่ได้จะทำอะไรเธอ เขาเพียงให้เธอช่วยทำแผลให้เท่านั้น
เธอรู้สึกโล่งใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองด้วย ‘หรือว่าข้าไม่สวยพอ’ เด็กสาวคิดในใจ
ฮาเดรียน่าเงยหน้าขึ้นมองดูไนเรลก็ต้องตกใจ ที่หลังของเขามีรอยฉีกของกล้ามเนื้อและผิวหนังเหมือนกับกระจกที่แตกร้าว ที่คือสิ่งที่ไนเรลแลกมาจากการรับการโจมตีของระบบ ที่มือทั้งสองข้างของเขายังมีแผลอยู่เช่นกัน แต่มันถูกเข้าทำความสะอาดมาบ้างแล้ว
‘ชายคนนี้อาจจะบาดเจ็บสาหัสเลยก็ได้ แต่เขาทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไรเลย ตรงนี้ยังมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อยด้วย’ เด็กสาวยื่นมือออกไปเตะตรงแผลที่ไหลออกมา
ไนเรลนั่งลงบนหนังสัตว์ที่ปูไว้เป็นที่นอนอยู่ข้าง ๆ กองไฟ
ตอนนี้เขาอยากจะทำแผลของตัวเองและจัดการมันให้ดี ไนเรลไม่อยากตายจากอาการบาดเจ็บสะสม เขาต้องรีบหายและไปตามหาคนอื่น ๆ ก่อนจะกลับไปที่ทวีปเทียลันน่า กลับไปที่ไทกีล่าโดยด่วน
“ท่านนอนคว่ำหน้าลงไปได้หรือไม่...ข้าเช็ดแผลที่หลังไม่ถึง” เด็กสาวพยายามเอื้อมมือไปบนไหลของไนเรล แต่ดูมันจะลำบากเพราะไนเรลสูงกว่าเธอพอสมควร
ไนเรลทำตามที่เด็กสาวบอกเขานอนคว่ำหน้าลง
เด็กสาวเริ่มใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเศษดิน ทรายและเลือดออกจากแผล หลังจากนั้นก็ชุบน้ำทำความสะอาดอีกครั้ง ผ้าถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงจนออกดำ
ฮาเดรียน่าจุ่มมันลงในน้ำและบิดสองสามครั้งก่อนที่ทั้งถังน้ำจะเปลี่ยนเป็นสีแดงจาง ๆ จากเลือดของไนเรล
กองไฟในห้องลดลงไปเยอะ ฮาเดรียน่าใช้แขนเช็ดเหงื่อบนใบหน้าหลายครั้งกว่าที่เอจะจัดการทำความสะอาดแผลทั้งตัวของไนเรลจนหมด
“เสร็จแล้ว” ฮาเดรียน่าหันไปบอกไนเรล
แต่ตอนนี้ไนเรลหลับไปแล้ว โดยในมือของเขายังกำหอกสั้นที่ทำจากก้ามของแมงป่องไว้แน่น
......