WS บทที่ 145 ใครคือผู้ถูกเลือก?
แม้ว่างานชุมนุมนักเวทย์จะสิ้นสุดลงแต่เหล่านักเวทย์ที่เข้ามาชมการแข่งขันก็ไม่ไปไหน พวกเขาจ้องมองไปยังหอคอยสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกลโพ้น
ทุกคนรู้ว่าทางนักเวทย์ระดับเจ็ดได้รับชมการแข่งขันในครั้งนี้ หากผู้เข้าแข่งขันได้รับการยอมรับ คน ๆ นั้นก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของนักเวทย์ระดับเจ็ด มันจะทำให้สถานะของเขาดีขึ้นมาก
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกครั้งที่พวกเขาจะเลือกไป พวกเขาจะเลือกเฉพาะคนที่ถูกตาเท่านั้น
ดังนั้น ทุกคนจึงเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ
“มาแล้ว” พ่อมดลีโอพูดน้ำเสียงอันสงบ ดวงตาแนวตั้งสีเลือดได้ส่องสีแดงจาง ๆ
แม่มดนาชาและนักเวทย์คนอื่น ๆ ไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษแต่ทุกคนรู้ว่าดวงตาแห่งความมืดนั้นไม่ธรมดา พวกเขาจึงหันไปมองหอคอยที่อยู่ห่างไกล
ตามที่คาดไว้มีแสงไฟค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากหอคอย หลังจากนั้นก็มีลมกรรโชกอย่างรุนแรงปรากฏขึ้น จากนั้นก็มีร่าเงาปรากฏขึ้นมาลานประลอง
“นั่นพ่อมดเอวิส เขาเป็นบริวารของแม่มดโรเบีย ดูเหมือนว่าแม่มดโรเบียจะประทับใจใครสักคน”
ฝูงชนต่างพากันพูดคุยทันทีเมื่อเห็นพ่อมดเอวิสปรากฎตัว
พ่อมดเอวิสเป็นนักเวทย์ระดับสี่ แม้ว่าขาจะเป็นนักเวทย์ระดับแล้วแต่เขาเป็นบริวารของแม่มดโรเบีย ถึงเขาจะสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างอิสระแต่เขาไม่สามารถสร้างหอคอยได้ดังนั้นเขายังคงติดตามแม่มดโรเบียและอยู่ในหอคอยของเธอ
พ่อมดเอวิสโค้งคำนับเล็กน้อยไปทางนักเวทย์ระดับสี่ที่อยู่ทางเก้าอี้หิน
พ่อมดลีโอถามทันทีว่า “พ่อมดเอวิส ข้าขอถามได้มั้ยว่าแม่มดโรเบียชื่นชอบใครเป็นพิเศษ”
เมื่อเห็นว่าฝ่านตรงข้ามเป็นพ่อมดลีโอ เอวิสก็รีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว นักเวทย์ทั่วไปต่างให้ความเคารพพ่อมดลีโอ เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักเวทย์ที่อยู่ระดับสูง
แม้แต่แม่มดโรเบียเอง เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะจัดการกับดวงตาแห่งความมืดของพ่อมดลีโออย่างไร ดังนั้นเอวิสที่เป็นบริวารของแม่มดโรเบียก๋ไม่กล้าที่จะทำตัวหยายคายกับพ่อลีโอ
“แม่มดโรเบียชอบเพียงผู้เดียวในการแข่งขันครั้งนี้ ดังนั้นจึงสั่งให้ฉันพาเขาไปที่หอคอย”
หลังจากนั้นพ่อมดเอวิสก็หันไปมองเหล่านักเวทย์ที่อยู่เบื้องล่างเขาซึ่งมีเมอร์ลิน, โลน, อาบริล, เซซิลหรือแม้แต่นีลที่แพ้เมอร์ลินโดยไม่มีโอกาสที่จะร่ายเวทย์ พวกเขาต่างจ้องมองไปท่เอวิสอย่างคาดหวัง
เอวิสเลื่อนสายตาไปจ้องมองที่พ่อมดเซซิลและเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
“พ่อมดเซซิล ตามฉันมา”
ทุก ๆ คนจ้องตื่นตกใจ ส่วนเมอร์ลินได้แต่กำหมัดแน่น
“อะไรนะเซซิลได้รับเลือกเหรอ?”
นักเวทย์หลายคนต่างจ้องมองไปที่เมอร์ลิน บางคนถึงกับสับสน บางคนรู้สึกเสียดาย บางคนยินดีกับความโชคร้ายของเขา
ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเมอร์ลินเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในงานชุมนุมครั้งนี้ แม้เขาจะแพ้อาบริลเนื่องจากอุปกรณ์เวทมนต์ที่แข็งแกร่งของเขา
เมอร์ลินเป็นถึงนักเวทย์หกธาตุ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เขาก็จะเป็นอัจฉริยะที่ดึงดูดความสนใจของทุกคน
อย่างไรก็ตามแม่มดโรเบียกลับเลือกเซซิล นักเวทย์สี่ธาตุและคาถาของแต่ละอย่างของเขาค่อนข้างซับซ้อน ทุกคาถาต้องให้แต้มสนับสนุน 5แต้มในการแลก
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสร้างคาถาระดับหนึ่งได้สำเร็จอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่เก่งเท่าเมอร์ลินอยู่ดี
ทุกคนต่างงงงวยกลับผลัพธ์แต่ทางนักเวทย์ระดับสี่ขึ้นไป พวกเขาดูไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เลย
ถ้าแม่มดโรเบียไม่เลือก พวกเขาเองก็จะเป็นฝ่ายที่จะแย่งตัวของเซซิลเอง ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อมของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขามีโอกาสที่จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งที่สูงมาก
ด้วยคาถาอันซับซ้อนที่เขาสร้างขึ้นประจวบกับการได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ในตอนนี้ที่เขาได้กลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ เขาจะต้องเป็นกำลังสำคัญของดินแดนมนต์ดำในอนาคต
สำหรับเมอร์ลิน หลังจากที่เขาเผยความสามารถของพ่อมดสี่ธาตุ พวกเขากำพร้อมที่จะรับเขามาแล้ว พอเขาแสดงคาถาห้าธาตุออกมา พวกเขายิ่งสนใจมากขึ้นไปอีก พวกคิดว่าเมอร์ลินจะกลายเป็นนักเวทย์อัจฉริยะ คนถัดไปต่อจากไคลส์
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เมอร์ลินแสดงตัวในฐานะนักเวทย์หกธาตุ เหล่านักเวท์ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้ พวกเขายอมรับว่านักเวทย์หกธาตุนั้นแข็งแกร่งมากแต่มันยากเกินไปที่จะก้าวขึ้นสู่นักเวทย์ระดับหนึ่ง นอกจากนี้พวกเขายังได้รับข้อมูลมาว่า ก่อนหน้านี้เมอร์ลินเป็นพ่อมดพเนจรมาก่อนและตัวเขาได้สร้างโครงสร้างเวทมนต์สามแบบไปแล้วด้วย
จากข้อมูลดังกล่าวทำให้พวกเขาเกิดความลังเลใจและคิดว่าเมอร์ลินไม่มีทางที่จะเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้
ทางด้านแม่มดโรเบียก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงไม่เลือกเขา เพราะถ้าหากลูกศิษย์ของเธอไม่สามารถเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้ เธอได้เป็นตัวตลกอย่างแน่นอน
เอวิสได้เหลือบมามองเมอร์ลิน เขาก้รู้สึกแย่เช่นเดียวกัน เขาได้ยินว่าพวกนักเวทย์ระดับระดับเจ็ดพูดถึงเมอร์ลินว่าอะไรบ้าง
พวกเขาพูดตรงกันว่า เมอร์ลินมีความกล้าหาญและมีความสามารถให้การสร้างโครงสร้างเวทมนต์ ถ้าเขาเป็นแค่นักเวทย์ห้าธาตุ พวกเขาคงจะไม่ลังเลที่จะเลือกเขาเป็นลูกศิษย์อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามหกธาตุนั้น มันยากเกินไป แม้แต่องค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่เองก็ไม่มีวี่แววของนักเวทย์หกธาตุระดับหนึ่ง
ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้พวกเขาเลือกพ่อมดเซซิล
พ่อมดเอวิสได้โบกมือและดึงพ่อมดเซซิลพาเขาออกมาจากฝูงชน เขามีความสามารถในการควบคุมคาถาอย่างแม่นยำแบบที่นักเวทย์สี่ธาตุปกติไม่สามารถทำได้ เพียงเท่านี้มันก็พิสูจน์แล้วว่าพ่อมดเอวิสไม่ธรรมดาเช่นกัน ตัวเขานั้นติดตามแม่มดโรเบียเป็นเวลาหลายปี
“พ่อมดลีโอ ขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณได้รับลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยม หากเขาสามารถเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งได้ เขาจะทำให้ทุกคนในดินแดนมนต์ดำตกตะลึง เมื่อถึงเวลานั้นแม่มดโรเบียจะเข้ามาแสดงความยินดีด้วยตัวเอง”
หลังจากที่เขาพูดจบ พ่อมดเอวสก็พาพ่อมดเซซิลไปด้านบนอย่างรวดเร็วและหายวับไปที่หอคอย
การที่จะใช้คาถาธาตุลมที่สามารถทำให้คนบินได้ มันจะต้องเป็นคาถาระดับสี่และยิ่งต้องใช้ในการอุ้มคนอื่นด้วย ความยากมันจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ นักเวทย์ธาตุลมระดับสี่บางคนรู้สึกละอายใจที่ตัวเองไม่สามารถทำได้อย่างเขา
“ไม่คิดว่าแม้แต่บริวารของแม่มดโรเบียจะไม่ธรรมดาถึงเพียงนี้”
“ตอนนี้ท่านนักเวทย์ระดับได้เลือกเสร็จ ตอนนี้ถึงตาพวกเขาแล้ว” นักเวทย์ระดับหกพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือว่าเขาจะมีความที่อยู่ในใจและกลัวคนอื่นจะพาตัวเขาไป
“พ่อมดชารี เจ้าต้องการใคร?” พ่อมดลีโอถามด้วยรอยยิ้ม
พ่อมดชารีหันไปมองพ่อมดโลนและถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร “พ่อมดโลน เธอยินดีที่จะมาเป็นลูกศิษย์ของฉันหรือไม่ ฉันเห็นว่าเธอมีคาถากรงปฐพี ตัวฉันเชี่ยวชาญคาถาธาตุดินเช่นเดียวกัน ถ้าเธอเป็นลูกศิษย์ของฉัน เธอจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน”
พ่อมดโลนไม่คาดคิดว่าพ่อมดชารีจะสนใจในตัวเขาแต่อาจารย์ของเขาคือพ่อมดฮอตเตอร์ซึ่งเป็นนักเวทระดับหกที่ไม่น้อยหน้ากว่าพ่อมดชารี ดังนั้นพ่อมดโลนจึงปฏิเสธ
“ขอบคุณสำหรับโอกาสขอรับ พ่อมดชารีแต่ผมยินดีที่จะติดตามพ่อมดฮอตเตอร์มากกว่า”
“อ่า...” เขาไม่คาดคิดว่าพ่อมดโลนจะปฏิเสธ เขาได้เหลือบไปมองพ่อมดฮอตเตอร์ซึ่งดูเหมือนเขาจะไม่พอใจในเรื่องนี้ พ่อมดชารีได้ลดน้ำเสียงลงและพูดต่อว่า
“พ่อมดโลนลองดูอีกทีนะ พ่อมดฮอตเตอร์เชี่ยวชาญให้คาถาธาตุลม ถ้าเธอยังติดตามเขา ฉันเกรงว่าเธอจะพัฒนาได้...”
ก่อนท่เขาจะพูดจบ พ่อมดฮอตเตอร์ได้ลุกขึ้นยืนและตะโกนเสียงดังใส่พ่อมดชารีว่า “พ่อมดชารี นี่ท่านกำลังบอกว่าฉันสอนไม่เป็นอย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นว่านักเวทย์ระดับหกทั้งสองกำลังจะมีเรื่องกัน ทำให้พ่อมดลีโอถึงกับส่ายหัว จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า
“พ่อมดชารี ท่านไม่เข้าใจกฎของงานชุมนุมเหรอ? ถ้าผู้เข้าร่วมไม่เต็มใจ คุณก็ยบังคับไม่ได้”
พ่อมดชารีเหลือบมองพ่อมดลีโอ แม้ว่าเขาจะเป้นพ่อมดระดับหกแต่พลังของเขาแข็งแกร่งกว่า เขารู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับนักเวทย์รับเจ็ด
ในที่สุดพ่อมดชารีก็ยอมแพ้และยอมปล่อยพ่อมดโลนไป
หลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไป พวกนักเวทย์ระดับหกที่เหลอก็เลือกนักเรียนที่พวกเขาสนใจในไม่ช่านักเวทย์ระดับสี่ ระดับห้าและระดับหกก็ได้เลือกเหล่านักเรียนได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหล่านักเรียนบางคนก็เต็มใจ บางคนก็ไม่เต็มใจ บางคนก็มีความสุข บางคนก็เต็มไปด้วยความกังวล
ทางด้านพ่อมดลีโอได้ขมวดคิ้วขึ้นมา จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเลือกเมอร์ลินเลย
เขาได้ใหสัญญากับเมอร์ลินไว้ว่า หากเขาได้รับเลือกจากนักเวทย์ที่เก่งในเรื่องของการสอน เขาก็จะปล่อยเขาไป เพระเขารู้ดีว่าตัวเขาไม่ถนัดที่จะไปสอนใคร
อย่างไรก็ตามกับไม่มีใครเลือกเขาเลย แม้แต่เมอร์ลินก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้
พ่อมดลีโอเหลือบไปมองเหล่านักเวทย์ระดับสูงและพูดขึ้นว่า “มีนักเวทย์คนไหนที่ต้องการเมอร์ลินเป็นลูกศิษย์บ้างมั้ย ถ้ามีข้าจะยินดีให้เมอร์ลินไปเป็นลูกศิษย์ของพวกท่าน ตราบใดที่เมอร์ลินตอบตกลง!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เหล่านักเวทย์ได้ชะงักทันทีและทำให้สถานการณ์โดยรอบเงียบไปฉับพลัน ความเงียบนี้แต่เข็มตกพื้นก็ยังได้ยิน