บทที่ 11 ข้อตกลง
อย่างไรก็ตาม ฉินอีก็ยังเก็บสิ่งของพวกนั้นเอาไว้ในมิติแรกกำเนิดอยู่ดี อันดับแรก เธอก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงคนนึง ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังชอบพวกของส่องประกายเหล่านั้นอยู่ดี
อันดับที่สอง สิ่งของเหล่านี้นับว่าพบเห็นได้ยากมากในช่วงวันโลกาวินาศ และเหล่าคุณหญิงคุณนายผู้มีฐานะร่ำรวยพวกนั้นที่ไม่ต้องกังวลกับอาหารสำรองต่างก็ชื่นชอบพวกมัน
หลังจากเก็บซ่อนของทุกอย่างแล้ว ฉินอีรู้สึกอารมณ์ดี แต่ความคิดที่ว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับฉินเจียวเจียวในไม่ช้าก็ทำให้อารมณ์ของเธอนั้นเปลี่ยนเป็นดุเดือดเลือดพล่านขึ้นมา
เธอเลียริมฝีปากของตนเอง ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความพึงพอใจอย่างบ้าคลั่ง ‘น้องสาวที่รักของฉัน ฉันอดใจรอที่จะได้เจอเธอแทบไม่ไหวแล้ว’
ฉินอีกลับไปยังชั้นสองอย่างรวดเร็ว ที่ที่ชิวชูเสวี่ยกำลังรอเธอกลับมาอย่างเชื่อฟังตรงประตูทางเข้าสู่บันได
เธอเชื่อฟังอย่างแท้จริงโดยการไม่ขึ้นไปยังชั้นสาม เธอหยิบมาเพียงแค่กระเป๋าเป้เดินทางเพื่อนำอาหารกับน้ำยัดใส่ลงไปเท่านั้น
ดวงตาของฉินอีเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม ‘เด็กผู้หญิงคนนี้ฉลาดจริง ๆ เธอไม่ได้เอาสิ่งของอะไรมามากมาย เพราะเธอรู้ว่าการนำสิ่งของมามากเกินไปนั้นจะเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของตนได้’
ฉินอีพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ไปกันเถอะ”
ชิวชูเสวี่ยพยักหน้ารับและตามหลังฉินอีไป หลังจากลังเลอยู่สักพัก เธอก็พูดขึ้นว่า “นี่ คุณอย่าโทษเรื่องนี้กับโจวยวี่เลยนะ เธอไม่ได้เป็นคนเลวอะไรหรอก”
ฉินอีไม่ได้หยุดหรือตอบอะไรกลับไป เธอมีตาครบทั้งสองข้างและเธอก็รู้ดีกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีหรือคนเลว
ยังไงก็ตาม คำพูดนี้ทำให้ฉินอีลองคิดทบทวนดูอีกที ในตอนแรก เธอต้องการจะดึงชิวชูเสวี่ยมาเป็นพวกเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะต้องพิจารณาใหม่เสียแล้ว
การพาโจวยวี่ไปด้วยนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าเธอจะต้องยอมแพ้ที่จะได้ตัวผู้ใช้พลังคู่คนนี้มาก็ตาม
เมื่อเธอไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากฉินอี ชิวชูเสวี่ยก็เม้มริมฝีปากของตนและไม่ได้พูดอะไรต่อ
เมื่อฉินอีและชิวชูเสวี่ยมาถึงตรงทางเข้า พวกเขาก็พบว่ากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีโจวยวี่รวมอยู่ในนั้นด้วย ต่างก็จ้องมองมายังประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แววตาของคนเหล่านั้นมีทั้งความประหลาดใจ ตกใจ และความโลภ เมื่อเห็นพวกเขากลับมา
โจวยวี่เห็นกระเป๋าเป้เดินทางอยู่บนหลังของชิวชูเสวี่ยจึงถามขึ้นอย่างรีบร้อน “อาเสวี่ย เธอได้อาหารมาแล้วใช่หรือเปล่า”
เธอยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และยังตกอยู่ในความกลัวมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอนั้นหิวโหยเป็นอย่างมาก
ดวงตาทั้งคู่ของเธอเปล่งประกายเมื่อเธอมองไปที่อาหาร ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินอีอีกต่อไป
ชิวชูเสวี่ยพยักหน้าก่อนจะหยิบขวดน้ำขวดหนึ่งและขนมปังอีกแถวหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ของเธอ จากนั้นก็ส่งสิ่งของเหล่านั้นให้กับโจวยวี่
โจวยวี่สวาปามอาหารพวกนั้นทันทีตั้งแต่วินาทีที่เธอได้รับมา สายตาหลายคู่ที่เต็มไปด้วยความโลภอยู่รอบ ๆ ตัวเธอ คันไม้คันมืออยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าต่อหน้าฉินอี
ชิวชูเสวี่ยมองดูโจวยวี่ที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ก็ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ เธออยากจะบอกโจวยวี่ซะเหลือเกินว่าขนมปังชิ้นนั้นเธอเตรียมไว้แบ่งกันกินคนละครึ่ง
ถึงแม้ว่าเธอจะนำอาหารมาได้ส่วนหนึ่ง แต่มันก็ไม่มากพอสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนแบบนี้ ดังนั้นเธอจะอยากจะแบ่งสรรปันส่วนให้ดี
ในท้ายที่สุด ชิวชูเสวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่หยิบไส้กรอกชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าอย่างเงียบ ๆ เมื่อฉินอีเห็นแบบนั้น เธอก็ได้แต่ส่ายหัวอยู่ในใจ
เธอเตรียมพร้อมจะออกไปจากที่นี่ เพราะเธอได้กวาดล้างสถานที่แห่งนี้ไปเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เธอก็ต้องการจะไปที่อื่นต่อ
โจวยวี่ที่ได้กินจมอิ่มท้องแล้ว เธอเริ่มมีอาการตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าฉินอีกำลังจะออกไปจากที่นี่
ภายในเวลาเพียงครึ่งวัน เธอก็สามารถบอกได้ว่าชายหนุ่มผู้ที่อยู่ต่อหน้าเธอคนนี้แข็งแกร่งมาก ถ้าเธอตามเขาไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยที่สุดเธอก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาหารและน้ำ แล้วเธอก็ค่อนข้างชอบเขาอยู่พอสมควรอีกด้วย เธอคิดอยากจะติดสอยห้อยตามเขาไปด้วย
“นี่” โจวยวี่โพล่งออกมาและกระพริบตาปริบ ๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงละมุนละไมว่า “นายพาฉันไปด้วยคนจะได้ไหม ฉันทำอะไรได้หลายอย่างเลยนะ”
ฉินอีหยุดเดินแต่ไม่ได้หันหน้าไปหา ไม่มีใครได้เห็นดวงตาคู่ที่ส่องแสงวูบวาบอย่างบ้าคลั่งของเธอ ภายใต้เสียงกระซิบที่นุ่มนวลนั้น น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยความยินดีราวกับกำลังเรียกชื่อคนรักของตน เธอเอ่ยขึ้น “ได้สิ”
“ฉินอี นั่นคือชื่อของฉัน”
โจวยวี่ถูกความอ่อนโยนของฉินอีดึงดูดในทันที ทั้งหมดที่เธอคิดได้คือผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าชายที่ถูกส่งลงมาจากสวรรค์เพื่อช่วยชีวิตเธอ เธอลืมไปแล้วว่าฉินอีโหดเหี้ยมแค่ไหนตอนที่ไล่ฆ่าเหล่าซอมบี้ เธอหลงลืมความกลัวของตนเองในตอนนั้นไปเสียแล้ว