บทที่ 32: นับกำไร
บทที่ 32: นับกำไร
" หยุดรถ!"
หลินซัวหานตะโกนทันทีหลังจากที่รถขับออกไปนอกถนน
หวังเต็งไม่ได้ปฏิบัติตาม เขาหันมาถามว่า “เธออาศัยอยู่ที่ไหน?”
“ฉันอยากลงจากรถ ฉันไม่ต้องการให้นายส่งฉันกลับ ฉันกลับบ้านเองได้” หลินซัวหานตอบ
“นั่นไม่ดีเลย เธอกำลังเขี่ยฉันทิ้งหลังจากที่ฉันช่วยเธอเอาไว้อย่างงั้นหรอ?!” หวังเต็งยิ้ม
“นายหมายความว่ายังไงที่ว่าฉันเขี่ยนายทิ้งหลังจากนายช่วยฉัน?” หลินซัวหานรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ฉันช่วยเธอกำจัดเจ้าปัญหาทั้งสองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ตอนนี้เธอก็กำลังจะเขี่ยฉันทิ้ง ที่ฉันพูดนี่ถูกไหม?” หวังเต็งถามกลับ
“ฉันอยากลงจากรถ” หลินซัวหานพูดไม่ออก เธอรู้ว่าคำพูดไม่สามารถเอาชนะหวังเต็งได้ ดังนั้นเธอจึงปลดเข็มขัดนิรภัยและพูดอย่างหนักแน่น
“ถ้าเธอไม่บอกฉันว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน ฉันก็จะขับรถไปที่บ้านของฉันนะ” หวังเต็งยิ้มอย่างสงบ
หลินซัวหาน: …
สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้
เธอยอมแพ้ให้กับความไร้ยางอายของหวังเต็ง
หวังเต็งส่งเธอกลับบ้าน
หลินซัวหานอาศัยอยู่ในพื้นที่ระดับล่าง มันเป็นการยากที่จะจินตนาการว่าสถานที่ดังกล่าวมีอยู่ในเมืองตงไห่
ข้างหน้าพวกเขาเป็นซอยที่มืดสนิท และเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ หลินซัวหานก็ปฏิเสธที่จะให้หวังเต็งไปส่งเธอต่อไป
นอกจากนี้ รถก็ยังไม่สามารถขับเข้าไปได้ ดังนั้นหวังเต็งจึงต้องยอมแพ้
เขาหยิบสกู๊ตเตอร์ของหลินซัวหานลงแล้วแขวนชานมไว้ที่ด้ามจับ
“เอาล่ะ เธอกลับไปเองได้ใช่ไหม?” หวังเต็งกล่าว
“ชานมของนาย?” หลินซัวหานขมวดคิ้ว
“ฉันจะนอนไม่หลับถ้าฉันดื่มชาตอนกลางคืน” หวังเต็งตอบ
“งั้นนายก็อยากให้ฉันมีปัญหาในการนอนหลับแทนรึไง?” หลินซัวหานพูดไม่ออก
“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอจะได้คิดถึงฉันเมื่อนอนไม่หลับไง” หวังเต็งหัวเราะ
“ออกไป~”
หลินซัวหานวิ่งออกไปอย่างวุ่นวายขณะที่เธอขี่สกู๊ตเตอร์ตัวเล็กเข้าไปในตรอกมืด
ซอยนี้ยาวและมืด แม้ว่าไฟสกู๊ตเตอร์ของเธอจะเปิดอยู่ แต่เธอก็มองเห็นได้เพียงระยะทางเพียงเล็กน้อยจากด้านหน้าของเธอ
หลินซัวหานขี่อย่างระมัดระวัง ทันใดนั้น แสงสีขาวก็สว่างขึ้นด้านหลังเธอ
เธอหันกลับมาและสังเกตเห็นว่าหวังเต็งหันรถของเขาไปรอบๆ เขาเปิดไฟหน้ารถและจุดไฟให้กับเธอทั้งซอย
“ผู้ชายคนนี้!”
หลินซัวหานรู้สึกประทับใจ อย่างไรก็ตาม เธอก็รีบส่ายหัวเพื่อกำจัดความรู้สึกนี้ออกไปและขี่สกู๊ตเตอร์ตัวน้อยของเธอไปข้างหน้า
หวังเต็งจากไปเมื่อเขาไม่เห็นร่างของหลินซัวหานอีกต่อไป
เมื่อเขากลับถึงบ้านก็เป็นเวลา 23.00 น.แล้ว
หวังเต็งอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เขาต้องการจะรีบกลับบ้านแต่เขาก็ยังล่าช้าจนถึงตอนนี้
ผู้หญิง!
เป็นเพราผู้หญิงกำลังลำบาก!
บ้านเงียบ หวังเต็งปิดประตูและปีนขึ้นบันได
ดูเหมือนว่าหลี่ซิ่วเหม่ยจะเข้านอนแล้ว
หวังเต็งไม่ได้ส่งเสียงใดๆ เขานำของที่ขโมยมาได้กลับไปที่ห้องและเอามันทั้งหมดเข้าไปในห้องน้ำ
หลังจากอาบน้ำเขาก็เป่าผมให้แห้ง
จากนั้นเขาก็ล็อคประตูและถูมืออย่างมีนัยยะ เขานั่งไขว่ห้างบนพื้นและหยิบทุกอย่างออกมาเพื่อจัดเรียง
แท่งเหล็กหนึ่งแท่ง ไฟแช็คซิปโป้หนึ่งชิ้น บุหรี่ครึ่งซอง และโทรศัพท์มือถือสองเครื่อง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของธรรมดา
หากมีโอกาส เขาก็หวังว่าเขาจะสามารถถอดรหัสผ่านของโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องได้
มันจะต้องมีข้อมูลบางอย่างที่เขาต้องการในโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่อง รวมทั้งข้อมูลตัวตนของนักสู้ที่ตายไปแล้วทั้งสองอยู่อย่างแน่นอน
นอกจากนี้มันก็ยังมีนวมชกมวยและดาบ
ทั้งหมดนี้คืออาวุธรูน!
อักษรรูนที่สลักบนนวมชกมวยและดาบนั้นดูลึกลับและไม่ธรรมดา
หวังเต็งค้นหาทางออนไลน์ตามลักษณะที่ปรากฏ
นวมชกมวยสีม่วงดำนั้นเป็นอาวุธธาตุน้ำแข็งชั้นสูงระดับหนึ่งดาวจากซีรีส์ 'เงาทมิฬ' ซึ่งราคาตลาดของมันก็อยู่ที่ประมาณ 2 ล้าน
ส่วนดาบที่มีอักษรรูนสีแดงเพลิงนั้นเป็นอาวุธธาตุไฟชั้นยอดระดับหนึ่งดาวจากซีรีส์ 'เปลวเพลิงที่ลุกโชดช่วง' ซึ่งมีราคาตลาดอยู่ที่ 3.5 ล้าน
ราคานี้!
หวังเต็งทำได้เพียงแค่ถอนหายใจและอุทาน นักสู้เหล่านี้ร่ำรวยมากจริงๆ!
โชคดีที่เขาเป็นลูกเศรษฐีที่ร่ำรวย ดังนั้นเขาจึงเคยเห็นราคาแบบนี้มาก่อน
และสิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยให้เขาพ้นจากปัญหาในการซื้อและขายอาวุธ อาวุธทั้งสองนี้เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
ท้ายที่สุดก็ไข่!
หวังเต็งหยิบไข่ออกมาจากกระเป๋าและสังเกตมันอย่างระมัดระวังภายใต้แสงไฟ เมื่อดูจากผิวของมัน เขาก็ไม่สามารถบอกได้จริงๆว่านี่คือไข่ของสัตว์ชนิดใด
“ไข่ใบนี้น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นักสู้สองคนนั้นต่อสู้กันอย่างไร้ความปราณี”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ไข่ใบนี้ก็จะต้องเป็นอะไรที่พิเศษแน่ๆ”
เขาดูไข่ประเภทต่างๆทางออนไลน์และเปรียบเทียบมันกับไข่ที่อยู่ในมือ เขาใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการวิเคราะห์
ในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุปที่น่าอัศจรรย์
“นี่คือไข่ของนก!”
“ใช่แล้ว มันจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างแน่นอน”
หวังเต็งพยักหน้ากับตัวเองและยัดไข่กลับเข้าไปในกระเป๋า เขาคลุมด้วยหญ้าแห้งและรูดซิปกระเป๋า จากนั้นเขาก็ซ่อนมันไว้ที่มุมใต้เตียงของเขา
“ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ฉันก็จะขอเก็บมันเอาไว้ก่อน”
“ฉันจะคิดหาวิธีฟักไข่หลังจากยืนยันตัวตนมันได้แล้ว”
จากนั้นหวังเต็งก็หันหน้าไปมองหน้าต่างค่าคุณสมบัติของเขา
ความรู้แจ้ง: 83
พลังวิญญาณ:12.1
พรสวรรค์: พรสวรรค์ไฟขั้นเริ่มต้น (10/300), พรสวรรค์น้ำแข็งขั้นเริ่มต้น (12/300)
พลังฟอร์ส: ไฟ 6/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)
น้ำแข็ง 4/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)
คัมภีร์: คัมภีร์เพลิงแดง (รากฐาน 1/100), คัมภีร์เหมันต์เร้นลับ (รากฐาน 1/100)
เทคนิคการต่อสู้: เทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน (ทักษะหมัดขั้นผู้เชี่ยวชาญ ทักษะดาบขั้นผู้เชี่ยวชาญ ทักษะมีดขั้นผู้เชี่ยวชาญ ฟุตเวิร์คขั้นผู้เชี่ยวชาญ) ทักษะปืน (ผู้สัมฤทธิ์) ทักษะดาบเพลิงคิริน (พื้นฐาน 10/100) ทักษะหมัดปีศาจเหมันต์ (พื้นฐาน 8/100)
ความรู้: วิชาพื้นฐาน (คะแนนเต็ม)
พลังการต่อสู้โดยรวม: 135
เมื่อมองไปที่แถวค่าคุณสมบัติของเขา หวังเต็งก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมาในทันที
นักสู้!
ในที่สุดเขาก็กลายเป็นนักสู้!
เมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้ว เวลาที่เขาใช้ในการฝึกศิลปะการต่อสู้จนถึงช่วงเวลาที่เขากลายเป็นนักสู้นั้นก็สั้นมาก อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ที่เขาได้รับมาในช่วงเวลานั้น มันก็ไม่ใช่น้อยๆเลย
เขาเคยผ่านสถานการณ์ความเป็นความตายไปเมื่อเร็วๆนี้!
เสี่ยงโชคเสี่ยงดวง!
และทุกอย่างก็คุ้มค่า!
หลังจากนั้น หวังเต็งก็เปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและหลังของหน้าต่างค่าคุณสมบัติของเขา
เมื่อตอนที่เขาอยู่ที่ภูเขาเป่าอัน เขาก็ยังไม่มีเวลาได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ ตอนนี้ หลังจากสังเกตหน้าต่างค่าคุณสมบัติของเขาแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าความแตกต่างนั้นใหญ่มาก
ประการแรก พลังวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่
มันเข้าใจไม่ยากว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร
วิญญาณนั้นเป็นตัวแทนของจิตสำนึกของบุคคล และมันก็เป็นคำพูดที่ลึกซึ้ง
เขาได้รับค่าคุณสมบัติพลังวิญญาณมาจากนักสู้ธาตุไฟที่ตายแล้ว ดังนั้นคุณสมบัตินี้จึงถูกเปิดใช้งาน
เขายังคงมองลงไป คุณสมบัติร่างกายหายไป และถูกแทนที่ด้วยพรสวรรค์
หวังเต็งรู้ว่าพรสวรรค์คืออะไร หลังจากที่ร่างกายของนักสู้ไปถึงมาตรฐานระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาก็จะได้รับการทดสอบโดยใช้อุปกรณ์พิเศษเพื่อตรวจสอบว่าพวกเขามีพรสวรรค์ สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขาสามารถเลือกคัมภีร์ทักษะพลังฟอร์สและเทคนิคการต่อสู้ที่พวกเขาสามารถฝึกฝนได้ได้ดียิ่งขึ้น
นี่คือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างศิษย์นักสู้และนักสู้
หวังเต็งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบและรู้สึกท้อแท้
“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ งั้นที่ฉันมีพรสวรรค์ทั้งธาตุไฟและน้ำแข็งก็เป็นผลมาจากการเก็บฟองสบู่ค่าคุณสมบัติของทั้งสองธาตุ อย่างไรก็ตาม งั้นนี่มันก็หมายความว่าฉันไม่มีพรสวรรค์ในตนเองอย่างงั้นหรอ?”
เขาเคยค้นหาในอินเทอร์เน็ตมาก่อนและรู้ว่าคนส่วนใหญ่นั้นมักจะมีพรสวรรค์ และเมื่อร่างกายของพวกเขาพัฒนามาจนถึงระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาก็จะสามารถฝึกฝนคัมภีร์ทักษะพลังฟอร์สได้
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีคนจำนวนเล็กน้อยที่ไม่มีพรสวรรค์
การมีพรสวรรค์และไม่มีพรสวรรค์นั้นเป็นสิงสิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งสองล้วนเป็นของหายาก
และหวังเต็งก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะเป็นหนึ่งในนั้น!
“ฉันโชคดีที่มีระบบ!”
หวังเต็งรู้สึกโชคดี เขาไม่กลัว่าเขาจะด้อยพรสวรรค์ แต่เขากลัวว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์เลย ซึ่งนั่นก็จะตัดความเป็นไปได้ทั้งหมดในชีวิตของเขา
ลองนึกภาพสิ่งนี้ดูสิ คุณฝึกฝนอย่างหนักมาหลายปี และอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นคุณก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเอง คุณก็ถูกบอกว่าคุณนั้นไม่มีพรสวรค์ ซึ่งสิ่งนี้มันก็เท่ากับการดับฝันตลอดหลายปีที่ผ่านมาของคุณ
คนจิตใจไม่ดีอาจตรอมใจตายได้หลังจากที่ได้ยินแบบนี้!
หวังเต็งส่ายหัว
ถัดไปคือค่าคุณสมบัติพลังฟอร์ส มันแสดงถึงระดับของนักสู้
หวังเต็งเป็นนักสู้ระดับทหารหนึ่งดาวในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็มีพลังฟอร์สถึงสองธาตุไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา
และจากเท่าที่เขาหาข้อมูลมา เขาก็พบว่าปกติแล้วนักสู้จะมีเพียงแค่หนึ่งธาตุเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักสู้ที่มีพรสวรรค์หลายธาตุนั้นก็เป็นสิ่งที่หายากจนถึงยากที่สุด
บางครั้งคุณอาจเห็นนักสู้ที่มีพลังฟอร์สสองหรือสามธาตุได้ อย่างไรก็ตาม นักสู้ที่มีพลังฟอร์สสามธาตุนั้นก็เป็นสิ่งที่หายากราวกับงมเข็มในมหาสมุทร ส่วนนักสู้ที่มีพลังฟอร์สสี่,ห้าหรือหกธาตุนั้นก็เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน
และท้ายที่สุดก็พลังการต่อสู้
พลังการต่อสู้นั้นน่าจะเป็นการคำนวณภาพรวมทั้งหมดของค่าคุณสมบัติทั้งหมด ทั้งร่างกาย ความแข็งแกร่ง ความเร็ว พลังฟอร์ส เทคนิคการต่อสู้ และส่วนที่เหลือ
นี่เป็นค่าคุณสมบัติที่ดี มันแสดงความสามารถโดยรวมทั้งหมดของเขาในรูปเดียว
…
หลังจากมองดูทุกอย่างแล้ว หวังเต็งก็หาวออกมา ความเหนื่อยล้าคืบคลานเข้ามายังร่างกายของเขาและเขาก็หลับตาลง และค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่โลกแห่งความฝัน...