[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 108 อย่าตกใจ ยังมีเวลาเหลืออยู่
ตอนที่ 108 อย่าตกใจ ยังมีเวลาเหลืออยู่
ภายในสถานที่ก่อสร้าง
ลุงหม่าที่ว่องไวและโหดเหี้ยมใช้วิธีที่ง่ายและตรงที่สุดเพื่อทำให้ลูกน้องทุกคนของฝ่ายตรงข้ามกลัว อีกทั้งคุณฉิงน้อย ที่ไม่เป็นที่นิยมต่อบรรดาลูกน้อง ยังถูกยิงตายในสามนัด ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วลูกน้องที่เป็นเด็กหนุ่มเหล่านี้จะรู้ว่าต่อต้านไปก็ตายเปล่า หลังจากแมวแก่ กวนฉี และคนอื่นๆ รีบเข้ามา พวกเขาจึงวางปืนลงโดยดี
ฉินหยู่เหลือบมองสถานการณ์ภายในสถานที่ก่อสร้างแล้วหันกลับไปมองด้านนอกทันที เห็นรถสองสามคันกำลังแล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูงจากระยะไกล เขาก็หันกลับมาสั่งทันทีว่า “เร็วเข้า พวกเราต้องรีบไปแล้ว”
ท่ามกลางกลุ่มคนที่กำลังวุ่นวายกับการเคลียร์สถานที่ หมาเหล่าเอ้อนอนจ้องมองลุงหม่าที่ยืนหลังงออยู่อย่างว่างเปล่าโดยปราศจากคำพูดใดๆ
มุมปากของผู้เฒ่าหม่ากระตุกเมื่อเขามองไปที่เสี่ยวลิ่วที่เสียชีวิตอย่างอนาถ เขาเพียงก้มลงช่วยลุงหลิวจื่อลุกขึ้นอย่างเงียบๆ เช่นกัน
“ช่วยคนนั้นลุกขึ้นเร็วเข้า” แมวแก่โบกมือสั่ง
เมื่อได้ยินคำสั่งทุกคนก็ยกร่างของหมาเหล่าเอ้อและเสี่ยวลิ่วแบกไปที่ด้านหลังของสถานที่ก่อสร้าง ฉินหยู่ตะโกนบอกเสริมทันทีว่า “นำร่างของฉิงจื่อหาวไปกับเรา ส่วนพวกร่างลูกน้องเอาไปทิ้งให้หมด”
แมวแก่อึ้งไปครู่หนึ่งแล้วหันกลับมา “มันตายกันหมดแล้ว นายจะทำอะไรกับมันอีก?”
“ไม่ใช่ตอนนี้พี่ชาย ทำตามที่ฉันขอเถอะ”
“รถไม่พอใส่ครับ”
“แบ่งมาขึ้นรถกวนฉีสองคน แล้วพวกเราจะวิ่งไปทางซ้ายก่อน” ฉินหยู่สั่งอย่างรวดเร็ว “ยิงทุกๆ 10 เมตร หลอกล่อให้พวกมันวนไปอยู่ฝั่งตรงข้าม เร็วเข้า”
ผู้เฒ่าหม่าเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นหันกลับมาและบอกทุกคนว่า “ฟังเสี่ยวหยู่”
ทุกคนจึงเชื่อฟังที่ฉินหยู่สั่งทุกอย่างในขณะนี้
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ ในสถานที่ก่อสร้าง พวกลูกน้องที่ขาดการติดต่อกับฉิงจื่อหาวก็ถูกหลอกล่อให้ขับรถไล่ตามพวกฉินหยู่ไป
สองนาทีต่อมา ฉินหยู่ก็นำกวนฉีและคนอื่นๆ ขับรถวนไปรอบๆ พื้นที่ก่อสร้างนับหมื่นตารางเมตรสองรอบ แล้วทุกคนก็กลับด้านเสื้อคลุมเพื่อพรางตาทำเป็นรถคนอื่น หยุดยิง และออกจากวงไล่ล่าไปอย่างเงียบๆ
……
ภายในรถ ผู้เฒ่าหม่านั่งเงียบไม่พูดไม่จา
หมาเหล่าเอ้อรู้สึกมึนชาเพราะอาการบาดเจ็บสาหัสของเขา แต่เขาก็ยังยกแขนขึ้นจับต้นขาของลุงหม่า
หลังจากที่ทั้งสองเงียบไปนาน หมาเหล่าเอ้อก็หมดความอดกลั้นอีกต่อไปและพูดทั้งน้ำตาไหลพราก “ลุง... ฉันผิดไปแล้ว... ฉันฆ่าเสี่ยวลิ่วและเหมาจื่อ... ลุงพูดถูก ฉันไม่มีอะไรดีเลย ...ไม่มีอะไรดีเลย”
ผู้เฒ่าหม่าก้มมอง แล้วคว้าข้อมือของลุงหลิวจื่อและหมาเหล่าเอ้อด้วยมือแต่ละข้าง แล้วตอบด้วยน้ำเสียงสงบว่า “ฉันอายุป่านนี้แล้ว พวกนายไม่จำเป็นต้องใช้ฉันเป็นเกณฑ์แล้ว”
เมื่อหมาเหล่าเอ้อได้ยินดังนั้นเขาก็น้ำตาไหลอีก
……
ยามดึกในดินแดนรกร้างชานเมืองเฟิ่งเป่ย
ฉินหยู่ยืนอยู่ข้างชั้นหิมะลึกครึ่งเมตร ก้มลงสูบบุหรี่กับผู้เฒ่าหม่า
หลังจากที่ทั้งสองเงียบไปนาน ผู้เฒ่าหม่าก็เงยหน้าขึ้นพูด “เสี่ยวหยู่ หลังจากดิ้นรนกันมานาน ตระกูลหม่าของเราก็ยังผงาดขึ้นไม่ได้เสียที ฉันละอายใจจริงๆ”
เมื่อฉินหยู่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็ขมวดคิ้วตอบไปอีกเรื่องหนึ่ง “คุณลุง จริงๆ แล้วคุณไม่ควรฆ่าฉิงจื่อหาว”
“ถ้าไม่ฆ่ามัน คนอีกฝั่งก็จะไม่หยุด ถ้าการต่อสู้ยืดเยื้อไป และพวกลูกน้องที่เหลือตามทัน พวกเราจะจบลงด้วยการหนีหัวซุกหัวซุนกันหมดคราวนี้” ผู้เฒ่าหม่าตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“นั่นมันก็จริง…”
ฉินหยู่ถอนหายใจและพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก
“อย่ากังวล แม้ว่าฉิงจื่อหาวจะตายไปแล้ว แต่เรื่องก็จะตกอยู่ที่ตระกูลหม่า ไม่ว่าข้างนอกจะเฮโลกันวุ่นวายแค่ไหน ฉันก็จะไม่โกงนายหรอกไอ้หนู” ผู้เฒ่าหม่าตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “นาย แมวแก่ และกวนฉี ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกนายควรออกเดินทางกลับเมื่อพวกนายพร้อม”
ฉินหยู่หยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วพูดว่า “แล้วคุณจะทำยังไงต่อ?”
“บอกตามตรง ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย” ผู้เฒ่าหม่าพยักหน้า “แต่สำหรับตอนนี้ ต้องให้หมาเหล่าเอ้อและลุงจื่อออกจากเขตพิเศษไปก่อน มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา ว่าพวกเขาจะออกไปได้หรือไม่”
“และคุณ?”
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ต้องอยู่บนถนนดินด่าง” ผู้เฒ่าหม่าตอบอย่างไม่ลังเล “ผู้คนมากมายต่างเคยชื่นชมเรา แต่ฉันไม่สามารถวิ่งหนีชื่อเสียงที่เสียหายเพราะขายยาปลอมได้แล้ว... ถ้าฉันไม่สามารถล้างมลทินนี้ออกได้ ฉันคงจะยอมจำนนต่อกฎหมาย แม้ผู้คนที่ชอบกฎหมายจะพอใจ แต่ฉันจะปล่อยให้ชาวบ้านบนถนนถู่จ้าเป็นคนตัดสินฉันด้วย”
ฉินหยู่จ้องมองไปที่ผู้เฒ่าหม่านิ่งๆ และพยักหน้า “ลุง ฉันนับถือคุณจริงๆ”
“...ฮ่าๆ เราเจอกันช้าไปหน่อย ถ้าเจอกันหลายปีก่อนหน้า เราก็คงได้ทำอะไรสำเร็จร่วมกันบ้างล่ะ” ผู้เฒ่าหม่าก็ยิ้มเช่นกัน
ฉินหยู่จ้องมองไปที่ใบหน้าของชายชราและนิ่งเงียบไปนาน จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น “ลุง เราอาจจะไม่แพ้ตอนนี้…”
ผู้เฒ่าหม่าตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียง “นายหมายความว่ายังไง?”
“ยังมีเวลาอยู่”
“ไร้สาระ! เสี่ยวฉู่ตายแล้ว เราก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องยาปลอมได้ชัดเจนอีกต่อไป” ผู้เฒ่าหม่ามองไปที่ฉินหยู่ และพูดต่อ “แล้วก็เรื่องเจ้าฉิงจื่อหาว มันไม่อยู่แล้ว บริษัทหลงซิ่งจะต้องวิตกกังวล และอำนาจพวกเขากับหยวนหัวมันไม่ได้มีขนาดเท่ากัน พูดตรงๆ คือ ถ้าพ่อของฉิงจื่อหาวกล่าวทักทายไป บางทีแม้แต่เฒ่าหลี่ของนาย ก็อาจจะต้องทักทายตอบด้วย”
“ฉิงจื่อหาวตายแล้ว ใครจะรู้?” จู่ๆ ฉินหยู่ก็พูดลอยๆ ขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อผู้เฒ่าหม่าได้ยินดังนั้นก็นิ่งอึ้งไป เฉลียวใจอะไรบางอย่าง
“ลุงหม่า ฉันชื่นชมคุณในฐานะบุคคลและการทำงาน และฉันยินดีที่จะร่วมงานกับคุณอีกครั้ง” ฉินหยู่พูดด้วยสีหน้าจริงจังมาก
ผู้เฒ่าหม่าเริ่มตั้งสติได้และถามทันทีว่า “คุณต้องการทำอะไร?”
“ถ้าคุณต้องการซื้อปืน ก่อนอื่นให้รักษาอาการบาดเจ็บของหมาเหล่าเอ้อและลุงจื่อก่อน” ฉินหยู่กระซิบ “ให้หมอเข้ามา เมื่อเขามาถึง แค่จับเขาไว้และอย่าปล่อยเขาไปสักช่วงหนึ่ง”
“อืมม… ฉันเข้าใจแล้ว” ผู้เฒ่าหม่าพยักหน้า
“เราไม่สามารถปล่อยพวกลูกน้องฉิงจื่อหาว ที่เราเพิ่งจับกลับมาด้วยได้” ฉินหยู่เตือนอีกครั้ง “ไม่ว่าพวกเขาจะมีภาระทางบ้านหนักแค่ไหน พวกเขาจะต้องถูกเราควบคุมไว้ก่อน”
“แล้วถ้าข่าวรั่วล่ะ?” ผู้เฒ่าหม่าถามอย่างไม่มั่นใจ
“อาจเป็นได้” ฉินหยู่พยักหน้านิ่งๆ
ผู้เฒ่าหม่าขมวดคิ้วมองดูเขา คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามว่า “ที่เหลือล่ะ?”
“ที่เหลือเราจะใช้เจ้านี่จัดการเอง” ฉินหยู่หยิบโทรศัพท์มือถือของฉิงจื่อหาวออกมาจากกระเป๋า “เราจะรอสาย”
ผู้เฒ่าหม่ากะพริบตาแล้วพยักหน้าทันที “เอาล่ะ งั้นรอก่อน”
……
ประมาณสี่สิบนาทีต่อมา
ขณะที่ผู้เฒ่าหม่ากำลังโทรติดต่อเรื่องการซื้อขายปืน จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของฉินหยู่ก็ดังขึ้น
“อย่าส่งเสียงดัง” ฉินหยู่โบกมือให้ทุกคนเงียบด้วยสีหน้าจริงจัง
ทุกคนที่อยู่ข้างรถมองกลับไปที่ฉินหยู่ และต่างคนต่างเงียบไป
ฉินหยู่เช็ดเหงื่อออกจากฝ่ามือแล้วกดปุ่มรับสาย “เฮลโล่?!”
“...” อีกฝ่ายยังเงียบกริบ
“ฮ่าฮ่า คุณหยวนหรือคุณฉิง?” ฉินหยู่ถามด้วยรอยยิ้ม
อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ
“ไม่อยากคุยใช่ไหม? งั้นฉันจะวางสายละ”
“ฉิงจื่อหาวอยู่ไหน?” เสียงของหยวนหัวดังขึ้น
“บอกฉันก่อนว่าคุณเป็นใคร แล้วเราค่อยคุยกัน” ฉินหยู่ถามด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย
“ฉันคือหยวนหัว”
“อา หัวหน้าหยวน” ฉินหยู่พยักหน้า “คุณต้องการฉิงจื่อหาวไหม?”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ” เสียงของหยวนหัวหดหู่มาก
“ฮ่าฮ่า ฉันอยากได้เสี่ยวฉู่” ฉินหยู่ตอบด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวฉู่ตายแล้ว จะให้ฉันส่งศพให้คุณเอาไหม?” หยวนหัวตอบด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกับฉินหยู่
ฉินหยู่เกาหัว “ถ้าไม่มีเสี่ยวฉู่ มันก็ยากสำหรับเราที่จะอธิบายเรื่องยาปลอมได้นะ”
หยวนหัวตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นายมันแค่เด็กเกเร ฉันคุยกับนายไม่ได้ ให้เฒ่าหม่ามาพูด!”
“ถ้างั้นลืมเสี่ยวฉู่ไปซะ ฉันอยากได้หย่งตง” ฉินหยู่พูดอย่างใจเย็น “อีกสองวันข้างหน้า ฉันจะบอกเวลาและสถานที่แก่คุณ แล้วคุณให้หย่งตงมาคนเดียว ถ้าเขาไม่มา ฉันก็จะใส่ขี้เถ้าของนายน้อยฉิงลงในโกศแล้วส่งไปให้คุณ”
หลังจากพูดอย่างนั้นฉินหยู่ก็วางสายโทรศัพท์และกดปุ่มปิดเครื่องทันที
“เขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของฉิงจื่อหาว เขาจะเชื่อเหรอ?” แมวแก่ถามทันที
ฉินหยู่ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “นายน้อยของครอบครัวเจ้านายถูกลักพาตัวไป หยวนหัวกล้าไม่เชื่อเหรอ?”
ดวงตาของแมวแก่เป็นประกายขึ้นเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น “แกนี่มันแสบจริงๆ ชุบชีวิตคนตายให้เป็นคนเป็นขึ้นมาได้”
“ทำไมนายต้องรอสองวัน มันไม่นานเกินไปเหรอ?” กวนฉีถามอย่างกังวล
ฉินหยู่เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าพลางตอบว่า “สองวันนี้ไม่ใช่สำหรับเรา แต่สำหรับหยวนหัว ฉันต้องการใช้คนตายทำให้พวกเขาต่อสู้กันก่อน”
……………………………………………………………