Chapter 2: เพื่อนบ้านผู้เป็นมิตร
“Perfect Life นั้นเป็นเกมแนวอิยาชิเคอิที่จะผ่อนคลายจิตวิญญาณและความตึงเครียดของคุณ ที่นี่ คุณจะได้พบเรื่องสนุกสนานมากมาย ชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกำลังรอคอยคุณอยู่ เพื่อความหวังและความสุขของผู้พักอาศัยของพวกเรา พวกเรามีหน้าที่นำเอาพลังงานด้านบวกมาสู่ชีวิตของผู้เล่นทุก ๆ คน...”
เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึง ห้าทุ่มห้าสิบเก้านาที ตอนที่เสียงของระบบที่ดูเหมือนจะดังก้องมาจากส่วนลึกในสมองของหานเฟยเงียบลง
“ตอนนี้ คุณมีอิสระที่จะเลือกชีวิตอันสมบูรณ์แบบของตัวคุณเอง”
พื้นผิวแข็งเย็นเยียบกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าของหานเฟย ชายหนุ่มลืมตาขึ้นช้า ๆ และพบว่าเขากำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นตา ห้องนี้มีขนาดประมาณเจ็ดสิบตารางเมตร เครื่องเรือนมีฝุ่นหนาปกคลุม ผนังเปื้อนคราบสีแดงเข้มกระจายเป็นจุด ๆ
“พระเจ้า ปวดหัวชะมัด เหมือนมีใครเจาะรูไว้ที่ด้านหลังหัวฉันเลย”
กลิ่นราจาง ๆ ลอยอวลเต็มจมูกของเขา หานเฟยมองเห็นทุกอย่างรอบตัวชัดเจน ประสาทสัมผัสรับกลิ่น เสียง สัมผัส และรสชาติของเขายังอยู่ครบ โลกเกมนี่ไม่ต่างไปจากชีวิตจริงเลย หานเฟยนั่งทึ่มทื่ออยู่บนพื้นมองความว่างเปล่าและทรุดโทรมรอบตัว รูปแบบแผนผังห้องและเครื่องเรือนทำให้เขานึกถึงบ้านเก่า ฝุ่นที่เกาะอยู่ทั่วบ่งบอกว่าที่นี่ไม่ได้ใช้งานมาเป็นระยะเวลานานแล้ว
“งั้น นี่ก็คือบ้านในเกมของฉันงั้นเหรอ?” หานเฟยลุกขึ้นยืน ลูบด้านหลังศีรษะตัวเอง “จากช่วงแนะนำเกม นี่น่าจะเป็นเกมจำลองสถานการณ์ที่จัดอยู่ในหมวดหมู่เกมอิยาชิเคอิสินะ เป็นเกม Open world ที่ไม่มีเนื้อเรื่องกำกับ ให้อิสระแก่ผู้เล่นในการเพิ่มระดับตัวเองหรือการเก็บเกี่ยวทรัพยากร ฉันสามารถหาแฟนเสมือน มีความรักในโลกเสมือนได้ด้วยซ้ำ”
ตอนที่หานเฟยกำลังคิดถึงสิ่งที่จะทำต่อไป ก็มีเสียงเคาะประตูดังมา หานเฟยเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปดึงประตูกันขโมยเปิดออก แสงไฟสลัว ๆ ที่เปิดด้วยเสียงตามทางเดินลอดเข้ามาในห้องขับไล่ความเงียบงันและเงียบเหงาออกไป
“พ่อหนุ่ม เธอเป็นผู้เช่าคนใหม่ใช่ไหม?” น้ำเสียงเป็นมิตรดังมาจากด้านนอกประตู คุณยายคนหนึ่งที่มีรอยยิ้มใจดี ผมสีเงินยวงยืนอยู่ในทางเดินที่เต็มไปด้วยขยะ “ช่วงปีใหม่ ยายทำติ่มซำกินที่บ้าน มากินอาหารเย็นกับพวกเราสิ เธอไม่ควรอยู่คนเดียวในวันหยุดแบบนี้” ทุกคนล้วนยุ่งอยู่กับชีวิตในเมืองใหญ่ เพื่อนบ้านทั่วไปในตึกเดียวกัน เดือนหนึ่งแทบไม่ได้คุยกันสักคำ ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่หานเฟยได้รับคำเชิญเช่นนี้
“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่อยากรบกวนคุณยาย” ตั้งแต่ที่หานเฟยถูกไล่ออก เขาก็เริ่มตั้งป้อมกีดกั้นคนอื่นออกไปจากรอบตัว เขาไม่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ให้มากเกินไปนัก
“ลูกชายกับลูกสะใภ้ของยายอยู่ไกลบ้าน ที่บ้านมีแค่ยายกับหลานชายเท่านั้น ยายทำอาหารเยอะเกินกว่าแค่พวกเราสองคนจะกินหมดดังนั้นเธอไม่ได้รบกวนพวกเราหรอก” คุณยายมองหานเฟยอย่างเมตตาและรักใคร่ราวกับมองลูกหลานของตัวเอง ทุกถ้อยคำของเธอนั้นอบอุ่น “ตามประเพณีแล้ว ติ่มซำนั้นหมายถึงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและยังหมายถึงการเริ่มต้นปีใหม่ด้วย กินติ่มซำวันที่หนึ่งมกราจะช่วยขับไล่พลังด้านลบจากปีก่อนออกไป ยายรู้ว่ามันยากลำบากสำหรับเด็กหนุ่ม ๆ อย่างเธอที่จะเข้าไปทำงานและอาศัยในเมืองใหญ่ มาเถอะ กินอาหารปีใหม่กับพวกเรา”
คุณยายยืนกรานเชิญเขา หากนี่เป็นชีวิตจริง หานเฟยคงจะหาข้ออ้างอื่น ๆ ปฏิเสธเธอไปแล้ว แต่ในเมื่อนี่เป็นเกม เขาจึงต้องคิดถึงความเป็นไปได้ที่นี่จะเป็นเนื้อหาที่จำเป็นจุดหนึ่ง หานเฟยพยักหน้าและคว้าพวงกุญแจที่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นแล้วตามคุณยายคนนั้นไปที่ชั้นล่าง
“คุณยายระวังเท้าด้วยครับ” ทางเดินและบันไดนั้นเต็มไปด้วยขยะและปฏิกูล ราวบันไดสนิมเขรอะ รอยวาดรูปของเด็ก ๆ และป้ายโฆษณาเล็ก ๆ ติดอยู่บนกำแพง ที่นี่นั้นลอกเลียนแบบอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าจากเมื่อหลายสิบปีก่อนมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อเทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้า อพาร์ทเม้นท์แบบนี้ก็ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ
คุณยายนำหานเฟยลงไปข้างล่างหนึ่งชั้นและไปหยุดที่หน้าห้อง 1031 ตัวเลขบนประตูนั้นซีดจางไปตามอายุแต่ว่าก็ยังคงเป็นสีแดงชัดเจน คุณยายกระแอมไอเบา ๆ ก่อนจะผลักประตูเปิด กลิ่นหอมน่าอร่อยของเนื้อลอยออกมาจากในห้อง หานเฟยกลืนน้ำลายและมองเข้าไปในห้อง บ้านของคุณยายนั้นมืด ไฟไม่ได้เปิด และแหล่งแสงเดียวก็คือเทียนหลายเล่มที่โต๊ะกินข้าว
“ฟิวส์ไหม้น่ะ ยายเรียกช่างแล้วแต่ว่าพวกเขาน่าจะหยุดช่วงวันหยุดยาวนี่”
“คุณยายให้ผมช่วยดีไหมครับ? ผมเคยเปลี่ยนฟิวส์ที่บ้าน” หานเฟยไม่ได้ปฏิบัติกับหญิงชราเหมือนเธอเป็น NPC* เพราะอะไรสักอย่าง สำหรับเขาแล้วคุณยายให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนจริง ๆ
“อย่างนั้นเธอระวังด้วย มีฟิวส์สำรองอยู่ในลิ้นชัก” คุณยายบอกขณะรีบเดินไปทางห้องครัว เธอเคี่ยวเนื้อเอาไว้บนเตา
หานเฟยไต่บันไดขึ้นไปเปลี่ยนฟิวส์ที่ไหม้ เขาดึงตัวตัดไฟแล้วแสงสว่างก็กลับมาสู่ห้องมืด ๆ ห้องนี้
“ประกาศสำหรับผู้เล่น 0000! ภารกิจทั่วไประดับ G: เปลี่ยนฟิวส์ สำเร็จ ความเป็นมิตรกับเมิ่งซื่อเพิ่มขึ้น 5 การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้านเป็นก้าวแรกสู่ชีวิตสมบูรณ์แบบ” เสียงของระบบที่เยือกเย็นและไร้อารมณ์ดังก้องอยู่ในหัวของหานเฟย “เปิดใช้ระบบภารกิจ ภารกิจของผู้เล่นใหม่ได้รับการอัพเดท ทำภารกิจของผู้เล่นใหม่สำเร็จจะช่วยให้คุณเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับโลกนี้ดีขึ้น” ตามหลังเสียงที่ไม่คุ้นเคยนั้นเป็นหน้าต่างกรอบหนึ่งปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของหานเฟย แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ดูอย่างละเอียด คุณยายก็ถือหม้อซุปปลาออกมาเสียก่อน
“ซุปปลาเพิ่งลงจากเตาเลย มากินตอนที่มันยังร้อนเร็ว” คุณยายตักใส่จานให้พร้อมยิ้ม เธอหันไปทางประตูห้องนอน ไขเปิดแม่กุญแจที่บนประตู “เฉินเฉิน ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว”
ครู่หนึ่ง เด็กชายอายุประมาณห้าหรือหกปีก็เดินช้า ๆ ออกมา เขาก้มหน้าต่ำและดูอารมณ์ไม่ดี เขาอาจจะเพิ่งทะเลาะกับยายของเขาก่อนหน้านี้
“กินอาหารกันไปก่อนเลย ยายยังมีจานอื่นต้องปรุง” คุณยายเปิดตู้เย็นเอาไก่แช่แข็งครึ่งตัวออกมาจากชั้นด้านบน “ไฟดับตั้งนานแล้วทำไมมันถึงยังแข็งอยู่เลยเนี่ย?” เธอวางเนื้อไก่แช่แข็งเอาไว้ในกล่องเล็ก ๆ และวางมันไว้บนโต๊ะกินข้าว
“คุณยาย ไม่ต้องทำอาหารหลายจานหรอกครับ พวกเรากินไม่หมดหรอก”
“มันเป็นธรรมเนียมที่พวกเราต้องดูแลแขกให้ดีที่สุด อีกอย่าง ถ้าทิ้งเนื้อสัตว์เอาไว้ในตู้เย็นนานเกินไปมันจะเสีย” ท่าทางกุลีกุจออยู่ในครัวของคุณยายทำให้หานเฟยนึกถึงภาพของครอบครัวอันอบอุ่นที่มักจะเห็นได้ในโฆษณาปีใหม่ของจีน
หานเฟยเป็นเด็กกำพร้า คุณอาจจะคิดว่าเขาไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสความสุขของวันหยุด แต่ว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เขาเติบโตขึ้นมานั้นก็มีการฉลองวันหยุดเหล่านี้ในแบบของตัวเอง แต่ว่า... ความสุขนั้นสั้นนัก
หานเฟยยิ้ม ประหลาดใจที่มีโอกาสได้สัมผัสกับความอบอุ่นเช่นนี้อีกครั้งในเกมอย่างคาดไม่ถึง
กลิ่นเนื้อลอยอวลในอากาศ เสียงฉี่ฉ่าดังมาจากในครัว และทีวีก็เป็นรายการพิเศษปีใหม่ ความธรรมดาที่เหมือนจะชะล้างเอาความห่างเหินในเมืองที่ไม่คุ้นเคยนี้ออกไป “บางที สิ่งธรรมดาเหล่านี้อาจจะเป็นแก่นแท้ของชีวิตที่มีความสุข”
ในชีวิตยังมีขึ้นมีลง หากคนผู้หนึ่งไม่ยอมเดินไปข้างหน้าเพราะกลัวความล้มเหลว เช่นนั้นก็จะติดอยู่ในความมืดมิดไปตลอดกาล
หานเฟยหยิบทัพพีตักซุปปลาให้เฉินเฉินและตัวเองคนละถ้วย น้ำซุปสีขาวน้ำนมส่งกลิ่นหอมน่ากิน หานเฟยเป่าน้ำซุปร้อน ๆ ตอนที่เขาชิมดู เขาก็มองเห็นจากทางหางตาว่าเด็กชายที่อีกด้านของโต๊ะยกชามขึ้นจากโต๊ะ
‘เขากำลังจะทำอะไรน่ะ?’ ก่อนที่หานเฟยจะทันมีปฏิกริยา เด็กชายก็ขว้างชามลงกับพื้น!
“ไม่มีทางที่ผมจะยอมกินอะไรที่มาจากโลงศพหรอกนะ!”
แค่ก! ได้ยินสิ่งที่เด็กชายพูด น้ำซุปปลาก็พุ่งออกจากปากหานเฟย ‘โลงศพ?’
ถ้วยแตกละเอียด น้ำซุปกระเซ็นไปทั่ว ได้ยินเสียงเอะอะ คุณยายก็ออกมาจากห้องครัว “เฉินเฉิน! นี่หนูทำอะไรลงไป?!”
“ผมไม่กินของพวกนี้! เหมือนไก่นั่นนั่นแหละ ยายทำอาหารจากของที่เอาออกมาจากโลงศพ!” เด็กชายเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำอย่างไม่น่าเชื่อ
“ไร้สาระ!” เพราะกลัวว่าน้ำซุปร้อน ๆ จะลวกเด็กชาย คุณยายจึงรีบเดินมาที่โต๊ะกินข้าวโดยไม่ถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อน
“ผู้จัดการอพาร์ทเม้นท์บอกว่ามีแต่ศพคนตายเท่านั้นที่เก็บเอาไว้ในโลงศพได้!” เด็กชายดิ้นรนให้หลุดจากมือยายของตน เขาคว้าไก่แช่แข็งจากบนโต๊ะแล้วขว้างลงพื้น หลังจากนั้น เขาก็หนีเข้าห้องนอนของตัวเองไป
“กลับมานี่นะ!” คุณยายวิ่งไล่ตามเด็กชายไป ทิ้งหานเฟยเอาไว้กับถ้วยน้ำซุปปลาในห้องนั่งเล่น
“เด็กคนนั้นประหลาดทีเดียว” หานเฟยวางถ้วยของตัวเองลงอย่างระมัดระวัง เขาเจอไม้ถูพื้นที่ด้านหลังประตูและช่วยหญิงชราทำความสะอาด แต่ตอนที่เขาก้มลงเก็บไก่แช่แข็งจากพื้น เขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง เด็กชายบอกว่าเขาจะไม่กินอะไรก็ตามที่ทำจากของที่เก็บไว้ในโลงสพ แต่หานเฟยเห็นชัด ๆ ว่าไก่นี่ถูกเอาออกมาจากตู้เย็น แล้วทำไมเด็กชายถึงเข้าใจผิดว่าตู้เย็นเป็นโลงศพ? บางทีเงื่อนงำอาจจะอยู่ที่ประโยคที่สองที่เด็กชายพูด... “ผู้จัดการอพาร์ทเม้นท์บอกว่ามีแต่ศพคนตายเท่านั้นที่เก็บไว้ในโลงศพได้!”
เป็นไปได้ไหมว่าเด็กชายเคยเห็นศพในตู้เย็นในบ้านของพวกเขา?
‘หืม?’ ตอนที่ความคิดนี้ผ่านเข้ามาในใจเขา หานเฟยก็นิ่งไป นี่เป็นคำถามที่เขาควรถามในเกมแนวอิยาชิเคอิเหรอ?!
NPC* ตัวละครของเกม ไม่ใช่ผู้เล่น