บทที่ 4 ชอปปิง (II)
เธอยังต้องการจะหาซื้อพวกสัตว์และยาบางชนิดเตรียมเอาไว้ด้วย ในช่วงหลังของโลกาวินาศ ยาก็มีค่าไม่น้อยไปกว่าอาหารเลย แล้วยังมีพวกรถยนต์อีก เพราะเธอไม่อยากจะเดินเท้าเข้าไปยังฐานผู้รอดชีวิตหรอกนะ นอกจากนี้สิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการก็คือของจำพวกอาวุธ
หลังจากคิดได้อย่างนั้น ฉินอีก็เก็บเนื้อปลาชิ้นหนึ่งเอาไว้สำหรับอาหารมื้อค่ำ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็น เธอก็หย่อนปลาชิ้นนั้นลงในช่องว่างระหว่างมิติ ซึ่ง่ช่องว่างมิตินี้เองก็มีความสามารถในการรักษาความสดใหม่ของอาหาร เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าอาหารจะเน่าเสียแต่อย่างใด
หลังออกมาจากร้านอาหาร ฉินอีก็วิ่งตรงดิ่งไปที่ร้านขายยา หลังจากซื้อเมล็ดพันธุ์สมุนไพรนานาชนิดมาเรียบร้อยแล้ว เธอก็คิดถึงเรื่องที่ต้องทำต่อไป ก่อนจะกลับไปยังห้องพักของตน
มีสัตว์อยู่หลายชนิดแถวหมู่บ้านนอกเมือง ดังนั้นฉินอีจึงตัดสินใจว่าจะจัดการเสบียงของใช้ให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยลุยต่อในวันพรุ่งนี้
เมื่อมาถึงห้องพัก เธอพบว่าทุกอย่างที่เธอซื้อไปได้มาถึงแล้ว และของก็แน่นเต็มห้องไปหมด การจัดข้าวของให้เป็นระเบียบเป็นเรื่องน่าเบื่อสุดๆ แต่ฉินอีก็ต้องอดทนเพราะสิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งยังชีพในยามยาก
เธอจัดวางของให้เป็นระเบียบโดยจัดพวกเมล็ดพันธุ์ให้อยู่ด้วยกัน นำพวกหม้อพวกชามมาซ้อนกันไว้แล้วย้ายพวกมันทั้งหมดไปไว้ในโกดังด้านในมิติแรกกำเนิด โกดังนี้มีความสามารถในการย่อส่วนสิ่งของที่ใส่เข้าไปให้มีขนาดเล็กมาก ๆ และจะกลับคืนสู่สภาพเดิมเมื่อนำสิ่งของกลับออกมา
กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นเวลาก็ล่วงเลยไปถึงสองทุ่ม ฉินอีสวาปามอาหารเย็นอย่างรวดเร็วจากนั้นจึงเข้าไปในมิติแรกกำเนิดเพื่อเตรียมการเพาะปลูก
เมื่อมองไปยังผืนดินอันกว้างใหญ่ ใบหน้าของฉินอีก็กระตุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ แค่คิดว่าจะต้องมาปลูกพืชบนผืนดินที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ฉินอีก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาในทันที
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะห่อหุ้มเมล็ดพืชด้วยพลังจิตแล้วฝังมันลงดิน การใช้พลังจิตจำนวนมากทำให้ใบหน้าของฉินอีซีดเซียว แต่ดวงตาคู่เฉี่ยวของเธอยังคงเปล่งประกายเจิดจ้า มันได้ผล!
เธอพักผ่อนครู่หนึ่งก่อนจะลงมือปลูกพวกไม้ผลด้วยวิธีเดียวกัน และในเมื่อคิดจะซื้อสัตว์มาไว้ที่นี่อยู่แล้ว จึงแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเอาไว้โดยเฉพาะ ล้อมกรอบด้วยรั้วไม้ป้องกันไม่ให้์พวกมันหนีออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากกินอาหารเช้าจนหมดฉินอีก็ขับรถไปที่เมืองชิงเฟิงที่อยู่ใกล้กับเมือง S มากที่สุด เธอเลือกซื้อทั้งหมู แกะ วัว ไก่ เป็ด และห่านมาอย่างละคู่ เป็นตัวผู้หนึ่งตัวเมียหนึ่ง ทั้งยังซื้อสัตว์จำพวกปลา กุ้ง ปู และสัตว์ทะเลอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก
พอคิดว่าข้าวที่มีอยู่น่าจะยังไม่พอ เธอจึงกว้านซื้อข้าวมาหลายร้อยกิโลกรัมด้วยเลยในคราวเดียวกัน หลังออกจากเมืองชิงเฟิงไปได้ระยะหนึ่งของทั้งหมดก็ถูกเก็บเข้าไปในมิติแรกกำเนิด
เมื่อคำนวณเงินที่ตนมีเหลือก็พบว่าเหลืออยู่ไม่ถึงแสนดอลลาร์แล้วด้วยซ้ำ ฉินอีถึงกับถอนหายใจออกมา มันยังไม่พอ เงินทุนของเธอนั้นมีน้อยเกินไป เธอคิดไปมาคิดมาก็ตัดสินใจได้ว่าเธอจะไม่ซื้อรถ ไว้ค่อยมองหารถหลังจากวันสิ้นโลกเอาทีเดียวก็ยังได้
พอกลับมาที่เมือง S เธอก็แวะซื้อมีดกับมีดสั้นเอาไว้ จากนั้นจึงเดินทางกลับห้องพักเพื่อจัดแจงสิ่งของที่ซื้อมา
เธอนำสัตว์ทั้งหมดเข้าไปในมิติแรกกำเนิด ภายในพื้นที่มิติมีหญ้าจิตวิญญาณที่โตขึ้นอยู่ประปรายตามที่ต่าง ๆ อยู่แล้ว ซึ่งสัตว์ที่เธอนำมาก็สามารถกินได้ ดังนั้นฉินอีจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินของพวกมัน
ปลาทั้งหลายถูกเทลงใบบ่อน้ำ กุ้งกับปูถูกใส่ไว้ในลำธารด้านหน้า และข้าวก็ถูกเอาไปเก็บไว้ในโกดัง หลังจากจัดการจนเสร็จสิ้น ฉินอีก็ไปดูพืชผลที่เธอปลูกไว้เมื่อวาน
เมล็ดทั้งหมดเริ่มแตกหน่อออกมาแล้ว ดูเหมือนว่ามันคงจะโตขึ้นในไม่ช้านี้ พวกไม้ผลก็จะเติบโตและคงจะออกผลมาให้เธอเก็บเกี่ยวในอีกไม่นานเกินรอ
เมื่อมองดูพื้นที่โดยรอบทั้งหมด ก็เป็นครั้งแรกหลังจากย้อนเวลากลับมาที่ใบหน้าของเธอดูยิ้มแย้มเช่นนี้
เธอเหลือเงินอยู่ไม่มาก ฉินอีตัดสินใจว่าจะใช้เงินที่เหลือซื้อพวกขนมขบเคี้ยวและอาหารแสนอร่อยจากร้านอาหารต่าง ๆ ที่คงจะหาไม่ได้อีกแล้วในช่วงหลังวันโลกาวินาศ
เมื่อตัดสินใจดีแล้ว ฉินอีก็ตั้งใจจะพักผ่อนในช่วงเวลาที่เหลืออยู่หรือไม่ก็ออกไปเดินเล่นสัมผัสความสงบสุขครั้งสุดท้าย หรือบางทีเธออาจจะกลับมาอยู่ที่บ้านเพื่อทำความคุ้นเคยกับความสามารถพิเศษที่มี
ส่วนเรื่องการเตือนคนอื่นในสิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้น... ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอเองก็ไม่ใช่คนใจดีสักเท่าไหร่นัก แม้ว่าเธอจะออกไปเตือนจริง ๆ จะมีสักกี่คนกันที่เชื่อ ไม่ต่อว่าเธอก็บุญเท่าไหร่แล้ว
เธอรู้ดีว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนไม่ดี แต่ใครจะรู้บ้างว่าคนรอบตัวของตนเองนั้นดีจริงหรือไม่ แล้วต่อให้เป็นคนดีจริง ๆ จะรู้ได้อย่างไรว่าวันหนึ่งคนดีคนนั้นจะไม่เปลี่ยนไป
ในชีวิตนี้ เธอเชื่อใจแค่ตนเองเพียงเท่านั้น