ตอนที่แล้วบทที่ 39: เส้นทางแห่งศิลปะการต่อสู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41: ผู้รู้แจ้ง

บทที่ 40: สายตาแห่งจิตวิญญาณ


บทที่ 40: สายตาแห่งจิตวิญญาณ

ซูเจี๋ยและเพื่อนของเขารู้สึกหดหู่เล็กน้อยเนื่องจากการสอบศิลปะการต่อสู้

เมื่ออ่านบรรยากาศ ไป่เว่ยก็รีบเปลี่ยนหัวข้อคุย “พวกนายรู้ไหมว่าโจวไป่หยุนได้ส่งคนไปสำรวจภูเขาเป่าอันอีกครั้งในวันนี้”

“โอ้ แล้วพวกเขาพบอะไรไหม?” หวังเต็งถามอย่างเฉยเมย

นี่เป็นไปตามการคาดการณ์ของเขา

คนฉลาดมักอยากรู้อยากเห็น และโจวไป่หยุนก็เป็นคนฉลาด

เมื่อไม่ได้รับคำตอบที่เธอต้องการเมื่อคืนก่อน เธอก็เลือกที่จะลงมือสืบสวนมันด้วยตัวเอง

“หวู่หยวนบอกว่าพวกเขาพบร่องรอยของการต่อสู้ในป่า และเมื่อดูจากร่องรอบการต่อสู้ มันก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการปะทะกันของนักสู้” ไป่เว่ยกล่าว

“นักสู้!”

ซูเจี๋ยและหยู่ห่าวตกตะลึง

“ในที่เกิดเหตุมีร่องรอยไหม้และรอบแช่แข็งด้วย ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกทำโดยพลังฟอร์สนะ” ไป่เว่ยพยักหน้าและกล่าว

“มีนักสู้ด้วยหรอ? โชคดีที่พี่หวังเต็งไม่พบพวกเขา ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะตกอยู่ในอันตราย” ซูเจี๋ยกล่าว

หวังเต็งพยักหน้า

“ใช่แล้ว ว่าแต่ใครคือหวู่หยวน” หยูห่าวถามไป่เว่ยอย่างสงสัย

“เธอเป็นหญิงสาวที่ฉันพบที่วิลล่าบนภูเขาเมื่อวานนี้น่ะ เธอเป็นคนชอบซุบซิบและเธอก็รู้ความลับมากมาย นอกจากนี้เธอก็ยังเป็นคนช่างพูดอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความหาฉันทางวีแชททันทีที่เธอได้ยินข่าวนี้” ไป่เว่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“เธอพูดอะไรอีก” หวังเต็งถาม

“เธอยังบอกอีกว่าหลังจากที่โจวไป่หยุนมาถึง สมาชิกจากสำนักงานปกป้องเมืองก็ได้มาด้วย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ค้นพบอะไรเลย พวกเขาคาดเดากันว่าบางทีนักสู้ทั้งสองอาจจะหนีไปหลังจากปะทะกันที่นั่นได้ชั่วครู่” ไป่เว่ยกล่าวต่อ

หวังเต็งตกอยู่ในห้วงความคิด ดูเหมือนว่าไป่เว่ยจะรู้แค่ผิวเผินเท่านั้น

พวกเขาคุยกันสักพักก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

เมื่อหวังเต็งกลับถึงบ้าน เขาก็สังเกตเห็นคนแปลกหน้าสองสามคน หวังเฉินกั๋วเองก็กลับมาจากการเดินทางไปทำงานแล้วและกำลังสนทนากับคนเหล่านี้

สำนักงานปกป้องเมือง!

ไม่คิดว่าพวกเขาจะมาหาฉันเร็วขนาดนี้!

หัวใจของหวังเต็งเต้นผิดจังหวะ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของเขา เขายังคงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและถามว่า “พ่อ พ่อกลับมาแล้วหรอ แล้วคนพวกนี้คือ?”

“ใช่แล้ว” หวังเฉินกั๋วพยักหน้า จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาตอบว่า “พวกเขามาจากสำนักงานปกป้องเมือง และพวกเขาก็มาที่นี่เพื่อถามคำถามสองสามข้อกับลูก นี่ลูกไปสร้างปัญหามาอีกแล้วหรอ?”

หวังเต็งรู้สึกผิดในทันที “ผมจะไปสร้างปัญหาได้ยังไงกัน? ผมฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างเชื่อฟังและออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆเมื่อเร็วๆนี้ อย่างงั้นแล้วผมจะสร้าไปงปัญหาอะไรได้!”

“  คุณหวังไม่ต้องกังวลไป นี่เป็นเพียงการตรวจสอบตามปกติ”

ชายหนุ่มโบกมือแล้วลุกขึ้นยืน เขาถามหวังเต็งว่า “คุณคือหวังเต็งใช่ไหม?”

“ใช่”

“ฉันเป็นหัวหน้าทีมเล็กลำดับที่ 3 ของสำนักงานคุ้มครองเมือง ไช่หยู่” ชายหนุ่มแนะนำตัว “เรามาที่นี่ในวันนี้เพราะเราต้องการถามคุณเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานบนภูเขาเป่าอัน”

“ตกลง ในเมื่อคุณมาที่นี่เพราะเรื่องนั้น งั้นก็ถามมาได้เลย ฉันจะตอบทุกอย่างที่ฉันรู้” หวังเต็งแสร้งทำเป็นรู้ทุกอย่าง

ไช่หยู่ถามคำถามสองสามข้อและหวังเต็งก็ตอบเขาด้วยคำตอบที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า มันไม่พบช่องโหว่ในเรื่องราวของเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขากล่าวว่าเขาไม่มีความรู้เรื่องทิศทาง จากนั้นหวังเฉินกั๋วก็หัวเราะและกล่าวเสริมว่า “ฉันไม่ว่าหรอกนะถ้าคุณจะหัวเราะเยาะเขา ไอ้เด็กดื้อคนนี้มันนิสัยไม่ดีมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว โชคดีที่เรามีจีพีเอส ไม่อย่างงั้นฉันก็คงจะต้องเสียเวลาครึ่งชีวิตไปกับการตามหาเขา”

“เอาล่ะ ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ ขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในวันนี้”

เนื่องจากไช่หยู่ไม่ได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องใดๆ ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและจากไป

หลังจากที่สมาชิกของสำนักงานปกป้องเมืองจากไป หวังเฉินกั๋วก็ได้ใช้นิ้วของเขาและทำท่าดีดหน้าผากของหวังเต็ง

หวังเต็งหัวเราะ “พ่อ พ่อให้ความร่วมมือได้ดีมาก!”

“หยุดพูดเล่นได้แล้ว” หวังเฉินกั๋วลุกเป็นไฟเมื่อไม่มีคนแปลกหน้า “จากนี้ไปจงเชื่อฟังและหยุดสร้างปัญหา”

หวังเต็งไม่ได้อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นหวังเฉินกั๋วจึงเตือนเขาและไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก

หลี่ซิ่วเหม่ยวางจานลงบนโต๊ะและเรียกพ่อกับลูกชายมาทานอาหารเย็น

ไช่หยู่กำลังนั่งอยู่ในรถ จากนั้นพนักงานขับรถก็ถามว่า “พี่ไช่ คิดว่าคำพูดของเด็กหนุ่นคนนั้นมันจริงแค่ไหน?”

“มันยากที่จะพูด”

ไช่หยู่ขมวดคิ้ว “ จากการตรวจสอบทางเคมีของสถานที่ นักสู้ที่ต่อสู้อยู่นั้นได้ตายไปแล้ว และมันก็น่าจะมีบุคคลที่สามอยู่ในที่เกิดเหตุ

“จากคำกล่าวของหลี่หรงเฉิง เราก็ได้รู้ว่าหวังเต็งนั้นไม่ได้อ่อนแอ และตอนนี้เขาก็น่าจะเป็นศิษย์นักสู้ขั้นสูง”

“แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์นักสู้ชั้นสูงจะฆ่านักสู้ได้ถึงสองคน”

“ด้วยเหตุนั้นเอง การตายของสองคนนั้นจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเขา และหากมันมีความจริงที่เขาปกปิดอยู่ มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่เขาเห็นการต่อสู้และเกิดกลัวจนไม่กล้าที่จะพูดออกไป”

คนขับยังคงคาดเดาต่อไป “เป็นไปได้ไหมที่นักสู้ทั้งสองจะเสียชีวิตพร้อมกันและเขาก็ได้ประโยชน์จากพวกเขา”

“นายอ่านนิยายมากเกินไปรึเปล่า? ถ้าโชคดีขนาดนั้นเขาก็คงจะเป็นลูกของพระเจ้าแล้วล่ะ?” ไช่หยู่กลอกตา

“ฮ่าฮ่า พี่ไช่ พี่ไม่รู้เหรอว่าเนื้อเรื่องแนวนี้กำลังฮิตอยู่ในปัจจุบัน? อ่านแล้วมันทำให้รู้สึกดีนะ!” คนขับหัวเราะ.

“ขับรถต่อไปก็พอ”

ไช่หยู่หัวเราะและดุคนขับ จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

“เห้อ หลี่หรงเฉิงและหวังเต็งเป็นศิษย์นักสู้ขั้นสูง มันมีโอกาสที่พวกเขาจะกลายเป็นนักสู้ในอนาคต ตระกูลหลี่และตระกูลหวังนั้นไม่ใช่ตระกูลธรรมดาๆ ชีวิตของพวกเขานี่ดีจริงๆ”

“นอกจากนี้สมบัติของนักสู้ทั้งสองก็ยังหายไปและโทรศัพท์มือถือของพวกเขาก็หายไปเช่นกัน ดังนั้นเราจึงไม่รู้ตัวตนของพวกเขา และมันก็ทำให้เราไม่มีแม้แต่เงื่อนงำที่จะเริ่มสืบสวน บางทีนี่ก็อาจจะกลายเป็นหนึ่งในคดีที่ไม่สามารถคลี่คลายได้ก็ได้”

“พี่พูดถูก นับตั้งแต่เราเชื่อมต่อกับทวีปซินหวู่ มันก็ยากที่จะนับยอดจำนวนนักสู้ที่สูญหายและเสียชีวิต” พนักงานคร่ำครวญ

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ หวังเต็งถือกระเป๋าเป้พร้อมกับไข่กลับเข้าไปในห้องนอนของเขาโดยที่พ่อแม่ของเขาไม่ได้มองดู

เขาเอาไข่ออกมาแล้ววางลงบนในตู้ฟักไข่ เขาเปิดตู้ฟักไข่แล้วปล่อยให้มันฟักไข่อย่างช้าๆ

จากนั้นเขาก็นอนลงบนเตียงแล้ววางหัวลงบนมือ

เขากำลังตกอยู่ในความงุนงง จากนั้นเขาก็กระโดดลงจากเตียงและหยิบกระจกขึ้นมา

หวังเต็งมองไปที่กระจกและเปิดใช้งานสายตาแห่งจิตวิญญาณ  จากนั้นเขาก็เห็นชั้นฟิล์มสีดำบางๆปกคลุมรูม่านตาของเขา...

ราวกับว่าฉันใส่คอนแทคเลนส์

ห้ะ? มันมีจุดแสงสีแดงลึกลงไปในดวงตาของฉัน!

โอ้พระเจ้า ทำไมพวกมันถึงดูเหมือนกับตากาเลย!

หวังเต็งสังเกตดวงตาของเขาอย่างระมัดระวังและรู้สึกหงุดหงิดทันที พวกมันกลายเป็นตาของกาจริงๆหรอ?

“เห้อ สายตาแห่งจิตวิญญาณนี่มันคืออะไรกัน?”

หวังเต็งกวาดตามองห้องของเขาด้วยการถอนหายใจ เมื่อเขาเห็นไข่ในตู้ฟักไข่ สายตาของเขาก็หยุดลงทันใด

“นี่มัน...”

เมื่อสายตาแห่งจิตวิญญาณของเขาถูกเปิดใช้งาน ไข่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งหมดราวกับว่ามันเป็นลูกบอลไฟที่ลุกโชน

“พลังฟอร์ส!”

เป็นไปได้ไหมว่าการใช้สายตาแห่งจิตวิญญาณช่วยให้ฉันเห็นพลังฟอร์ส?

หวังเต็งมีความคิดที่เหลือเชื่อ

นี่อาจเป็นวิธีที่ทำให้อีกายักษ์สามารถหาเมืองตงไห่เจอ นี่อาจเป็นวิธีที่ทำให้มันสามารถล็อคตำแหน่งเขาได้ ท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์นี้ฉันก็ได้มาจากอีกายักษ์

“อย่างไรก็ตาม ความสามารถนี้ก็ไม่เลวเท่าไหร่ ฉันสามารถเห็นพลังฟอร์สผ่านดวงตาของฉัน ดังนั้นฉันจึงสามารถคาดเดาได้ว่านักสู้คนอื่นๆนั้นแข็งแกร่งหรืออ่อนแอเพียงใด!”  หวังเต็งพึมพำกับตัวเอง

หวังเต็งกำลังร้อนรุ่มด้วยความกระตือรือร้น เขาทดสอบพรสวรรค์อยู่เป็นเวลานานจนรู้สึกว่าตาของเขาเริ่มจะเจ็บและหัวของเขาก็เริ่มจะหนักขึ้น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปิดพรสวรรค์สายตาแห่งจิตวิญญาณของเขา

“เกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมฉันถึงรู้สึกเวียนหัวกัน!”

“หรือมันจะเป็นเพราะ…”

หวังเต็งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเปิดหน้าต่างค่าคุณสมบัติและดูที่หมวดค่าสถานะของเขา จากนั้นเขาก็พบว่ามันมี (ใช้งานมากเกินไป) อยู่เบื้องหลังค่าคุณสมบัติ

สายตาแห่งจิตวิญญาณต้องใช้พลังวิญญาณ!

ดูเหมือนว่าฉันจะใช้มันไม่ได้โดยประมาท

หวังเต็งพักสักครู่ก่อนที่อาการวิงเวียนศีรษะจะค่อยๆหายไป

“ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสายตาแห่งจิตวิญญาณนั้นสามารถช่วยให้ฉันมองเห็นพลังฟอร์สได้ แต่มันยังสามารถทำอะไรอย่างอื่นได้อีกไหมนะ?”

หวังเต็งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจว่าเขาจะให้ความสนใจกับมันมากขึ้นในอนาคต พรสวรรค์สายตาแห่งจิตวิญญาณนั้นเป็นอะไรที่มีความพิเศษมาก ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่ามันจะต้องยังมีความลับอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด