ตอนที่แล้วบทที่ 47: ฝึกไทชิ? ดีต่อสุขภาพ~
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 49: นักสู้ที่ผ่านการรับรอง

บทที่ 48: รายงานข้อมูล


บทที่ 48: รายงานข้อมูล

หลังจากออกจากห้องพักครูแล้ว หวังเต็งและหลินซัวหานก็เดินไปที่ประตูโรงเรียนเคียงข้างกัน

“หัวหน้าห้อง นี่ก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ทำไมไม่ให้ฉันเลี้ยงข้าวเธอล่ะ?”

“นั่นไม่จำเป็น แม่ของฉันทำอาหารเย็นเสร็จไว้แล้วและแม่ก็กำลังรอให้ฉันกลับไป” หลินซัวหานปฏิเสธเขาโดยไม่ลังเล

“ตกลง งั้นเราก็แยกกันตรงนี้แหละ” หวังเต็งยิ้ม เขาไม่สนใจคำตอบของเธอ

“โอเค ลาก่อน!” หลินซัวหานตอบ

หวังเต็งโบกมือ เขาขึ้นรถของเขาและขับรถออกไปคนเดียว ระหว่างทางเขาโทรหาเจ้าของบ้านและแจ้งเจ้าของบ้านว่าตอนนี้เขากำลังจะเข้าไปที่บ้าน

ประมาณสิบนาทีต่อมา ชายที่ดูหมดอาลัยตายอยากก็ได้ขี่สกู๊ตเตอร์ตัวน้อยของเขาโดยมีสาวสวยนั่งอยู่ข้างหลังมุ่งหน้ามาทางหวังเต็ง

ฉากนี้ดูไร้สาระและไม่สมเหตุสมผลมาก

ชายคนนั้นยังคงดูหยาบกระด้างเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม สาวงามที่ซ้อนท้ายเขาอยู่นั้นก็ทำให้หวังเต็งแทบจะจำเขาไม่ได้

เขาจอดรถสปอร์ตไว้ข้างถนนแล้วลงไป

“นายน้อยหวัง ทางนี้” เจ้าของบ้านโบกมือให้เขา

หวังเต็งเดินเข้าไปหลังจากที่เขาถูกเรียก เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มีนัยยะ “พี่ชาย เราเพิ่งจะจากกันไปเมื่อตอนบ่าย แต่ตอนนี้ฉันก็เกือบจะจำคุณไม่ได้ซะแล้ว”

เจ้าของบ้านเข้าใจได้ทันทีว่าหวังเต็งหมายถึงอะไร เขาหัวเราะและพูดว่า “ไม่หรอกๆ”

สาวสวยที่อยู่ข้างหลังเขากลอกตาและยกมือขึ้นบีบเอวอ้วนๆของเจ้าของบ้าน “ไอ้โง่!”

โอ้ เสียงหวานไปหน่อยสำหรับคำด่า

“อุ๊ย!” ชายที่ดูหยาบกระด้างอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด

“เธอคงจะต้องเป็น 'นายน้อยหวัง ราชาแห่งสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจีเตียงใช่ไหม? ตาแก่หวังนี่พูดถึงเธอก่อนหน้านี้แล้ว” สาวงามหันไปหาหวังเต็งและกล่าว

หวังเต็ง: …

เจ้าของบ้านหัวเราะออกมาเมื่อเขาเห็นการแสดงออกที่ดูผิดหวังของหวังเต็ง     “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ชื่อนี้มันเป็นชื่อที่ใครได้ยินก็อาจจะขำตายได้นะ”

“มันเป็นชื่อที่ฉันตั้งตอนเด็กหรอก!” หวังเต็งตอบอย่างช่วยไม่ได้

“เธออายุเท่าไหร่แล้วหรอ?” สาวสวยเปิดปากแล้วยิ้ม

“ให้ฉันแนะนำเธอให้นายรู้จัก นี่คือภรรยาของฉัน นายสามารถเรียกเธอว่าพี่สาวหานได้” เจ้าของบ้านกล่าว

“พี่สาวหาน!” หวังเต็งเรียกเธอ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “ฉันชื่อหวังเต็ง เรียกชื่อฉันแบบนี้ก็ได้”

“เธอกับตาแก่หวังมีนามสกุลเหมือนกันเลยนะ” พี่สาวหานยิ้มและตอบ

“อย่างงั้นหรอ พี่เองก็ใช้นามสกุล 'หวัง' ด้วยอย่างงั้นหรอ อ๋อใช่ ฉันยังไม่รู้จักชื่อพี่เลยนี่” หวังเต็งยิ้ม เขารู้สึกว่านี่คือโชคชะตา

“ไม่จำเป็นต้องพูดถึงชื่อของฉัน ฉันจะเรียกนายว่าน้องหวัง และถ้านายไม่รังเกียจ นายจะเรียกฉันว่าพี่หวังก็ได้” หวังต้าเปาตอบ

หวังเต็งไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เขาพยักหน้าและถามว่า “นี่พวกคุณกำลังจะออกไปเที่ยวอย่างงั้นหรอ?”

“ถูกต้อง เจ้าคนงี่เง่าคนนี่ไม่ได้พาฉันออกไปเที่ยวเป็นเวลานานแล้ว” พี่สาวหานกล่าวอย่างเศร้า

“พี่หวัง นี่เป็นความผิดของพี่จริงๆ พี่หานสวยจริงๆ พี่จะกักตัวเธอไว้อย่างงี้ได้ยังไงกัน?” หวังเต็งยิ้ม

“ได้ยินแล้วใช่ไหม? เรียนรู้จากเต็งน้อยซะ ดูซิว่าเขาฉลาดแค่ไหน?” พี่สาวหานบีบหูของหวังต้าเปาขณะที่เธอพูด

การแสดงออกของหวังต้าเปาบิดเบี้ยวไปเนื่องจากความเจ็บปวด เขาจ้องไปที่หวังเต็งด้วยความขมขื่นที่ซ่อนอยู่บนใบหน้าของเขา

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไม่รบกวนพวกคุณแล้ว พี่หวัง เร็วเข้าไปเถอะ” หวังเต็งผลักหวังต้าเปาออกไปอย่าผลักไสไล่ส่ง

ในเวลาเดียวกัน ณ อาคารสำนักงานของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน

หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปีกำลังเดินไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่อย่างเร่งรีบ มันมีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ในมือของเธอ มันเป็นรายงานข้อมูล

เสี่ยวหมิงเป็นพนักงานของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน และในขณะที่เธอกำลังรวบรวมข้อมูลของศิษย์นักสู้ในวันนี้ เธอก็ได้พบกับอะไรบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของเธอ

ที่ทางเข้าห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ เสี่ยวหมิงได้ปรับการหายใจที่ลุกลนเล็กน้อยเนื่องจากการเดินเร็วของเธอ จากนั้นเธอก็เคาะประตู

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

“เข้ามา” เสียงทุ้มลึกดังออกมาจากข้างใน

เสี่ยวหมิงเปิดประตูและเดินเข้าไป

“มีเรื่องอะไร?”

อาจารย์ใหญ่เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี เขามีผมสั้นที่ดูเหมือนเหล็กแหลมบนหัวของเขา เขาแสดงท่าทางเคร่งขรึมและให้ออร่าที่ดูดุร้ายและเฉียบแหลม

พนักงานของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน ทุกคนจะรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์ใหญ่ และเสี่ยวหมิงเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในตอนนี้ เธอก็จำเป็นต้องรวบรวมความกล้าก่อนเป็นเวลานานกว่าที่จะกล้าก้าวไปข้างหน้าและวางรายงานข้อมูลไว้บนโต๊ะของอาจารย์ใหญ่

“อาจารย์ใหญ่คะ มันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับรายงานนี้ ฉันคิดว่าคุณควรจะดูมัน”

“โอ้?”

ฝูเทียนเต๋าเลิกคิ้วขึ้น เขาหยุดสิ่งที่เขาทำและหันความสนใจไปที่รายงาน

เขาหยิบรายงานขึ้นมาและเอนตัวพิงเก้าอี้ เขามองผ่านมันสองครั้ง

“คนธรรมดาที่กลายเป็นศิษย์นักสู้ชั้นสูงได้ภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน? อืม น่าสนใจ!” ฝูเทียนเต๋ายิ้มอย่างคลุมเครือ

เสี่ยวหมิงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฝูเทียนเต๋าก็ได้กล่าวต่อว่า “เธอออกไปได้แล้ว แล้วก้อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปด้วยล่ะ”

“รับทราบค่ะ!” เสี่ยวหมิงตอบอย่างรวดเร็ว

เสี่ยวหมิงไม่กล้าที่จะถามอะไรเพิ่มเติม

หลังจากที่หวังเต็งได้รับกุญแจจากเจ้าของบ้าน เขาก็วางไข่อีกาไว้ในห้องนอนในบ้าน จากนั้นเขาก็เปิดตู้ฟักไข่และค่อยๆฟักไข่

จากนั้นเขาก็ขับรถกลับบ้านเพื่อไปทานอาหารเย็น หลังจากนั้น เขาก็ไปที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ตามปกติเพื่อรับเก็บค่าคุณสมบัติตามเคย

สองวันผ่านไป ชีวิตของหวังเต็งดำเนินไปอย่างสงบสุข เขาทำทุกอย่างตามกิจวัตรเดิมทุกวัน

ในตอนเช้า เขาจะไปโรงเรียนเพื่อรวบรวมค่าคุณสมบัติ 'การสอบศิลปะการต่อสู้ห้าปี เอกสารจำลองสามปี' และถ้าเขาไม่ต้องการเข้าร่วมคาบเรียน เขาก็จะไปที่ป่าหลังโรงเรียนเพื่อฝึกฝนคัมภีร์ทักษะพลังฟอร์ส

สิ่งนี้ทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเพิ่งสูงขึ้น

ในตอนกลางคืนเขาก็จะไปที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินเพื่อเก็บค่าคุณสมบัติเพื่อทำให้เทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานของเขาได้เข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แบบและเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ของเขา

แน่นอน เขาไม่ลืมเทคนิคการต่อสู้ด้วยพลังฟอร์สทั้งสองอย่างของเขา ทักษะดาบเพลิงคิรินและหมัดปีศาจเหมันต์

หลังจากฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังเต็งก็ตระหนักได้ว่าเขาจะสามารถเพิ่ม 1 คะแนนได้ในทุกๆสิบครั้งที่เขาฝึกฝนมัน

นอกจากนี้ เมื่อค่าความรู้แจ้งของเขาเพิ่มขึ้น ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน

สิ่งนี้ทำให้ความกระหายในค่าคุณสมบัติความรู้แจ้งของเขาเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้หวังเต็งก็ยังได้ทดสอบพลังการป้องกันของโล่ปฐพีของเขา

ถ้าเขาใช้มันอย่างเต็มศักยภาพ  โล่ปฐพีก็จะสามารถบล็อกพลังโจมตีแบบเต็มที่ของเขาได้ประมาณ 80%

นั่นถือว่าไม่ได้แย่  ต้องรู้ว่าพลังการต่อสู้โดยรวมของเขานั้นอยู่ที่ 201 คะแนนในตอนนี้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าโล่ปฐพีนั้นสามารถต้านทานการโจมตีแบบเต็มรูปแบบของนักสู้ระดับหนึ่งดาวขั้นสูงได้

ซึ่งนี่มันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ช่วยชีวิตเขาในยามวิกฤต

ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่เขามีพลังฟอร์สธาตุดินเพียงพอ ความสามารถในการป้องกันของพลังฟอร์สธาตุดินของเขาก็จะยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก

ความรู้แจ้ง: 90

ค่าพลังวิญญาณ: 22.8

พรสวรรค์: พรสวรรค์ไฟขั้นเริ่มต้น (11/300) พรสวรรค์น้ำแข็งขั้นเริ่มต้น (13/300), พรสวรรค์ดินขั้นเริ่มต้น (12/300), สายตาแห่งจิตวิญญาณ (เริ่มต้น 1.1/10)

พลังฟอร์ส: ไฟ 64/100  (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

น้ำแข็ง 8/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

ดิน 7/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

คัมภีร์: คัมภีร์เพลิงแดง (รากฐาน 20/100 ), คัมภีร์มันต์เร้นลับ (รากฐาน 12/100), ทักษะปฐพีเหลือง 'โล่ปฐพี' (รากฐาน  15/100)

เทคนิคการต่อสู้: เทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน (ทักษะหมัดขั้นผู้เชี่ยวชาญ ทักษะดาบขั้นผู้เชี่ยวชาญ ทักษะมีดขั้นผู้เชี่ยวชาญ ฟุตเวิร์คขั้นผู้เชี่ยวชาญ), ทักษะกระบองขั้นพื้นฐาน (พื้นฐาน), ทักษะปืน (ผู้สัมฤทธิ์), ทักษะดาบเพลิงคิริน (พื้นฐาน 43/100), หมัดปีศาจเหมันต์ (พื้นฐาน 13/100)

ความรู้: วิชาพื้นฐาน (คะแนนเต็ม), 'การสอบศิลปะการต่อสู้ห้าปี เอกสารจำลองสามปี' (80 คะแนน)

พลังการต่อสู้โดยรวม: 201

ค่าคุณสมบัติเปล่า: 0

หวังเต็งพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเมื่อเขามองดูการเปลี่ยนแปลงในหน้าต่างค่าคุณลักษณะของเขา มันพัฒนาในอัตราเร็วที่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งนี่มันก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

นอกจากการฝึกฝนแล้ว หวังเต็งก็ยังคงคิดเกี่ยวกับกลุ่มนักสู้

นักสู้สามคนที่เสียชีวิตไปอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มนักสู้เท่านั้น ดังนั้นการหายตัวไปของพวกเขาก็อาจจะสร้างความสงสัยให้กับสมาชิกในกลุ่มได้

เขาหวังว่าคนเหล่านั้นจะไม่สามารถค้นพบเขาได้…

วันศุกร์  ร้าน 'มาสเตอร์ลู' ที่หวังเต็งได้สั่งโลงศพบรรทจุอาวุธของเขาในที่สุดก็ติดต่อเขากลับมา

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด