บทที่ 410
ชั่วน้ำเดือดได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์แปดคนพุ่งทะยานเข้ามาด้านในจวนเจ้าเมืองแต่ละคนกำชับดาบในมือแน่น แป๊ะซือตื่นตกใจไม่น้อยรีบวิ่งเข้ามาขวาง เนี่ยฟงหรี่ตาจ้องมองพร้อมกับใช้ทักษะจิตแห่งเทพมังกรไปที่ชายฉกรรจ์ทั้งแปด แป๊ะซือจี้สกัดจุดพร้อมกับปลดแหวนออกมาตรวจสอบ ในระหว่างนั้นเองลู่ไป๋เหมยก็รีบเข้ามาพร้อมกับชายชราผู้หนึ่งเมื่อเข้ามาทั้งสองแปลกใจไม่น้อยที่เห็นเนี่ยฟงยืนยกยิ้มต้อนรับพวกเขา
“คุณชายท่านหายดีแล้ว”
“ตัวข้าไม่เป็นไรขอรับ มันเป็นเพียงแผนการที่จะจับคนของลัทธิสวรรค์ที่แฝงตัวมา ข้ารบกวนแม่นางบางอย่างได้หรือไม่”
“คุณชายกล่าวมาเถอะ”
“รบกวนแม่นางออกไปด้านนอกบอกแก่ทุกคนว่าตัวข้าสิ้นลมแล้ว”
ลู่ไป๋เหมยตื่นตกใจอีกครั้ง
“เหตุใดคุณชายจึงให้กล่าวเช่นนั้น”
“ข้าอยากให้คนที่แฝงตัวอยู่ด้านนอกส่งข่าวบางอย่าง”
ลู่ไป๋เหมยพยักหน้าตอบรับ
“เช่นนั้นข้าจะไปแจ้งข่าวแก่ทุกคน”
ลู่ไป๋เหมยก้าวเดินออกไปกับชายชราไม่นานก็ได้ยินเสียงคนโห่ร้องด้วยความเจ็บปวด
“คุณชายข้าพบเจอบางอย่าง”
เนี่ยฟงหันไปมองแป๊ะซือกำลังถือแผ่นหนังม้วนเดินเข้ามาเมื่อกางออกมันคือแผนที่เขาอู่เทียนปิงและที่ตั้งของลัทธิสวรรค์
“เมื่อพวกเขากลับมาแจ้งพวกเขาด้วยว่าอีกสามวันเราจะบุกขึ้นเขาอู่เทียนปิง รอข้ากลับมาก่อน เช่นนั้นที่นี่ฝากท่านเจ้าเมืองคนใหม่ด้วยขอรับ”
“คุณชายท่านว่าอย่างไรขอรับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านยังไม่ได้ทราบเรื่องเช่นนั้นต้องรอถามพี่ชายมู่ถังเองขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงหายตัวออกไปจากห้องโถง แป๊ะซือได้แต่ส่ายศีรษะไปมาก้าวเดินเข้าหาชายฉกรรจ์ทั้งแปดทันทีที่แป๊ะซือเดินผ่านศีรษะของแต่ละคนหมุนกลับไปทางด้านหลัง เนี่ยฟงเมื่อออกมาจากจวนเจ้าเมืองเขาก็สร้างปีกขนาดใหญ่ด้านหลังพุ่งทะยานขึ้นบนท้องฟ้า เกราะสายฟ้าหกอันกลายเป็นม่านพลังบดบัง เกือบชั่วยามเนี่ยฟงก็พบค่ายขนาดเล็กก่อนขึ้นเขาอู่เทียนปิง เมื่อแผ่ลมปราณตรวจสอบจึงรู้ว่าเป็นค่ายของลัทธิสวรรค์
“เจ้าจะลงมือเลยหรือไม่”
“รอก่อนขอรับ ข้าอยากไปสำรวจบนเขาก่อน”
เนี่ยฟงบินวนรอบตีนเขาพบเจอค่ายขนาดเล็กนับสิบรอบตีนเขา หลังจากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนเขาพบเจอค่ายขนาดใหญ่อีกสี่แห่ง ไม่นานก็พบเจอที่ตั้งของลัทธิสวรรค์ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ทำพิธีบางอย่าง มีแท่นหินขนาดใหญ่รอบด้าน ทั้งสี่ทิศมีรูปปั้นสี่สัตว์เทพตั้งอยู่ พื้นที่ส่วนใหญ่กำลังซ่อมแซมอยู่เพราะเนี่ยฟงส่งของขวัญมาก่อนหน้า เขายังคงบินสำรวจอยู่นานจนอาทิตย์เริ่มทอแสงเขาก็พุ่งทะยานลงมาจากเขา เนี่ยฟงแอบซ่อนตัวอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่พร้อมนั่งโคจรลมปราณเพื่อรอเวลา ทันทีที่อาทิตย์ลาลับขอบฟ้าปีกขนาดใหญ่และเกราะสายฟ้าปรากฏเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง เนี่ยฟงลอยอยู่เหนือค่ายขนาดใหญ่แห่งหนึ่งด้านล่างดูเหมือนจะมีการฉลองบางอย่าง เสียงสะบัดมือดังแว่วเขากำชับขวดยาเอาไว้ในมือ ไม่ถึงสามลมหายใจเขาซัดขวดยาลงไปที่กองไฟตรงกลางงานฉลอง ขวดยาแตกออกเม็ดยาถูกเผาเกิดการระเบิด ตูม! ควันสีม่วงพวยพุ่งออกมาจากกองไฟ หลังจากนั้นเขารีบพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
เกือบสองชั่วยามค่ายขนาดใหญ่ทั้งสี่เสียหายอย่างหนัก ผู้คนในค่ายบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย ไม่นานเนี่ยฟงปรากฏตัวที่ด้านบนเหนือรูปปั้นหินทั้งสี่ เขาแผ่ลมปราณตรวจสอบพบว่าไม่เจอยอดฝีมืออยู่ใกล้ ๆ จึงแอบสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่แท่นหินและรูปปั้นเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาก็พุ่งทะยานกลับเข้ามาในจวนเจ้าเมืองเขารีบเอ่ยวาจาผ่านลมปราณ
“พี่ชายทั้งหลายข้ากลับมาแล้ว รบกวนพวกท่านที่ห้องโถงขอรับ”
ไม่ถึงยี่สิบลมหายใจทั้งหมดก็ปรากฏตัวที่ห้องโถงใหญ่จวนเจ้าเมือง เนี่ยฟงนำแผนที่ออกมากางพร้อมกับบอกกล่าวที่ตั้งของค่ายต่าง ๆ
“น่าแปลกใจตอนที่ข้าสำรวจบนเขาไม่พบหม่าซือเทียน”
“หรือว่าเขากำลังเก็บตัวฝึกฝน”
“คงเป็นเช่นนั้นขอรับพี่ชายซง เอาละถึงเวลาที่พวกท่านรอคอยกันแล้ว พวกท่านมีเกราะอ่อนส่วมใส่อยู่ใช่หรือไม่นำมันออกมาให้ข้า”
ทั้งหมดรีบถอดเสื้อผ้านำเกราะอ่อนออกมาวางไว้ข้างแผนที่
“เช่นนั้นข้าคงต้องรีบจัดการแล้วอย่าให้ผู้ใดรบกวนที่นี่”
เสียงสะบัดมือดังแว่ววงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏบนพื้นกลายเป็นโดมสีฟ้าครอบตัวเนี่ยฟงเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็รีบประทับวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ไปที่เกราะอ่อนด้านหน้า
บริเวณด้านหลังของเขาอู่เทียนปิงมีถ้ำขนาดเล็กปรากฏอยู่กลางหน้าผา ลึกลงไปในถ้ำหม่าซือเทียนกำลังนั่งโคจรลมปราณอยู่ในแอ่งเลือด รอบด้านที่เขานั่งอยู่มีแต่โครงกระดูกของเด็ก เลือดในแอ่งค่อย ๆ เหือดแห้งจากการดูดกลืน ร่างกายหม่าซือเทียนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบริเวณหน้าผากปรากฏดวงตาขึ้นมา ตูม! คลื่นพลังสีดำอันน่าสะอิดสะเอียนแผ่ออกมาจากร่าง
“ยินดีด้วยขอรับท่านประมุขที่ท่านสำเร็จวิชาแล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวปรากฏชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งด้านหน้าแต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงของหญิงสาว
“เตรียมคนของเราให้พร้อมข้าจะบุกยึดพื้นที่แห่งนี้”
ความเงียบเข้าปกคลุมชายฉกรรจ์หาได้ตอบกล่าวสิ่งใดแต่เขาลงไปคุกเข่าแทน
“เงาสังหารถูกสังหารหมดแล้วขอรับ อีกอย่างค่ายใหญ่ทั้งสี่ถูกใครบางคนบุกโจมตีขอรับ ตอนนี้กำลังหลักของเราเหลือเพียงค่ายเล็กสิบสามค่ายขอรับ”
“บัดซบ! ผู้ใดเป็นคนลงมือ”
“ข้าไม่ทราบขอรับ จากการสอบถามคนผู้นี้เก่งกาจการใช้พิษ”
“พิษอย่างนั้นรึ เหอะ! ตาเฒ่าพิษเจียงหูคิดหักหลังข้าอย่างนั้นรึ”
“เรียนนายท่านข้าให้คนไปตรวจสอบแล้วผู้อาวุโสเจียงหูเก็บตัวฝึกฝนพลังอยู่ขอรับ”
“มันเป็นใครกันไอ้สารเลวนั่น หรือว่าเป็นไอ้เด็กบัดซบนั่น เจ้าทราบข่าวของมันอีกหรือไม่”
“เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้ขอรับ เมื่อสองวันก่อนมันปรากฏตัวที่เมืองใกล้ ๆ แต่ทว่ามันถูกสังหารแล้ว”
“ไม่ต้องสนใจสั่งคนของเราเตรียมพร้อมเอาไว้ เจ้าบัดซบนั่นมันยังไม่รู้ว่ามันกำลังเล่นกับผู้ใด ตอนนี้ข้าสำเร็จวิชาเนตรมรณะแล้วต่อให้มันมีสามหัวหกมือข้าก็สามารถสังหารมันโดยง่าย”
ทางด้านเนี่ยฟงที่ตอนนี้พาทุกคนออกมาฝึกวิธีการใช้ปีกอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่ด้านหลังจวนเจ้าเมือง ในระหว่างนั้นเตียวมู่ถังก็เดินเข้ามา
“เป็นอย่างไรบ้างพี่ชายมู่ถัง”
“ขอบคุณคุณชายมากที่มอบมันให้แก่พวกข้า”
“เรื่องเล็กน้อย ว่าแต่ท่านเถอะจะให้ใครอยู่ที่นี่กับพี่ชายซือ”
“เรื่องนี้พวกเราปรึกษากันแล้วว่าจะให้น้องซงอยู่ที่นี่”
“เมื่อพวกท่านพูดคุยกันแล้วก็ไม่มีปัญหาขอรับ แต่ข้ายังคงยืนยันเหมือนเดิม หากสังหารหม่าซือเทียนข้ายังอยากให้พวกท่านตัดสินใจอีกครั้ง”
“คุณชายวางใจเถอะขอรับ เรื่องนี้พวกข้าลงความเห็นแล้วว่าจะติดตามคุณชายจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“ดี เช่นนั้นท่านรีบไปแจ้งแก่ตระกูลลู่และเหล่าทหารว่าคืนนี้เราจะบุกขึ้นเขาอู่เทียนปิง ให้พวกเขานำกำลังคนออกมารักษาเมือง”
ย่างเข้ายามไฮ่เนี่ยฟงพาคนของตนพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เกือบชั่วยามทั้งหมดก็มาถึงตีนเขาพบเจอค่ายขนาดเล็กอยู่ด้านล่าง
“พวกท่านรีบจัดการค่ายสิบสองค่ายที่เหลือตามที่ตกลงกันไว้เถอะ ค่ายแห่งนี้ข้าจัดการเอง”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟงทั้งหมดก็แยกย้ายกันออกไป เสียงสะบัดมือดังแว่วเนี่ยฟงกำชับดาบในมือแน่นเขาเร่งโคจรลมปราณไปที่ดาบพร้อมกับฟาดฟันลงไปยังด้านล่าง ปราณดาบสีฟ้าหกเล่มพุ่งลงไปโจมตี เปรี้ยง! เปรี้ยง! ตูม! ตูม! เสียงปะทะดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เนี่ยฟงสยายปีกด้านหลังพุ่งทะยานลงไปด้านล่าง
“มีผู้บุกรุก!!!”
เสียงตะโกนของชายฉกรรจ์ผู้หนึ่ง เนี่ยฟงหาได้สนใจถีบเท้าพุ่งทะยานไล่ล่าสังหารผู้คนในค่าย ปราณดาบสีฟ้าปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ ไม่ถึงสองเค่อทั้งหมดก็ถูกสังหารจนสิ้นไม่หลงเหลือผู้ใด ทันใดนั้นเองเนี่ยฟงต้องถีบเท้าพุ่งหลบบางอย่าง เปรี้ยง! ตูม! เขาพบเจอชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งสวมชุดสีดำถือดาบในมือแน่น
“เจ้ายังไม่ตาย ดีเจ้าสังหารคนของข้า ข้าจะสังหารเจ้าแก้แค้น”
เนี่ยฟงถึงกับขมวดคิ้วเสียงที่ได้ยินจากชายฉกรรจ์เป็นเสียงของหญิงสาว
“ข้าควรเรียกท่านพี่ชายหรือพี่สาวดีขอรับ”
ชายฉกรรจ์หาได้กล่าวสิ่งใดตอบเขาระเบิดพลังปราณพุ่งเข้ามาพร้อมกับกวัดแกว่งดาบในมือ เนี่ยฟงแสยะยิ้มตวัดดาบในมือต้านรับ เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!