ตอนที่ 11
ไหล่ของเหว่ยอี้เฉินโดนลูกบอลก่อนแล้วล้มลงกับพื้น สร้างความเจ็บปวดอย่างมาก
เด็กหนุ่มที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเงยหน้าขึ้นอย่างว่างเปล่า เขามีร่องรอยของความตื่นตระหนกในดวงตาสีเหลืองอำพันของเขา และริมฝีปากสีแดงก่ำของเขาก็อ้าค้างด้วยความตกใจ
ยางรัดผมสีดำมัดผมหน้าม้าของเด็กชาย เผยให้เห็นใบหน้าที่กลั้นหายใจอยู่
กรรมการตัดสินเป่านกหวีดอย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดการแข่งขัน พร้อมทุกคนที่แสดงสีหน้าเหลือเชื่อ
ว่านหลงพึมพำกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ " เหว่ยอี้เฉิน... ช่วยจีเจ๋อหยูงั้นเหรอ?" มีอะไรน่าตกใจไปมากกว่านี้ไหม?
ทุกคนต่างรู้ว่าเหว่ยอี้เฉินเป็นคนที่ไม่ถูกกับจีเจ๋อหยูมากที่สุด ยกเว้นไว้คนนึงอย่างลู่หนานหยุน
จีเจ๋อหยูเองก็ไม่ได้คาดหวัง เขาตั้งสติและรีบลุกขึ้นจากแขนของอีกฝ่าย และฝ่ามือของเขาก็ไปโดนหน้าอกแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ชะงักไปเพราะความสับสน
สุดท้ายจีเจ๋อหยูก็ช่วยเหว่ยอี้เฉินลุกขึ้นมา แม้ว่าเขาจะมีความคิดที่จะอยู่ห่างจากตัวเอก แต่เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณและสำนึกผิด แล้วยื่นมือออกไปช่วยเขา
" นายไม่เป็นไรใช่ไหม?" จีเจ๋อหยูถามอย่างระมัดระวัง " คือว่า...ขอบใจนะ"
เหว่ยอี้เฉินเหลือบมองข้อศอกตัวเองเงียบๆ เห็นได้ชัดว่ามันแดงและบวม เมื่อเห็นอย่างนั้น จีเเจ๋อหยูก็ยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีก
ทีมงานเข้ามาตรวจสอบอาการของเหว่ยอี้เฉิน แล้วขอให้เขาไปที่ห้องพยาบาลที่ทางรายการจัดไว้ และในขณะเดียวกันก็ขอให้กู้เว่ยเฉิงมาพาเขาไป
" ฉันจะไปกับเขาเอง " จีเจ๋อหยูพูดทันทีหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาเห็นว่าเหว่ยอี้เฉินได้รับบาดเจ็บเพราะตัวเขาเองและเสียโอกาสในการเล่นเกมต่อ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอารมณ์ที่จะถ่ายอะไรอีก
ห่างออกไปไม่ไกล ลู่หนานหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองดูจีเจ๋อหยูกับเหว่ยอี้เฉินเดินออกไป ไม่นานความกดอากาศก็ลดลงในทันที
หลังจากที่ทั้งสองไปแล้ว กู้เว่ยเฉิงก็เหลือบมองไปที่ถังเจิน แล้วแสดงออกชัดเจนอย่างไม่เป็นมิตร เขาเห็นชัดๆเลยว่าถังเจินตั้งใจปาลูกบอลนั่น
ขณะที่เกมดำเนินต่อไป กู้เว่ยเฉิงที่กำลังวางแผนจะสอนบทเรียนให้ถังเจินอยู่นั้น แต่พบว่า…
" ตู้ม-"
ลู่หนานหยุนกระโดดขึ้นสูงและตีลูกบอลอัดใส่คู่ต่อสู้อย่างแรง ทำให้หัวใจของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ขนลุกเกรียว
แรงกระแทกนั้นดังทะลุหูของถังเจินเหมือนเสียงหวีดแหลม จากนั้นกระแทกพื้นด้วยเสียงดังลั่น
เป็นเหมือนการเตือน และเป็นเหมือนการเยาะเย้ยดูหมิ่น
หลังจากที่ลูกบอลลงพื้น ลู่หนานหยุนก็ไม่ได้มองถังเจินด้วยซ้ำ และเขาแปะมือกับเพื่อนร่วมทีมของเขาก่อนที่จะหันหลังกลับเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเป้าหมายต่อไป
ถังเจินกลืนน้ำลายด้วยความตกใจและสับสนภายใต้แววตา—
ลู่หนานหยุนคือคนที่เกลียดจีเจ๋อหยูที่สุดไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันเหมือนว่าเขากำลังแก้แค้นให้อีกฝ่ายล่ะ? นี่เป็นภาพลวงตาใช่ไหม? !
ทางด้านจีเจ๋อหยูกำลังเดินตามเหว่ยอี้เฉินไปที่ห้องพยาบาล ตอนนี้มีหมอรอพวกเขาอยู่แล้ว หมอท่านนี้ได้รับเชิญเป็นพิเศษจากทางรายการเพื่อมาดูแลผู้เข้าแข่งขัน
หลังจากทายาที่ไหล่และข้อศอกของเหว่ยอี้เฉินแล้ว หมอก็บอกว่ามันไม่ได้ร้านแรงมากนัก ทำให้คนมีชะนักติดหลังโล่งใจขึ้นมา
พอเดินออกจากห้องพยาบาลแล้ว จีเจ๋อหยูมองดูเหว่ยอี้เฉินที่นิ่งเงียบมาตลอดทาง และอดไม่ได้ที่จะสับสนในใจ " ทำไมนายถึงช่วยฉันล่ะ?"
เหว่ยอี้เฉินมองไปที่อีกฝ่าย จากนั้นก็มองเลยออกไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ " ฉันแค่อยากจะช่วยเพื่อนร่วมทีมน่ะ "
จีเจ๋อหยูรู้สึกเสมอว่าเหว่ยอี้เฉินนั้นดูอ่อนโยน แต่ความอ่อนโยนนี้ซ่อนอะไรบางอย่างไว้เสมอ ในหนังสือต้นฉบับนั้น เขาเป็นตัวละครที่อดทนมาก
“ขอบคุณนะ...” จีเจ๋อหยูพูดเบาๆ
" นายพัฒนาขึ้นมากเลยนะ" เหว่ยอี้เฉินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชัดเจนนัก
เจ๋อหยูตกตะลึงและพูดอย่างเร่งรีบ “นายก็เต้นเก่งเหมือนกัน”
“หรือจะพูดได้ว่า นิสัยนายเปลี่ยนไปมากเลย” เหว่ยอี้เฉินพูดอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมันทำให้จีเจ๋อหยูประหลาดใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเสื่อม คงไม่มีอะไรมาอธิบายได้มากขนาดนี้”
เมื่อพูดอย่างนี้ เขาก็หยุดและหันศีรษะไปที่จีเจ๋อหยู ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม และไฝที่หางตาก็ดูน่าหลงใหล
จีเจ๋อหยูรู้สึกประหม่าอย่างอธิบายไม่ถูก จนกลืนน้ำลายไปหลายต่อหลายครั้ง
เหว่ยอี้เฉินสมควรที่จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียง ดวงตาของเขาเฉียบแหลมและโปร่งใส ทำให้จีเจ๋อหยูเหมือนถูกมองทะลุปรุโปร่ง
“นายแกล้งทำแบบนั้นตั้งแต่แรกใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หัวใจที่ห้อยค้างอยู่ของจีเจ๋อหยูก็ตกลงกับพื้น
หลังจากนั้นเหว่ยอี้เฉินก็เผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเขาอีกครั้ง เม้มริมฝีปากของเขาและพูดว่า “แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของนายหรอกนะ…”
" ไม่ "
เสียงของจีเจ๋อหยูสงบและมั่นคง ทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย
“อันที่จริงแล้ว ฉันมีอาการความจำเสื่อมน่ะ” จีเจ๋อหยูกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เหว่ยอี้เฉินอดไม่ได้ที่จะมองดูเด็กชายอีกครั้ง นอกหน้าต่างทางเดินเป็นท้องฟ้าแจ่มใสแล้ว แสงแดดที่ส่องกระทบกับผิวสีขาวใสของเด็กชายก็ปกคลุมไปด้วยแสงสีทองจางๆ และม่านตาสีเหลืองอำพันของเขาก็มีเสน่ห์มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
หลังจากใจสั่นไปครู่หนึ่ง เหว่ยอี้เฉินก็หัวเราะเบาๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่อีกคนพูด “นั่นสินะๆ ฉันหวังว่านายจะหายเร็วๆ”
“หมอเองก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน” จีเจ๋อหยูพยักหน้าเล็กน้อย " ยังไงก็ต้องขอบคุณที่ช่วยฉันในวันนี้อีกครั้งนะ "
หลังจากพูดจบ จีเจ๋อหยูก็หันหลังและจากไป
เหว่ยอี้เฉินก็จ้องไปที่แผ่นหลังของเด็กหนุ่มเป็นเวลานาน ด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถระบุได้ในดวงตาของเขา
หลังจากที่จีเจ๋อหยูออกไป เขาก็อยากจะไปที่สตูดิโอซ้อมเต้นเดี๋ยวนี้เลย เพื่อฝึกทักษะพื้นฐานร่างกาย แต่ก็พบกับร่างที่คาดไม่ถึงระหว่างทาง
ดูเหมือนลู่หนานหยุนเองก็เพิ่งจบเกม ชุดกีฬาของเขายังไม่ทันได้เปลี่ยน และมีเหงื่อออกที่หน้าผากของเขาด้วยเช่นกัน
หลังจากเห็นจีเจ๋อหยู เขาก็เดินตรงมาหาทันที
จีเจ๋อหยูคิดว่าลู่หนานหยุนกำลังจะไปหาเหว่ยอี้เฉิน เลยรีบหลบตัวลีบเดินไปข้างๆ แต่ร่างสูงก็ปิดกั้นทางเขาโดยไม่คาดคิด
จีเจ๋อหยูลืมตาขึ้น ส่วนลู่หนานหยุดก็มองเขาอย่างเย็นชา
" นายไม่รู้วิธีหลบลูกบอลหรือไง? " ลู่หนานหยุนขมวดคิ้วแน่ พร้อมด้วยน้ำเสียงที่เรียบและเย็นชา " ปกติหลบฉันเก่งไม่ใช่เหรอ?" เขาหมายถึงการที่จีเจ๋อหยูหนีหน้าเขา
จีเจ๋อหยูตกตะลึงและหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจและสับสน คล้ายว่าเขาจะได้ยินร่องรอยของความกังวลจากคำพูดลู่หนานหยุน?
ถึงอย่างนั้น ไม่นานจีเจ๋อหยูก็คิดว่านี่ต้องเป็นภาพลวงตาของเขาเองแน่ๆ ลู่หนานหยุนมาพูดเพียงเพราะเหว่ยอี้เฉินได้รับบาดเจ็บเพราะเขา และคนที่ลู่หนานหยุนห่วงใยจริงๆคือเหว่ยอี้เฉิน
ไม่แปลกที่เขาจะดูดุขนาดนี้
“มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันขอโทษ” จีเจ๋อหยูก้มศีรษะลงและคิดว่าจะวิ่งหนีตัวเอกที่แสนน่ากลัวนี่ "ทำให้คุณกังวลแล้ว" เขากำลังหมายถึงความกังวลเรื่องเหว่ยอี้เฉิน
เมื่อลู่หนานหยุนเห็นจีเจ๋อหยูก้มศีรษะลงและดูน่าสงสาร เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางวุ่นวายของอีกฝ่ายในตอนนี้ และคำพูดจาว่าร้านออีกฝ่ายที่ได้ยินจากทีมงานบนอินเทอร์เน็ต อีกมุมหนึ่งของหัวใจเขาก็อ่อนลงทันที
"...ใครเป็นห่วงนายกัน " คำพูดของลู่หนานหยุนยังคงเย็นชา แต่น้ำเสียงของเขาฟังดูนุ่มนวลขึ้นมาก
หลังจากพูดไปแล้ว ลู่หนานหยุนก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจและหันหลังเดินจากไปทันที อย่างไรก็ตามหลังจากจากไปแล้ว เขาก็อดรู้สึกเสียใจเล็กน้อยในใจ – จริงๆ แล้วเขาไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้น แต่เขาไม่เคยแสดงความเป็นห่วงเป็นใยให้ใครนอกจากแม่ของเขามาก่อน และคำพูดที่เขาพูดก็เปลี่ยนไป
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ลู่หนานหยุนก็กล่าวเสริมว่า “ไม่ใช่ทุกครั้งที่มีคนปกป้องนายได้” ความตั้งใจของเขาที่จะพูดแบบนี้ก็เพื่อเตือนจีเจ๋อหยูให้ใส่ใจกับความปลอดภัยในอนาคตของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม จีเจ๋อหยูเข้าใจไปว่าลู่หนานหยุนกำลังไม่พอใจอย่างมาก ที่เหว่ยอี้เฉินมาปกป้องเขา
หลังจากที่ลู่หนานหยุนไปแล้ว จีเจ๋อหยูก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ " ตัวเอกสองคนนี้เข้าใจยากเกินไปแล้ว "
คนหนึ่งก็เป็นเสือยิ้มอ่อนโยนแต่มีอุบายลึกซึ้ง ส่วนอีกคนก็เป็นภูเขาน้ำแข็งอารมณ์ไม่ดีที่ดูยิ่งไม่สบอาร์มกับเขาเป็นพิเศษ
ในฐานะที่เป็นตัวประกอบตัวจ้อย เขายังต้องอยู่ห่างจากตัวเอกเพื่อความอยู่รอดอยู่ดี
หลังจบการแข่งขันวอลเลย์บอล ถังเจินที่เดินไปมา ทุกครั้งที่เห็นจีเจ๋อหยูเข้า เขาก็พลันมีสายตาที่ตื่นตระหนก
จีเจ๋อหยูไม่รู้ว่าถังเจินตั้งใจตีลูกบอลอัดเขา ดังนั้นเขาเลยรู้สึกงงงวย ในนิยายต้นฉบับ ถังเจินก็เป็นคนที่ถูกจีเจ๋อหยูรังแกด้วยเหรอ? ไม่คิดว่าจะเขียนไว้ด้วยนะเนี่ย…
แต่จีเจ๋อหยูก็ไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ อีกเหตุการณ์สำคัญที่ดึงดูดความสนใจของเขาคือ แอคเคาท์Weiboทางการของรายการได้ปล่อยตัวอย่างการแสดงครั้งแรกรวมถึงโปสเตอร์ของผู้เข้าแข่งขันแต่ละกลุ่มออกมาแล้ว
ทางรายการได้คืนโทรศัพท์มือถือให้ผู้เข้าแข่งขันเพื่อโพสลง WeChat โปรโมทรายการเพื่ออุ่นเครื่อง
การพูดถึงบนโลกอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการแสดงครั้งแรกของ "Stars to Shine" ใช้เวลาไม่นานก็ระเบิด
นอกจากเหว่ยอี้เฉินและลู่หนานหยุนที่โด่งดังที่สุดแล้ว ที่สะดุดตาที่สุดคือจีเจ๋อหยูนั่นเอง
บนโปสเตอร์ของจีเจ๋อหยูนั้น เขาสวมชุดสีดำที่เป็นประกาย ขับเน้นความหล่อเหลาซึ่งทำให้ผิวขาวขึ้นไปอีก ภาพของเขาถ่ายช็อตท่าเต้นที่สวยงาม มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย และดวงตาสีเหลืองอำพันของเขาภายใต้แสงไฟก็มองตรงไปข้างหน้า
ต้องบอกเลยว่าคนตัดแต่งภาพของรายการต้องเป็นแฟนคลับเจ๋อหยูแน่ๆ ทุกรายละเอียดของโปสเตอร์นั้นสมบูรณ์แบบมากจริงๆ
ทันทีที่โปสเตอร์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันก็ถูกรีโพสต์ซ้ำๆหลายหมื่นครั้งในทันที และความคิดเห็นก็มีแต่คำว่า ‘เลีย’ เต็มไปหมด
คนเดินผ่านไปมากล่าวว่า: " แม้ว่าทักษะของจีเจ๋อหยูจะทำให้ฉันรู้สึกกังวล แต่ทุกครั้งที่มีรูปโพสต์ลง มันก็ทำให้ฉันประหลาดใจได้ตลอดเลย"
แน่นอนว่ามีหลายคนเยาะเย้ยจีเจ๋อหหยู
“เขาเป็นคนที่ฆ่าเสี่ยวฮ่วย ช่างไร้ยางอายจริงๆ”
“หน้าตาดีจะมีประโยชน์อะไร รอดูผลงานสิ ดูเขากำลังหลอกตัวเอง”
“ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นราชาได้หรอกนะ ดังนั้นฉันจะกดรายงานให้รายการได้รู้”
พี่สาวเจียงลี่หัวหน้ากลุ่มแฟนคลับโกรธมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
เนื่องจากทางรายการไม่อนุญาตให้ผู้ชมสดโพสต์ภาพถ่ายและวิดีโอก่อนได้ เธอจึงทำได้เพียงโพสต์ Weibo เพื่อปลอบใจแฟนคนอื่นๆเท่านั้น: " ไม่ต้องกังวลไปนะ การแสดงครั้งแรกของเสี่ยวหยูนั้นสมควรได้รับตำแหน่งราชาแล้ว อันดับเสี่ยวหยูจะต้องดีแน่นอน โปรดเชื่อมั่น "
หลังจากที่ Weibo ถูกโพสต์ลง แฟนๆก็ได้แสดงความคาดหวังในส่วนความคิดเห็น แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ดึงดูดแฟนๆทั้งดีและไม่ดีมาด้วย
“เหอๆ มีคนเชื่อจริงๆเหรอว่าหมอนั่นจะทำได้จริงๆ”
สายตาคนนอกส่วนใหญ่ล้วนมองจีเจ๋อหยูในแง่ลบ ท่ามกลางเสียงตีกัน ทางรายการก็ได้ปล่อยตอนที่สามของ "Star Way Shines" ออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว
ไม่นานหลังะออกอากาศ หัวข้อ "Star Way Shines" ก็ได้พุ่งไปที่รายการค้นหาที่มาแรงทันที
ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากการออกอากาศ หัวข้อนี้ก็แซงทุกข่าวมาแรงจนขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง
และคำว่า " จีเจ๋อหยู" ก็ตามมาติดๆ