บทที่ 2 เจ้าหญิงและคนเถื่อน (ฟรี)
บทที่ 2
เจ้าหญิงและคนเถื่อน
ดวงตาของแบลร์สั่นไหวด้วยความโกรธ เขาค่อยๆ ลดมือลงและก้าวเข้าไปใกล้เธอ
“เจ้าอย่าคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้จะทำให้เจ้านั้นหนีจากข้าไปได้” เสียงกระซิบดูถูกได้ผ่านเข้าไปในหูของลีอาห์ “วันที่ข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ … ข้าจะเป็นคนแรกที่พาเจ้ากลับมาที่เมืองหลวงนี้อีกครั้ง”
มันเป็นการข่มขู่แต่ลีอาห์กลับไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ในทางกลับกันก็ได้มีเสียงหัวเราะเบา ๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอ ซึ่งการที่เธอทำแบบนี้เป็นเหมือนการเอามีดมาทิ่มแทงเจ้าชายลึกเข้าไปจนถึงลำไส้ของเขา เธอต้องการจะตอบโต้กลับแต่เธอก็ตระหนักได้ว่าการสนทนาไปกับคนไร้สติจะทำให้เธอเสียเวลาไปโดยไม่เกิดประโยชน์อย่างใดเลย เธอเลือกที่จะเดินขึ้นรถม้าไปโดยไม่สนใจเขาเลย
เมื่อประตูรถม้าปิดลง แบลร์ก็ตะโกนและทุบประตูด้วยหมัดของเขา แต่ลีอาห์ทำเป็นไม่ได้ยินคำตะโกนสาปแช่งและคำพูดดูถูกของเขาอีกต่อไป เธอเลือกที่จะไม่ฟังไม่สนใจ ไม่ว่าเจ้าชายนั้นจะพูดอะไร คำพูดของเขามันก็ไร้ประโยชน์ เปรียบเสมือนหอกไม้ที่เล็งไปที่เหล็ก
เมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนตัวออกเดินทางน้ำตาของลีอาห์ก็ไหลริน เธอเปิดม่านเล็กน้อยและมองออกไปที่นอกหน้าต่าง พระราชวังแห่งเอสเทียถอยออกห่างออกไปจากสายตาของเธออย่างรวดเร็ว ....
เป็นสถานที่ที่เธอใช้ชีวิตอยู่มาทั้งชีวิต แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายหรือเสียใจ เพราะลีอาห์ไม่เคยเป็นคนของที่นั่นมาตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม มันก็มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่เหมือนกัน
“…”
เธอกัดริมฝีปากล่างและปิดม่านพร้อมกับถอนหายใจ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเอาแต่คิดถึงเขา ผู้ชายที่ทั้งเจ้าชู้ ดื้อดึง ไม่ฟังใคร
จากที่เธอเคยได้ยิน คนโหดร้ายคนนั้นได้หนีออกจากวังไปเมื่อวันก่อน อา! เธอตำหนิตัวเองอยู่ภายในใจ มันช่างเป็นเรื่องโง่เขลาที่เธอทำลายความสัมพันธ์ลงไป เธอได้แต่บ่นกับตัวเองว่าเป็นคนโง่ เธอไม่อาจสลัดความคิดนี้ออกไปได้
ในขณะที่เธอครุ่นคิด รถม้าก็ออกจากเมืองหลวงและเดินทางไปจนถึงเขตชานเมืองของเมืองหลวง บ้านเรือนเริ่มมีน้อยลง สิ่งที่รอต้อนรับพวกเขามีเพียงที่ราบโล่งเต็มไปด้วยหญ้า มันเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอชอบเลยสักนิด ลีอาห์ได้เอนกายลงบนที่นั่งของเธออย่างน่าสังเวช
เธอปรารถนาให้เวลานี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้ชีวิตที่แสนจะน่าเบื่อและไร้ประโยชน์ของเธอได้จบลงไปโดยเร็ว โดยที่ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไปแล้ว จากนั้นเธอจึงหลับตาลง ทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดเปลี่ยนไป
เสียงแตรดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ เสียงที่ดังแสบหูจนทำให้ลีอาห์นั่งตัวสะดุ้งนั่งตัวตรงขึ้นมาในทันที หัวใจของเธอเต้นระรัวไปกับเสียงวุ่นวายที่แผ่กระจายไปทั่วที่ราบโล่งอันเงียบสงบ
ลีอาห์เปิดผ้าม่านออกและมองออกไปนอกหน้าต่าง จากสิ่งที่เธอได้เห็นเธอกลืนน้ำลายอย่างแรง มีชายหลายสิบคนบนหลังม้ากำลังขี่ม้าตามพวกเธอมา อัศวินที่ปกป้องรถม้าของเธอตะโกนอย่างเร่งรีบ
“เราโดนซุ่มโจมตี !”
จากจุดนี้รถม้าก็เริ่มวิ่งไปได้อย่างลำบาก แต่การเคลื่อนไหวของผู้ไล่ล่านั้นกลับคล่องตัวอย่างน่าประหลาดใจ พวกเขาตามมาจนทันขบวนและล้อมรอบขบวนรถม้าของเธอ เสียงดาบที่ได้ปะทะกันดังกึกก้องไปทั่วทุกพื้นที่
ทันใดนั้น ก็มีบ่วงเชือกพันรอบคอของอัศวินที่ปกป้องลีอาห์จากด้านนอกรถม้าที่กำลังวิ่งอยู่ หลังจากนั้นเขาถูกกระชากจนตกลงจากหลังม้าอย่างน่าสงสาร หัวของเขากระแทกพื้นอย่างแรงจนนอนแน่นิ่งไปในทันที่
ลูกธนูถูกยิงมาเปรียบดังสายฝนพุ่งลงมาปักที่พื้น ม้าเริ่มมีอาการคุ้มคลั่งและตื่นตระหนก
เมื่อเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอเห็นคนขับรถม้าล้มลงกับพื้น ลีอาห์หลับตาแน่น รถม้าที่มีเพียงม้าลากไม่มีคนคุมก็ส่ายไปมาอย่างน่ากลัว ในเวลาไม่นานภาพทุกอย่างที่เธอเห็นก็กลับหัวกลับหาง
“….”
เธออ้าปากค้าง รถม้าของเธอพลิกคว่ำอย่างน่ากลัว ล้อรถพัง ประตูรถหักเสียหาย โชคดีที่เธอรอดชีวิตจากอุบัติเหตุโดยไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีเพียงรอยแผลถลอกเท่านั้นและรู้สึกมึนหัวนิดหน่อย แต่แล้วในที่สุดที่เมื่อเธอกลับมาได้สติ ลีอาห์ก็ผลักประตูรถที่พังให้เปิดออกไป
เมื่อคลานออกมาจากรถม้าที่พังยับเยิน เธอก็ได้ปะทะสายลมที่เย็นเหยื่อกและมีกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่ว เธอเริ่มปวดหัวเมื่อมองไปรอบๆ เหล่าอัศวินกำลังต่อสู้อยู่กับผู้ไล่ล่าที่ตามเธอมา ที่พื้นต่างเต็มไปด้วยกองเลือดมากมาย แต่มันเป็นการต่อสู้ที่ไร้ความหมาย เหล่าอัศวินถูกสังหารไปอย่างไร้ความปราณี อัศวินคนหนึ่งตะโกนด้วยน้ำเสียงที่กระหายเลือด
“พวกแกกล้าดียังไง ไอ้พวกคนเถื่อ ...”
อัศวินคนั้นยังพูดไม่ทันจบ ก็มีใบมีดโค้งแหลมคมพุ่งเข้ามาแทงทะลุคอของเขา เลือดจากคอไหลลงสู่พื้นหญ้า เมื่อเได้ห็นภาพอันน่าสยดสยอง ลีอาห์ก็รีบเอามือปิดปากของเธอเพื่อกลั้นเสียงกรีดร้องเอาไว้
ภาพลักษณ์ของผู้บุกรุกที่บุกเข้ามาโจมตีถูกฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเธอ นัยน์ตาสีเข้ม ผมสีดำเข้ม และรอยสักบนผิวสีแทน
พวกที่โจมตีขบวนรถม้าของราชวงศ์เป็นพวกคนเถื่อนคูร์กัน
ในบรรดาพวกคนเถื่อนนั้น มีคนหนึ่งที่มีร่างกายที่โดดเด่นได้ปรากฏตัวขึ้น เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ ขี่ม้าขนาดยักษ์เข้าไปหาลีอาห์
ภายใต้ผมสีน้ำตาลเข้มที่ยุ่งเหยิง นัยน์ตาสีทองอันร้อนแรง ทันทีที่ทั้งสองคนได้สบตากัน ลีอาห์รู้สึกเหมือนเธอแทบจะหยุดหายใจ เธอเริ่มเปิดปากของเธออย่างกับคนหายใจไม่ออกและพูด
" ทำไม … "
เสียงที่แผ่วเบาของเธอที่ได้เปล่งออกมา ได้ถูกเสียงหัวเราะของชายที่อยู่ตรงหน้าเธอข่มลงอย่างรวดเร็ว
“เจ้าจำไม่ได้เหรอ ?”
เขาดึงมือลีอาห์ให้ลุกขึ้นจากพื้นและบังคับเธอให้ขึ้นไปบนหลังม้าและนั่งตรงข้างหน้าเขา ลีอาห์ก็ขัดขืนบิดตัวไปมาแต่ยังไงเธอก็ไม่อาจสู่ความแข็งแกร่งของชายคนนั้นได้ มือที่ใหญ่ของเขาจับเอวของเธอไว้อย่างแน่น เธอทำได้เพียงแค่บิดตัวไปมาแต่มันก็ไม่เป็นผล
ชายที่อยู่ข้างหลังเธอพูดพึมพำอยู่ที่หลังหัวของเธอพรร้อมกับรอยยิ้ม คำพูดของเขาทำให้ร่างกายของเธอสั่นไปทั้งตัว
“ข้าบอกเจ้าแล้วไง ว่าข้าจะทำลายชีวิตของเจ้า”
------------------------------------------------------------