บทที่ 408
ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ ได้ยินเสียงหมัดปะทะใบหน้าดังลั่นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยวาจาออกมาแม้แต่ครึ่งคำ บรรดาผู้คนที่ต่อแถวอยู่ต่างหลบหนีออกมาด้านนอก ชั่วน้ำเดือดทหารสวมชุดเกราะนับร้อยนายพุ่งทะยานเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทั้งหมดล้อมตัวชายหนุ่มด้านหน้าที่กำลังทุบตีเฟิงเหวิน ไม่ถึงสามลมหายใจเสียงตะโกนดังลั่นมาจากด้านหลังของกลุ่มทหาร ทางถูกแหวกพบเห็นชายฉกรรจ์สวมชุดเกราะสีแดงเพลิงก้าวเดินเข้ามาพร้อมสายตาจ้องมองไปที่ชายหนุ่ม
“หยุดมือได้แล้วไอ้หนู เจ้าคิดจะสังหารหลานชายของท่านเจ้าเมืองอย่างนั้นรึ?”
เนี่ยฟงหาได้สนใจยังคงต่อยหมัดขวาเข้าไปที่ใบหน้าของเฟิงเหวิน ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
“ข้าบอกให้เจ้าหยุดมือ”
พลังปราณมหาศาลแผ่เข้ามากดดันเนี่ยฟง เขาหันไปหรี่ตามองพร้อมกับใช้ทักษะจิตแห่งเทพมังกรไปที่กลุ่มทหาร วูบ!! ไม่ถึงครึ่งลมหายใจกลุ่มทหารทั้งหมดลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นมีบางคนกระอักเลือดออกมา เหลือเพียงชายฉกรรจ์ชุดเกราะสีแดง
“ท่านรู้หรือไม่ว่าชายผู้นี้กระทำเรื่องบัดซบเช่นไรมาบ้าง”
“ข้า.. ข้ารู้ดี เพียงแต่ว่าเขาคือหลานชายของท่านเจ้าเมือง ข้าเป็นเพียงขี้ข้าของพวกเขา หัวหน้าหน่วยรักษาประตูเมืองเช่นข้าไม่มีอำนาจ”
“เพราะคนที่มีอำนาจทำตัวบัดซบเช่นนี้ปกครองที่นี่มันถึงมีสภาพเช่นนี้ หากลัทธิสวรรค์ยกกำลังทั้งหมดมาที่นี่ ข้ามั่นใจว่าคนพวกนี้จะหลบหนีออกจากเมืองเป็นกลุ่มแรก”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงค่อย ๆ ลุกขึ้นสลายจิตแห่งเทพมังกรเขาหันไปมองรอบด้านพร้อมกับแสยะยิ้ม
“พี่ชายทั้งหลายคงมาอยู่ที่เมืองแห่งนี้กันหมดแล้ว ข้ามีงานด่วนให้พวกท่านจัดการ ภายในเวลาครึ่งชั่วยามข้าต้องการศีรษะของท่านเจ้าเมือง จงนำมันมาให้ข้าที่นี่”
สิ้นเสียงกล่าวหาได้มีผู้ใดเอ่ยวาจาตอบรับ หลายคนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวออกมา หัวหน้าหน่วยทำได้เพียงเดินเข้าไปช่วยเหลือบรรดาลูกน้องที่ได้รับบาดเจ็บ ชั่วน้ำเดือดกลุ่มคนที่นำอาหารมาแจกก้าวเดินเข้ามา มีหญิงสาวสวมชุดสีเขียวเดินนำหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามา
“ตัวข้าลู่ไป๋เหมยบุตรสาวคนโตตระกูลลู่ข้ามีเรื่องต้องกล่าวต่อท่าน คุณชายได้โปรดรีบออกไปจากที่นี่เถอะ พวกข้าไม่อยากมีปัญหากับท่านเจ้าเมืองและทหารของเขา”
“ข้ามีนามว่าเนี่ยฟง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง สิ่งที่ข้ากล่าวมีคนไปจัดการแล้ววางใจได้ ข้าไม่ให้พวกท่านมีปัญหาแน่นอนอีกอย่าง”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวานำแหวนออกมาโยนให้แก่ลู่ไป๋เหมย แน่นอนว่าตัวนางเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“ในแหวนนี้มีทั้งเนื้อสัตว์อสูร ข้าวและน้ำจำนวนมาก พวกท่านนำมันไปปรุงอาหารแจกจ่ายชาวบ้านเถอะ”
ลู่ไป๋เหมยแผ่ลมปราณตรวจสอบภายในแหวนถึงกับตื่นตกใจขาอ่อนแรงแทบล้มลงไป เนี่ยฟงสะบัดมือขวาใช้ลมปราณช่วยพยุง
“ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้าก็แล้วกัน แม่นางลู่อย่าได้เกรงใจ”
“ข้าลู่ไป๋เหมยขอบคุณคุณชายเนี่ยฟงมาก”
ทันใดนั้นเองเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและเสียงปะทะดังสนั่นมาจากจวนเจ้าเมือง เนี่ยฟงแสยะยิ้มหันไปมองลู่ไป๋เหมยที่ตอนนี้มีท่าทีตกใจไม่น้อย
“พวกท่านรีบกลับไปแจ้งให้หัวหน้าตระกูลพวกท่านทราบเถอะ เมืองแห่งนี้ถูกยึดโดยข้าเนี่ยฟงแล้ว”
ผู้คนที่ได้ยินต่างตื่นตกใจไม่น้อยร่วมไปถึงกลุ่มทหาร เนี่ยฟงสะบัดมือขวาถือขวดยาเอาไว้ในมือเขาโยนมันให้กับหัวหน้าหน่วยรักษาประตูเมือง
“นั่นคือยารักษาอาการบาดเจ็บ ท่านนำไปรักษาพวกเขาเถอะ”
ทันทีที่จุกขวดยาถูกเปิดออกกลิ่นของยาโชยออกมา หัวหน้ารักษาประตูเมืองหันมามองเนี่ยฟงด้วยความตื่นตกใจ
“คุณชายเม็ดยานี้มันมีค่ามากเกินไป”
“ไม่เป็นไรขอรับ พวกท่านรีบรักษาอาการบาดเจ็บเถอะ เพราะคืนนี้ไม่แน่พวกลัทธิสวรรค์ทันทีที่ทราบข่าวการตายของเจ้าเมืองคงคิดบุกมาอีกแน่”
“ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าพวกมันจะบุกคืนนี้”
“เมื่อท่านเห็นศีรษะของเจ้าเมืองท่าน”
เนี่ยฟงหันไปมองลู่ไป๋เหมยกับกลุ่มที่ยังยืนอยู่ เขาสะบัดมืออีกครั้งพร้อมกับนำขวดยามอบให้แก่ลู่ไป๋เหมย
“เม็ดยาในขวดนี้เป็นเม็ดยาเพิ่มพลังปราณ ท่านนำไปให้ผู้อาวุโสตระกูลท่านเถอะ ถือว่าเป็นสินน้ำใจจากข้า”
ลู่ไป๋เหมยยกยิ้มอย่างดีใจเพราะนางได้กลิ่นเม็ดยารักษาอาการบาดเจ็บ นางรับรู้แน่ว่าเม็ดยาเพิ่มพลังปราณที่ได้จากเนี่ยฟงมาเป็นเม็ดยาระดับสูง
“เช่นนั้นข้าลู่ไป๋เหมยขอบคุณคุณชายเนี่ยฟงอีกครั้ง ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
เนี่ยฟงยกยิ้มหันไปมองผู้คนที่ยืนมองรอบกาย ไม่นานเขาตะโกนออกมาเสียงดัง
“ผู้ใดมีอาการป่วยหรือได้รับบาดเจ็บให้เดินมาหาข้า ข้าจะรักษาให้พวกท่านฟรี”
ผู้คนทั้งหมดต่างตื่นตกใจอีกครั้ง มีหลายคนหวาดระแวงชายหนุ่มด้านหน้าไม่น้อย ชั่วน้ำเดือดได้มีหญิงสาวผู้หนึ่งอุ้มเด็กน้อยก้าวเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“ได้โปรดคุณชาย รบกวนท่านรักษาหนิงเอ๋อด้วยเจ้าค่ะ”
เนี่ยฟงยกยิ้มคว้าจับข้อมือซ้ายของเด็กน้อยเพื่อตรวจชีพจร นานนับสิบลมหายใจเขาใช้มือซ้ายจี้สกัดจุดบริเวณหน้าอกและหน้าท้อง เขารีบนำขวดยาออกมาป้อนพร้อมกับคลายจุดที่สกัด เขาใช้มือขวาวางบนหน้าท้องพร้อมกับแผ่ลมปราณออกมา ไม่ถึงสิบลมหายใจเนี่ยฟงก็ยกมือออก
“ลูกสาวของท่านป่วยเพราะทานอาหารไม่เพียงพอ”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาเนื้อสัตว์อสูรและข้าวปรากฏออกมาบนพื้น
“ท่านนำเนื้อและข้าวกลับไปด้วยเถอะขอรับ นางจะได้อาการดีขึ้น”
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นถึงกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง ขาอ่อนร่วงลงไปนั่งกับพื้น
“ขอบคุณ ขอบคุณคุณชาย”
“ท่านรีบกลับบ้านไปดูแลลูกสาวท่านเถอะขอรับ”
หญิงสาวรีบปาดน้ำตาลุกขึ้นเดินไปที่กองเนื้อสัตว์อสูรและข้าว
“ท่านนำเนื้อและข้าวไปเถอะ ถือว่าเป็นสินน้ำใจจากเจ้าเมืองคนใหม่ก็แล้วกัน”
ไม่นานเริ่มมีชาวเมืองก้าวเดินออกมาให้เนี่ยฟงรักษา กองเนื้อสัตว์อสูรและข้าวค่อย ๆ หมดลงไปทีละน้อย นานนับครึ่งเค่อเนี่ยฟงที่กำลังรักษาชายชราผู้หนึ่งอยู่เขายกยิ้มออกมา ไม่นานมีชายฉกรรจ์สี่คนพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับถือถุงผ้าสีดำที่ห่อบางอย่าง
“พี่ชายมู่ถัง นำศีรษะที่พวกท่านตัดมาไปเสียบไว้ที่ด้านหน้าประตูเมืองด้วยขอรับ ส่วนพี่ชายแซ่กงทั้งสองช่วยข้าที่นี่ก่อน”
เตียวมู่ถังพยักหน้าตอบรับพร้อมกับพุ่งทะยานออกไปพร้อมกับชวี่ซง เนี่ยฟงหันไปมองหัวหน้าหน่วยรักษาประตูเมือง
“พี่ชายรบกวนท่านนำกำลังทหารที่เหลือไปจัดการที่จวนเจ้าเมืองทีขอรับ”
เนี่ยฟงหันไปมองรอบด้าน
“ข้าขอเชิญพวกท่านทั้งหมดไปกินเลี้ยงที่จวนเจ้าเมืองเย็นนี้ด้วยขอรับ”
สิ้นเสียงกล่าวเนี่ยฟงสะบัดมือขวาอีกครั้งเพื่อนำเนื้อสัตว์อสูรและข้าวออกมาอีกกองใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็รักษาอาการบาดเจ็บของชายชราต่อโดยมีกงหลี่และกงซานคอยแจกเนื้อและข้าว ย่างเข้ายามอิ่วพระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า เนี่ยฟงรักษาชาวเมืองที่เหลืออยู่จนหมดเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ซินหยางและเก่อคังพุ่งทะยานเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“เกิดเหตุอันใดขึ้นขอรับ เหตุใดพวกท่านทั้งสองถึงได้เร่งรีบเช่นนี้”
“คุณชาย น้องเหลยพบเจอห้องลับในจวนเจ้าเมือง พวกข้าอยากจะให้ท่านไปตรวจสอบ”
“ห้องลับ เมื่อมีพวกท่านทั้งสองอยู่ที่นั้นเหตุใดถึงเปิดมันไม่ได้ละขอรับ”
“มันมีม่านพลังป้องกันอยู่ขอรับคุณชาย”
เนี่ยฟงหันไปมองกงหลี่และกงซาน
“พี่ชายแซ่กงทั้งสอง นำอาหารที่เหลือกลับไปทำอาหารที่จวนเจ้าเมืองด้วยขอรับ ข้าไม่ได้ทานอาหารฝีมือพี่ชายซือมานานแล้ว”
เนี่ยฟงหันไปมองซินหยาง
“เช่นนั้นพี่ชายนำทางเถอะขอรับ”
เมื่อเข้ามาถึงด้านหน้าของจวนเจ้าเมือง หัวหน้าหน่วยรักษาประตูเมืองกำลังนำเกวียนลากสัตว์อสูรออกมาโดยขนซากศพอยู่ด้านหลัง เนี่ยฟงก้มศีรษะให้หลังจากนั้นก้าวเดินติดตามซินหยางเข้าไปด้านใน ซินหยางพาเนี่ยฟงเดินทะลุเข้าไปด้านหลังพบเจอบ้านพักหลังหนึ่งโดยมีหยุยเหลยและแป๊ะซือยืนอยู่ด้านหน้า
“เจ้ามาแล้วรีบเข้าไปด้านในเถอะ”
สิ้นเสียงกล่าวหยุยเหลยก็เปิดประตูบ้านพักเข้าไปด้านใน หยุยเหลยชี้นิ้วไปที่พื้นกลางบ้าน
“มันมีม่านพลังป้องกันอยู่ ข้าคิดว่ามันคงเป็นห้องลับ”
เนี่ยฟงยกยิ้มสะบัดมือขวาประกายสายฟ้าพุ่งหายไปที่พื้น ไม่นานก็ปรากฏวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีเขียวออกมา เขาจ้องมองอยู่นานนับสิบลมหายใจหลังจากนั้นก็เริ่มแก้ไขวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ ชั่วน้ำเดือดม่านพลังที่พื้นก็จางหายไป พบประตูขนาดใหญ่ปรากฏ ซินหยางและแป๊ะซือช่วยกันเปิดพบเห็นทางเดินลงไปด้านล่าง เนี่ยฟงแผ่ลมปราณตรวจสอบระหว่างนั้นเป็นเก่อคังที่นำตะเกียงไฟออกมาจุด ไม่นานทั้งหมดก็เดินลงไปด้านล่าง พบหีบเหล็กหลายสิบใบกองอยู่ ซินหยางรีบเดินเข้าไปเปิดพบเห็นทองก้อนจำนวนมากอยู่ด้านใน
“พวกท่านเก็บทองทั้งหมดไว้สำหรับซ่อมแซ่มที่นี่ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นข้าจะให้สองคนในพวกเราปกครองเมืองแห่งนี้”