บทที่ 9 ชิวชูเสวี่ย
โจวยวี่รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเจ้าชายของเธอในชุดเกราะประกายวิบวับที่ขี่ม้าขาวมาเพื่อช่วยชีวิตเธอ ทันใดนั้น โจวยวี่ก็รู้สึกชื่นชมฉินอีขึ้นมาอย่างทันทีทันใด
พอเห็นผู้คนต่างพากันต่อว่าฉินอี จะให้เธอนั่งติดพื้นอยู่ได้อย่างไร “จริงด้วย ๆ เสียงของพวกคุณอาจดึงดูดปีศาจพวกนั้นมาได้นะ แล้วพวกคุณยังจะมาต่อว่าคนอื่นอย่างงี้ได้ยังไง มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดคุยกันสิ ไม่เห็นต้องต่องว่ากันแบบนี้เลย”
โจวยวี่เหลือบมองไปยังฉินอีอย่างเขินอายเมื่อเธอพูดจบประโยค โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นเธอ
คนอื่น ๆ ต่างก็โกรธเคืองเมื่อได้ยินคำพูดของโจวยวี่ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนแรกที่ปลุกปั่นสถานการณ์ แต่ก็ยังมิวายโบ้ยความผิดไปให้พวกเขาอีก
แต่เป็นเพราะทุกคนต่างกลัวว่าตนจะดึงดูดพวกปีศาจเข้ามา พวกเขาจึงได้แต่จ้องไปยังโจวยวี่แล้วไม่พูดอะไรอีก
ชิวชูเสวี่ย เด็กสาวผมสั้นที่ยืนอยู่ข้างโจวยวี่สัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่ส่งมาจากคนอื่น ๆ เธอกระตุกแขนเสื้อของโจวยวี่พลางกระซิบว่า “โจวยวี่ หยุดพูดได้แล้วน่า”
ถึงแม้ว่าชิวชูเสวี่ยจะเพียงแค่กระซิบ แต่ฉินอีก็ได้ยินเสียงเธอชัดเจนแจ่มแจ้งจากประสาทสัมผัสที่เฉียบคมของเธอ
แววตาเย็นชาส่องประกายอยู่ในดวงตาฉินอี เธอไม่ได้ตั้งใจว่าจะได้พบคนรู้จักมักคุ้นที่นี่
โจวยวี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉินเจียวเจียวและเธอยังแอบหลงรักฉินหานม่อ พี่ชายคนรองของฉินเจียวเจียวอีกด้วย และเพราะความเสน่หานั้นจึงทำให้เธอคอยติดตามฉินเจียวเจียวอยู่ร่ำไปเพื่อประจบประแจงเธอ
ในทางกลับกัน โจวยวี่ไม่เคยรู้สึกชอบฉินอีเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังคอยรังแกเธอลับหลังอยู่เสมอ เนื่องจากความไร้เดียงสาของเธอ ฉินอีเข้าใจว่าที่โจวยวี่ไม่ชอบเธอนั้นเป็นเพราะฉินเจียวเจียวชอบเล่นกับเธอมากกว่า หลังจากที่เธอกลับมาจุติใหม่ เธอก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มว่าจะมาจากฉินเจียวเจียวที่เป็นคนคอยบงการ
เมื่อหวนระลึกถึงอดีต ฉินอีก็จำได้ว่าโจวยวี่นั้นก็เป็นคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงเช่นกัน โจวยวี่นั้นไม่ได้ปลุกความสามารถใด ๆ ขึ้นในอดีต แต่เธอมักจะพึ่งพาผู้ใช้พลังคู่อย่างชิวชูเสวี่ย
ผลจากการที่เธอเอาแต่พึ่งคนอื่นนั้น ทำให้เธอยิ่งเป็นคนดื้อรั้นอย่างที่สุดและยังทำให้คนจำนวนมากโกรธเคืองเธอด้วย ที่ผ่านมานั้นเธอมีชิวชูเสวี่ยคอยปกป้องและช่วยให้เธอปลอดภัยมาได้โดยตลอด
ในภพชาติก่อนของเธอ ก่อนที่เธอจะถูกจับตัวไปนั้น ฉินอีเคยมีชีวิตที่ดีในระดับนึงเลยทีเดียว
เธอจำได้ว่าโจวยวี่และฉินเจียวเจียวเจอกันครั้งแรกที่ฐานทัพและต่อมาก็มีเรื่องมีราวทำให้ทะเลาะกันเพราะฉินหานม่อ
ฉินอีรู้ว่าโจวยวี่มีทักษะในการรังควานผู้อื่นได้อย่างเหลือเชื่อ ‘ถ้าโจวยวี่มาเจอกับฉินเจียวเจียวล่ะก็ หึ คงเป็นฉากที่ทำให้คนตื่นเต้นน่าดู’
ฉินอีคว่าโซ่เหล็กและเดินดุ่มเข้าไปในศูนย์การค้าโดยไม่สนใจกลุ่มคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
โจวยวี่มองด้วยความประหลาดใจเมื่อฉินอีเข้ามาในที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ตอนแรกโจวยวี่คิดว่าจะตามฉินอีไปจากข้างหลัง หลังจากที่เห็นว่าเธอแข็งแกร่งขนาดไหน เพราะจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกหิวโหยเป็นอย่างมากเนื่องจากไม่ได้กินอะไรมาทั้งคืน
แต่เมื่อนึกถึงเหล่าปีศาจที่อยู่ข้างในแล้ว เธอก็กลืนน้ำลายกลับคำพูดตัวเองแล้วหันไปสั่งชิวชูเสวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ เธอว่า “เธอไปสิ ฉันหิวจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ตามผู้ชายคนนั้นไปแล้วเก็บเอาของที่เหลือมา”
ชิวชูเสวี่ยมองไปยังโจวยวี่ด้วยท่าทีแปลกใจ แววตาสีเข้มที่มองผ่านดวงตาคู่นั้นดูล่องลอย แต่เธอก็ลากสังขารที่เหนื่อยล้าเต็มทีออกตามฉินอีไป
ยังมีอีกหลายคนที่คิดอยากจะติดตามฉินอีไป แต่เมื่อนึกถึงสัตว์ประหลาดกินคนพวกนั้นแล้ว พวกเขาก็ต้องหดขากลับไป พวกเขาจ้องไปยังชิวชูเสวี่ยด้วยแววตามุ่งร้าย เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขามีเจตนาร้ายอยู่ภายในใจ
ฉินอีรู้ว่าบางอย่างตามเธอมาติด ๆ โดยสัญชาติญาณ เธอเม้มริมฝีปากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ย้อนกลับไปเมื่อภพชาติก่อนตอนที่โจวยวี่รังแกเธอ ชิวชูเสวี่ยได้ช่วยเธอไว้อยู่หลายต่อหลายครั้ง สำหรับฉินอีแล้วนี่ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณก็แล้วกัน
ที่จริงแล้ว เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนดี ๆ อย่างชิวชูเสวี่ยถึงได้คอยติดตามคนอย่างโจวยวี่ ในเหตการณ์โลกาวินาศ ผู้ใช้ที่มีพลังคู่เช่นเดียวกับเธอนั้นได้รับการยกย่องนับถือเป็นอย่างมาก กองทหารระดับสูงจำนวนนับไม่ถ้วนต่างพยายามหว่านล้อมให้เธอเข้าร่วมด้วย แต่เป็นเพราะโจวยวี่ทำให้เธอลงเอยด้วยการกลายเป็นผู้ใช้พลังเร่ร่อน
แม้ว่าความคิดในหัวของฉินอีจะกระจัดกระจาย แต่เธอก็ไม่คลายความระแวดระวังลงเลยแม้แต่น้อย ซอมบี้ที่สัมผัสกลิ่นของมนุษย์ได้กระโจนเข้าใส่ฉินอีอย่างรวดเร็ว
ฉินอีตวัดมีดขนาดใหญ่ของเธออย่างเต็มกำลัง ตนแล้วตนเล่า เธอฆ่าฝูงซอมบี้ที่หลั่งไหลมาราวกับคลื่นลูกแรก
เธอสังเกตเห็นชิวชูเสวี่ยปิดปากตัวเองแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กรีดร้องออกมา แม้ว่าสีหน้าของเธอจะขาวซีดราวกับแผ่นกระดาษ แต่ดวงตาของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ฉินอีผงกหัวด้วยความพึงพอใจ