บทที่ 13 เผชิญหน้า (I)
โจวยวี่ตื่นเต้นออกนอกหน้าและยังอุทานออกมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังอุ้มลูกของเธออยู่ตรงมุมห้องนั้นดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก “นี่คุณ คุณช่วยเบาเสียงลงหน่อยจะได้ไหม ถ้าคุณดึงดูดพวกปีศาจเข้ามาจะว่ายังไง”
จากการที่เธอถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก โจวยวี่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิดเดียว เธอวางมือเท้าสะโพกของตนแล้วโต้กลับ “ถ้าคุณกลัวพวกสัตว์ประหลาดมากนักล่ะก็ อย่าพูดอะไรขึ้นมาอีก นอกจากนั้น พวกสัตว์ประหลาดก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอกนะ คุณจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยก็ยังได้ถ้าคุณอยาก”
ผู้หญิงที่อุ้มเด็กอยู่ในอ้อมแขนหน้าแดงจัดด้วยความโกรธ แต่ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ รั้งเธอไว้และกระซิบอะไรบางอย่างกับเธอ ผู้หญิงคนนั้นปรายมองไปที่โจวยวี่ด้วยท่าทางยุ่งยากใจ จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงและไม่พูดอะไรต่อ
หลังจากรับชัยชนะ โจวยวี่ก็เหลือบมองไปยังฉินอีราวกับนกยูงผู้แสนภาคภูมิใจในตัวเอง ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาจากปากฉินอีสักคำ เธอเพียงแค่เชิดคางที่สว่างไสวแลดูสะอาดตาของตนขึ้น ในที่สุดเธอก็พูดขึ้น “นั่นเพื่อนเธอเหรอ”
โจวยวี่เข้าใจว่าฉินอีกำลังพูดถึงฉินเจียวเจียว เธอจึงพยักหน้า “เพื่อนร่วมชั้นตอนมัธยมปลายน่ะ”
ในตอนที่โจวยวี่พูดขึ้นนั้นเอง เธอก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองขึ้นมาแทบจะในทันที เธอลืมไปได้ยังไงนะว่าฉินเจียวเจียวรู้วิธีหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชาย ถ้าเกิดว่าฉินอี คนที่เธอหลงเสน่ห์กลับไปตกหลุมพรางของฉินเจียวเจียวเข้าจะทำยังไง
ฉินเจียวเจียวนั้นทั้งสวยทั้งน่ารัก ใบหน้าเรียวเล็กของเธอก็จัดว่าดูดีเลยทีเดียว แต่นิสัยที่เย่อหยิ่งและดูน่าสงสารนั้นสามารถกระตุ้นความปรารถนาของผู้ชายให้อยากจะปกป้องเธอ ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้เด็กผู้ชายหลายคนในโรงเรียนต่างก็หลงรักฉินเจียวเจียว แม้แต่ตู้เจวียนที่หน้าตาสวยงามกว่าเธอหลายเท่าก็ยังไม่เป็นที่หมายปองเท่ากับเธอเลย
ก่อนหน้านี้ โจวยวี่กับฉินเจียวเจียวมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีต่อกัน อย่างไรก็ตาม เวลานี้เหตุการณ์โลกาวินาศกำลังเกิดขึ้น ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเอาชีวิตรอดอีกแล้ว โจวยวี่เพียงแค่ต้องเกาะฉินอีไว้ให้แน่นและคอยระมัดระวังฉินเจียวเจียวไว้ก็พอ
โจวยวี่รีบพูดเสริมขึ้นทันที “ก็แค่เพื่อนร่วมชั้นทั่ว ๆ ไปน่ะ ไม่ได้สนิทเท่าไหร่หรอก”
หลังพูดจบ โจวยวี่ถึงกับสะกิดชิวชูเสวี่ย ผู้ซึ่งยืนอยู่ถัดไปจากเธอ สีหน้าของเธอดูร้อนรน “อาเสวี่ย ฉันพูดถูกหรือเปล่า”
ชิวชูเสวี่ยเงียบไปและไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ
มุมปากของฉินอีโค้งขึ้นเหนือริมฝีปาก ออร่าที่ชั่วร้ายทรงพลังเกือบจะไหลทะลักออกมาจากดวงตาของเธอ ฉินอีในลุคนี้ดูราวกับปีศาจแต่ก็ยังคงความน่าหลงใหล น้ำเสียงที่เคยใสของเธอบัดนี้กลับกลายเป็นเสียงที่ออกจะแหบห้าว “เป็นอย่างนั้นหรือ | ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างน่าสนใจอยู่นะ”
ความสนใจที่ปกปิดไม่มิดปรากฏขึ้นในดวงตาของฉินอี และนั่นก็ทำให้โจวยวี่รู้สึกอิจฉาฉินเจียวเจียวจนเต็มไปด้วยไฟริษยาที่บ้าคลั่ง
เรื่องมันมักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉินเจียวเจียวมาอยู่ในที่ที่เดียวกับเธอ โจวยวี่มักจะเป็นคนที่ถูกมองข้ามไป เธอเกลียดความรู้สึกแบบนี้เสียจริง เธอเกลียด เกลียดมันที่สุด
เห็นได้ชัดว่าเธอ โจวยวี่นั้นหน้าตาสวยกว่าฉินเจียวเจียวตั้งเยอะ แต่ทุกคนก็ยังชอบฉินเจียวเจียวมากกว่าเธอ ไม่ว่าจะเป็นพวกเด็กผู้ชาย พวกเด็กผู้หญิง หรือพวกคุณครูก็ตาม
ถ้าไม่ใช่เพราะฉินหานม่อ เธอคงไม่คอยติดตามดอกบัวสีขาวที่ภายนอกดูไร้เดียงสาน่าทะนุถนอม แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยกลอุบายชั่วร้ายราวกับปีศาจ และยังเก่งเรื่องการแสดงเสแสร้งแกล้งทำเป็นที่สุด
เธอไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้นหรอก เห็นได้ชัดว่าฉินเจียวเจียวเป็นคนประเภทไหน ดูจากวิธีที่เธอปฏิบัติต่อพี่สาวต่างมารดาของเธอ คนที่มีพ่อคนเดียวกันกับเธอสิ
อย่างไรก็ตาม พี่สาวต่างมารดาของเธอนั้นก็ช่างโง่เขลาเสียจริง เธอถูกฉินเจียวเจียกลั่นแกล้งมาโดยตลอด แต่เธอก็ยังโง่คิดว่าฉินเจียวเจียวนั้นดีกับเธอเสมอมา ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
โจวยวี่สะกดความหึงหวงและความเกลียดชังในใจของเธอเอาไว้และยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณคิดอย่างนั้นเหรอ งั้นพวกเราเดินไปทางนั้นหน่อยดีไหมล่ะ”
นัยน์ตาสีดำของฉินอีมองลึกเข้าไปยังดวงตาโจวยวี่ เธอยิ้ม “ไม่จำเป็นหรอก”
ความหึงหวงและความไม่พอใจในสายตาของโจวยวี่นั้นทำให้ฉินอีเข้าใจได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ‘ไม่พอใจเหรอ อิจฉาล่ะสิ งั้นหลังจากนี้อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน’
หึหึ เป็นฝ่ายเริ่มก่อนมันก็ไม่สนุกน่ะสิ สิ่งที่เธอชอบที่สุดคือการล่อเหยื่อให้เข้ามาติดกับต่างหากล่ะ
ฉินอีเดินไปยังอีกมุมหนึ่งแล้วนั่งลงที่พื้นในทันที จากนั้นก็หยิบไฟฉายจากกระเป๋าของเธอออกมา