บทที่ 35: คนๆนั้นคือนักสู้!
บทที่ 35: คนๆนั้นคือนักสู้!
“สุดยอด!”
“ชายคนนี้น่าทึ่งจริงๆ!”
หวังเต็งหายใจเข้าลึกๆและสงบหัวใจที่เต้นแรงในขณะที่เขาร้องอุทานในใจ
ใบมีดแสงที่ตัดผ่านอากาศได้ขยายขอบเขตไปไกลโพ้น นี่คือสิ่งที่นักสู้ตัวจริงควรเป็น!
ดาบของเขาฟาดไปหนึ่งครั้ง และเขาก็สามารถทำลายทุกสิ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรจากเขาได้...
หวังเต็งรู้สึกว่าเขาอ่อนแอมาก!
เขารีบปรับท่าทางสับสนของเขาอย่างรวดเร็ว
ฉันพร้อมแล้ว แม้แต่ท่าทางของฉันก็พร้อม ทำไมถึงทำกับฉันได้!
ฉันรู้สึกอึดอัดมาก!
โชคดีที่ทุกคนได้รับความสนใจจากอีกายักษ์ ท่ามกลางความตื่นตระหนก ฝูงชนต่างก็ยุ่งกับการมองหาที่ซ่อน ดังนั้นมันจึงไม่มีใครสนใจเขาเลย
หวังเต็งรีบเก็บดาบและนวมชกมวยของเขา และเขาก็ยัดถุงใส่ไข่เข้าไปในรถด้วย
จากนั้นเขาก็แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและมองไปที่จุดที่นกยักษ์ชนเข้ากับพื้น
มันอยู่ไกลจากเขาแค่เกือบสิบเมตรเท่านั้น
ซากนกขนาดใหญ่ถูกวางกองอยู่กลางถนน รถสองสามคันที่จอดอยู่ริมถนนถูกทับและสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น
ไฟถนนสองสามดวงก็พังลงมาด้วย มันเกิดประกายไฟขึ้นและทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้
ผู้สัญจรไปมากระจัดกระจายไปไกล แต่พวกเขาไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปและแบ่งปันช่วงเวลาของพวกเขาในติ๊กต๊อก
“อีกาตัวนี้ตัวใหญ่มาก มันโครตน่ากลัวเลย”
“มันคือนักสู้ใช่ไหมที่ช่วยพวกเราเอาไว้”
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ มันมีเพียงนักสู้เท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับสัตว์อสูรขนาดยักษ์แบบนี้ได้”
“ดาบที่ฟาดลากยาวไปถึงท้องฟ้านั้นทำให้เมืองตงไห่ตกตะลึง ฉันหวังว่าฉันจะทรงพลังแบบนั้นบ้าง…”
ผู้ชมเริ่มพูดคุยกันเอง พวกเขารู้สึกชื่นชมและอิจฉาต่อนักสู้ที่มีพลังอันน่าทึ่ง
นักสู้!
นักสู้!
นี่คือนักสู้ตัวจริง!
ในยุคแห่งศิลปะการต่อสู้นี้ ใครกันจะไม่อยากเป็นนักสู้?
แต่การคิดมันก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาตื่นเต้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้คนหลายคนก็ยังคงถูกกำแพงที่มองไม่เห็นขวางกั้นไว้ พวกเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะก้าวผ่านประตูเข้าไป
แม้แต่ศิษย์นักสู้ชั้นสูงที่อยู่ห่างจากการเป็นนักสู้ครึ่งก้าวก็ไม่มีข้อยกเว้น
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเฉากังเป่าเอ๋อเป็นตัวอย่างที่ดี ในขณะนี้ หวังเต็งก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยขณะมองดูศพของอีกายักษ์
การฆ่าสัตว์อสูรดาราจะดรอปฟองสบู่ค่าคุณสมบัติหรือไม่?
คำตอบอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว มันมีฟองสบู่ขนาดใหญ่สองสามฟองลอยอยู่ข้างๆ อีกายักษ์
แม้ว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นพวกมัน แต่สำหรับหวังเต็งแล้ว พวกมันก็ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
เขารีบวิ่งผ่านฝูงชนเข้าไปโดยแสร้งทำเป็นว่าเขาอยากรู้เกี่ยวกับนก เขาเข้าไปใกล้ฟองสบู่ค่าคุณสมบัติและสัมผัสพวกมันอย่างลับๆ
เขาเก็บมันขึ้นมา!
ความเร็ว*130
พลังฟอร์สธาตุไฟ*35
ค่าคุณสมบัติเปล่า*60
สายตาแห่งจิตวิญญาณ*1
…
ไอ้เหี้ย!
ไอ้เหี้ย!
ไอ้เหี้ย!
สิ่งสำคัญต้องเน้นสามครั้ง!
ค่าคุณสมบัติเหล่านี้น่าทึ่งมาก! หวังเต็งรู้สึกราวกกับว่าเขากำลังลอยอย่บนสวรรค์ชั้นเก้า
สาม 'ไอ้เหี้ย' นี้มันยังไม่เพียงพอที่จะแสดงความตื่นเต้นในใจของเขาในขณะนี้ด้วยซ้ำ
ความเร็ว*130!
การได้รับคาคุณสมบัติความเร็ว 130 คะแนนในคราวเดียวนั้นมันมากเกินไปเล็กน้อย
เมื่อพลังฟอร์สธาตุไฟ*35 ซึมเข้าสู่ผิวของเขา พลังฟอร์สธาตุไฟในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก มันพุ่งผ่านร่างกายของเขาราวกับกระแสน้ำ
ความรู้สึกนี้มันช่างน่าเหลือเชื่อ!
หวังเต็งยังคงมองลงมา
ค่าคุณสมบัติเปล่า*60
เขาแปลกใจเล็กน้อย
มันมีแม้กระทั่งค่าคุณสมบัติเปล่า?
พวกมันใช้งานยังไง? ฉันสามารถเอาพวกมันไปเพิ่มค่าคุณสมบัติของฉันได้หรือไม่?
หวังเต็งตัดสินใจนำมันกลับมาและตรวจสอบ หลังจากอัปเดตระบบของเขา การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างก็เริ่มปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ส่วนสุดท้าย…
สายตาแห่งจิตวิญญาณ*1
หวังเต็งรู้สึกว่ามันมีบางสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นกับดวงตาของเขา มันเป็นความเหมือนกับมีกระแสน้ำที่เย็นยะเยือกไหลผ่านดวงตาของเขา
ถ้าเขาได้รับกระจก หวังเต็งก็จะสามารถมองเห็นฟิล์มสีดำบางๆที่ปิดตาของเขาได้ มันเป็นสีดำอย่างน่าขนลุก
นี่มันน่าสนใจมาก!
อย่างไรก็ตาม สายตาแห่งวิญญาณมันมีประโยชน์อะไรกัน?
เขากวาดตามองไปรอบๆ แต่เขาก็ไม่สามารถสังเกตเห็นอะไรพิเศษได้ด้วยตาคู่นี้ของเขา
ลืมมันไปเถอะ นี่ไม่ใช่เวลาจะมาทำการทดสอบ
เอาล่ะ แล้วฉันจะกลับสู่สภาพเดิมยังไงล่ะทีนี้
เมื่อหวังเต็งคิดที่จะระงับความสามารถสายตาแห่งวิญญาณของเขา พลังงานแปลกๆในดวงตาของเขาก็ดูเหมือนจะถูกดูดไป จากนั้นมันก็เล็ดลอดเข้าไปในดวงตาของเขาและเข้าสู่โหมดจำศีล
…
สักพักก็มีกลุ่มคนที่มาถึงที่เกิดเหตุ ฝูงชนต่างก็แยกย้ายกันไป และสถานที่นั้นก็ถูกผนึกไว้
“พวกเขามาจากสำนักงานคุ้มครองเมือง!”
ผู้มาใหม่สวมเครื่องแบบสีดำที่มีโลโก้ที่เป็นเอกลักษณ์—ไม้กางเขนและดาบ ด้านหลังมีรูปโล่ที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อน
มันมีคนจำได้อย่างรวดเร็วว่าพวกเขาเป็นใคร
สำนักงานคุ้มครองเมือง จากชื่อนี้ เราก็สามารถบอกได้เลยว่านี่เป็นแผนกพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องเมืองของมนุษย์บนโลกนี้
ในแผนกนี้ นอกจากพนักงานออฟฟิศแล้ว คนอื่นๆก็ล้วนเป็นผู้ที่มีความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง การปรากฏตัวของกลุ่มนี้ทำให้มนุษย์ปกติสามารถอยู่อย่างสงบสุขในเมืองได้
หลายครั้งที่พวกเขาได้แก้ปัญหามากมายโดยที่สาธารณชนไม่รู้
สมาชิกของสำนักงานคุ้มครองเมืองได้นำซากอีกายักษ์ขึ้นรถบรรทุกขนาดใหญ่และทำความสะอาดถนน
พวกเขาทราบรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์จากผู้ที่ดูอยู่ใกล้เคียง พวกเขาต้องการเข้าใจว่าทำไมอีกายักษ์ตัวนี้จึงบุกเมืองตงไห่
น่าเสียดาย มันไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลที่พวกเขาต้องการได้ ผู้ที่ดูเหตุการณ์อยู่ต่างก็พูดคุยกันอย่างสับสน พวกเขาพูดแค่ว่านักสู้ที่ทรงพลังและลึกลับได้แสดงตัวออกมา นอกจากนั้นมันก็ไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลย
ท้ายที่สุดแล้ว สมาชิกของสำนักงานคุ้มครองเมืองก็จากไปอย่างช่วยไม่ได้
หวังเต็งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนและเฝ้าดูพวกเขาจากไป เขาตกอยู่ในห้วงความคิด
อีกายักษ์นั่นดูเหมือนจะมาที่นี่เพราะฉัน
แต่ทำไมล่ะ?
เรามีความแค้นอะไรกัน? ทำไมมันถึงต้องเดินทางมาไกลนับพันไมล์เพื่อฆ่าฉัน?
เนื่องจากหวังเต็งหาเหตุผลไม่ได้ เขาจึงยอมแพ้
หญิงสาวสวยจากร้านขายสัตว์เลี้ยงวิ่งไปทางหวังเต็งเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าสิ่งต่างๆได้สงบลงแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง เฉากังเป่าเอ๋อที่เห็นสมาชิกของสำนักคุ้มครองเมืองออกไปแล้วก็พูดกับชายที่อยู่ข้างๆเขา
“พี่ชาย ผู้คนจากสำนักงานคุ้มครองเมืองออกไปแล้ว เราไปจัดการกับไอ้เวรนั่นกันต่อเถอะ ฉันจะทำให้มันได้ชดใช้ที่เตะฉันในคราวนั้น”
เฉากังเป่าเอ๋อยังจำได้ดีถึงตอนที่เชาถูกเตะปลิวในผับกุหลาบป่า
เมื่อไหร่ก็ตามที่เขานึกถึงเหตุการณ์นี้ มันก็จะทำให้ความโกรธของมันพุ่งขึ้นมาในทันที
เฉากังเป่าเอ๋อกำลังเดินไปหาหวังเต็งด้วยความโกรธของเขา
“แป้ะ!”
โดยไม่คาดคิด ชายที่อยู่ข้างๆเฉากังเป่าเอ๋อก็ตบหัวของมันดังแป้ะ
“จัดการเขา? จัดการบ้านพ่อแกสิ!” เฉากังหู่โกรธในขณะที่เขาตะโกนใส่พี่ชายของเขา
เฉากังเป่าเอ๋อตกตะลึง มันมองไปที่พี่ชายของมันอย่างว่างเปล่าในขณะที่มันพึมพำ "พี่ชาย ทำไมพี่ถึงดุฉันกัน?”
“ไอ้โง่เอ้ย แกทำให้ฉันโกรธจนใจจะวาย!”
เฉากังหู่ตบหัวเฉากังเป่าเอ๋ออีกครั้ง
“ทำไมพี่ถึงตีฉันอีกแล้ว? ทำมี่ถึงโกรธกัน?” เฉากังป่าเอ๋องงงวย มันก้มศีรษะลงและถามด้วยสายตาที่น่าสงสาร
“ฉันโกรธก็เพราะแกโง่ยังไงล่ะ! ไอ้โง่งี่เง่า!”
“แกรู้ไหมว่าแกไปมีปัญหากับใคร?”
“ถ้าอยากตายก็ไปตายคนเดียวซะ อย่ามาลากฉันไปเกี่ยวด้วย”
เมื่อเฉากังหู่สังเกตว่าน้องชายของมันยังคงไม่เห็นถึงความผิดของตน มันก็อยากจะบ้าตาย
พวกมันมีแม่คนเดียวกัน แต่ทำไมน้องของมันถึงโง่จัง
ด้วยเหตุนี้เองมันจึงตบหวัน้องชายของมันอีกครั้ง
คราวนี้เฉากังเป่าเอ๋อเตรียมพร้อมมาดี มันหลบการตบและตะโกนว่า “พี่ชาย หยุดตบฉันแล้วบอกเหตุผลมาได้แล้ว!”
“โอเค บอกก็ได้!” เฉากังหู่สูดหายใจเข้าลึกๆและพูดต่อ “คนๆนั้นคือนักสู้!”
“อะไรนะ!”
เฉากังเป่าเอ๋อตกตะลึง มันแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
“นั่นเป็นไปไม่ได้ มันยังเด็กมาก มันจะเป็นนักสู้ได้อย่างไร!”