ตอนที่แล้วบทที่ 30: การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 32: นับกำไร

บทที่ 31: ภาพที่ใจแคบ


บทที่ 31: ภาพที่ใจแคบ

หลินซัวหานหมดแรงหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน มันมีสัญญาณของความอ่อนล้าบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ

หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ และมันก็ทำให้ผมของเธอก็เลอะเหลื่อเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ไม่สามารถซ่อนความงามของเธอได้

หลินซัวหานทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านชานมไข่มุก แท้จริงแล้วมันคือร้านชานมชื่อเอ๋อร์เตียนเตียน!

การปรากฏตัวของเธอเพิ่มสีสันให้กับร้านอย่างไม่ต้องสงสัย

เถ้าแก่ของร้านชานมไข่มุกรู้สึกว่าการตัดสินใจของเขาในอดีตนั้นยอดเยี่ยมมาก เมื่อใดก็ตามที่หลินซัวหานมา ยอดขายของเขาก็จะสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

น่าเสียดายที่หลินซัวหานทำงานได้เฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น

ช่างน่าเสียดาย!

เถ้าแก่ได้แต่งงานแล้วและเขาก็มีภรรยาที่ใจร้ายอยู่ที่บ้าน ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดอื่นใดต่อหลินซัวหาน

อย่างไรก็ตาม พนักงานชายสองคนในร้านของเขาต่างพากันหลั่งน้ำตาให้กับสาวสวยคนนั้น พวกเขาจะมอบอาหารเช้าให้เธอในตอนเช้าหรือไม่ก็เลี้ยงอาหารกลางวันเธอ พวกเขาพยายามเอาใจใส่เธออย่างมาก

เถ้าแก่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างและอยากจะพูดอะไรสักอย่าง อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เหมาะสมสำหรับเขาที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของลูกจ้าง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ตั้งกฎเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาออกเดทในช่วงเวลาทำงานเท่านั้น

และกฎก็ได้ผล

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลางานสิ้นสุดลง เถ้าแก่ก็จะควบคุมพวกเขาไม่ได้อีกต่อไป

ขณะนี้ลูกจ้างกำลังเก็บของและเตรียมตัวออกจากงาน ในขณะนั้น ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และดูสุภาพเรียบร้อยก็เดินเข้ามาและยิ้มให้หลินซัวหาน

“ซัวหาน นี่มันดึกมากแล้ว ให้ฉันไปส่งเธอไหม?”

ชายหนุ่มอีกคนดูสดใสและดูสะอาดตาด้วยการดัดผมด้วยกระดาษฟอยล์ เมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเขาช้าไปหนึ่งก้าว เขาก็พูดอย่างกังวลว่า “ ซัวหาน บ้านของเธออยู่ระหว่างทางกลับบ้านของฉัน ดังนั้นทำไมไม่ให้ฉันไปส่งเธอที่บ้านล่ะ?

หญิงสาวล้อเลียนเขาจากด้านข้าง “ถามจริง? 'ระหว่างทาง' ของนายมันอยู่ห่างจากบ้านของซัวหานตั้งประมาณสิบกิโลเมตรเลยหรอ?”

“อย่างน้อยบ้านของฉันก็ถือว่าอยู่ใกล้กับเธอมากกว่าของเฉียนเว่ยป๋อ เขาอยู่ห่างกันอย่างน้อยก็ตั้ง 20 กม.แหนะ” ชายผู้ดัดด้วยกระดาษฟอยล์ตอบ

เฉียนว่ยป๋อที่ดูสูงส่งขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “โดยปกติแล้ว ฉันจะไปออกกำลังกายตอนกลางคืน ดังนั้นถ้าฉันไปส่งซัวหานกลับบ้านแล้วกลับบ้านของฉัน  การออกกำลังกายในวันนี้ของฉันก็จะเป็นอันเสร็จสมบูรณ์”

“ฮึ่ม ข้อแก้ตัวของนายฟังดูดีมาก” ชายหนุ่มอีกคนเย้ยหยัน

“เอาล่ะ หยุดการต่อสู้ได้แล้ว ฉันไม่ต้องการให้พวกนายไปส่งฉันกลับหรอกนะ ฉันกลับบ้านเองได้” หลินซัวหานพูดอย่างเย็นชา เหมือนเคย เธอปฏิเสธพวกเขาในทันที

ชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกหมดหนทาง พวกเขาถูกปฏิเสธตลอดเวลา อันที่จริง พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลินซัวหานอาศัยอยู่แถวไหน

หลินซัวหานต้องการที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของเธอ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะปกปิที่อยู่ของเธอไม่ให้พวกเขารู้

ชายหนุ่มทั้งสองยังคงต้องการลองเสี่ยงโชค อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“คนสวย ขอชานมไข่มุกสักแก้วสิ!”

หลินซัวหานพบว่าน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งนี้ฟังดูคุ้นมาก

“ฉันต้องขอประทานโทษด้วย แต่เราปิดร้านแล้ว”

ทันทีที่เฉียนเว่ยป๋อพูดจบ หลินซัวหานก็หันกลับไปและพบกับชายคนหนึ่ง จากนั้นมันก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจและถามว่า “นายมาที่นี่ทำไม?”

“ดูที่เธอพูดสิ? ทำไมฉันถึงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้” หวังเต็งยิ้มและตอบ

เฉียนเว่ยป๋อและชายหนุ่มที่ดัดผมด้วยกระดาษฟอยล์รู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างมากเมื่อได้ฟังการโต้ตอบที่คุ้นเคยของคนสองคนนี้

นอกจากนี้ ผู้ชายคนนี้ก็ยังหล่อกว่าพวกเขาเล็กน้อย!

อืม… ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น!

เฉียนเว่ยป๋อถามว่า “ซัวหาน ชายคนนี้คือใครกัน?”

“ซัวหาน?”

“ฮึ่ม” หวังเต็งมองไปที่เธออย่างมีนัยยะ

“เขาเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉันเอง” หลินซัวหานตอบ

“เพื่อนร่วมโต๊ะ!”

สายตาของเฉียนเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคนได้หยุดนิ่ง จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากัน

พวกเขาสามารถบอกได้จากการจ้องมองของกันและกันว่านี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และพวกเขาก็จะไม่สามารถเอาชนะชายคนนี้ได้หากพวกเขาไม่ร่วมมือกัน

“เนื่องจากเขาเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของหลินน้อย งั้นเราก็มาทำชานมไข่มุกแก้วสุดท้ายให้เขากันเถอะ” เถ้าแก่พยักหน้าให้หวังเต็งและกล่าว

เฉียนเว่ยป๋อถามว่า “คุณเพื่อนร่วมชั้นอยากดื่มอะไรดีครับ?”

“คุณมียอดดอยไหม” หวังเต็งถาม

เฉียน เว่ยป๋อ: …

มึงหมายถึงอะไรที่พูดถึงยอดดอย!

นี่คือร้านชาไข่มุก ไม่ใช่ซุปเปอร์มาร์เก็ต!

หากคุณต้องการดื่มยอดดอย คุณก็ควรจะไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อมาชงเองที่บ้าน!

เฉียงเว่ยป๋อกรีดร้องในใจ

เถ้าแก่ร้านชานมไข่มุกและลูกจ้างคนอื่นๆก็พูดไม่ออกเช่นกัน พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรดี

ในทางกลับกัน หลินซัวหานก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เธอทำสูตรที่ง่ายที่สุด ชานมดำไข่มุก เธอเตรียมถ้วยที่ใหญ่ที่สุดสำหรับหวังเต็งและรีบทำให้เสร็จโดยไว จากนั้นเธอก็วางมันลงตรงหน้าเขา

“12 หยวน!”

“แพงมาก!” หวังเต็งไม่สนใจว่ามันเป็นชานมไข่มุกแบบไหน เขาบ่นอยู่ครู่หนึ่งและหยิบโทรศัพท์ออกมาจ่ายค่าเครื่องดื่ม

หลินซัวหานไม่สนใจหวังเต็ง หลังจากเก็บของเรียบร้อย เธอก็บอกลาเถ้าแก่และเดินออกจากร้านชานมไข่มุก

เธอผลักสกู๊ตเตอร์สีชมพูออกจากที่จอดรถด้านข้าง

จากนั้น เธอก็สวมหมวกฮัลโหลคิตตี้ทรงกลม และกำลังจะขี่สกู๊ตเตอร์ออกไป

“ซัวหาน รอฉันด้วย”

เฉียงเว่ยป๋อและชายอีกคนรีบเก็บของและไล่ตามเธอไป

การปรากฏตัวของหวังเต็งนั้นทำให้พวกเขารู้ตัวว่าพวกเขาจะรอช้าอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว คืนนี้ไม่ว่าหลินซัวหานจะปฏิเสธพวกเขายังไง พวกเขาก็วางแผนที่จะไปส่งเธอกลับบ้านอย่างไร้ยางอายให้ได้

หลินซัวหานขมวดคิ้วอย่างไม่มีความสุขเมื่อเห็นพวกเขาสองคนรบกวนเธอเหมือนพลาสเตอร์ยาจีน

“คุณหัวหน้าห้อง ให้ฉันไปส่งคุณที่บ้านเอาไหม” ในเวลาเดยวกัน หวังเต็งก็เดินเข้าไปพร้อมกับถือชานมของเขา

“ไม่จำเป็น!” หลินซัวหานกล่าวอย่างเย็นชา

“เราเป็นเพื่อนร่วมชั้น เธอไม่จำเป็นต้องเกรงใจฉันหรอก”

หวังเต็งคว้าสกู๊ตเตอร์ตัวน้อยของหลินซัวหานและยกมันขึ้นด้วยมือข้างเดียว

“โอ้ พระเจ้า ความแข็งแกร่งของเขา!”

สีหน้าของชายหนุ่มทั้งสองเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลง เมื่อหวังเต็งเดินไปที่รถสปอร์ตที่จอดอยู่ข้างถนน ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างมากขึ้น

“บี๊บ!”

ท้ายรถเปิดออก และหวังเต็งก็ยัดสกู๊ตเตอร์ของหลินซัวหานเข้าไปในรถ อย่างไรก็ตาม ฝาก็ไม่สามารถปิดได้อย่างถูกต้อง

สกู๊ตเตอร์สีชมพูถูกวางไว้ทายรถโดยมีส่วนหัวของมันโผล่ออกมาให้เห็น

O_o…

“น่าทึ่ง!”

“นี่มันน่าทึ่งจริงๆ!”

“การบรรจุสกู๊ตเตอร์ในรถสปอร์ต ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน!”

การกระทำนี้ทำให้เถ้าแก่ร้านชานมไข่มุกและลูกจ้างคนอื่นๆรู้สึกตกตะลึง

“นี่คือระยะห่างระหว่างเราอย่างงั้นหรอ?”

เฉียงเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคนเริ่มตั้งคำถามกับชีวิตของพวกเขา

หวังเต็งเดินไปเปิดประตูรถและกระตุ้นให้หลินซัวหานขึ้นไป

“ไปกันเถอะ. เธอกำลังรออะไรอยู่?”

หลินซัวหานกัดริมฝีปากของเธอและกระทืบเท้าของเธอ ท้ายที่สุดเธอก็ต้องยอมขึ้นไปบนรถ

เพล้ง!

ชายหนุ่มที่มองดูอยู่ทั้งสองรู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขาได้แตกสลาย!

และชายหนุ่มทั้งสองก็เอามือจับหน้าอกของพวกเขาทันที

หวังเต็งช่วยหลินซัวหานปิดประตูรถ ขณะที่เขากำลังจะขึ้นรถ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้และเดินเข้าไปหาเฉียงเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคน

“ไอ้หนุ่ม พวกนายสนิทกับเพื่อนร่วมโต๊ะของฉันมากใช่ไหม?” เขายิ้มและถาม

ทั้งสองคนต้องการที่จะพยักหน้า อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันหวังเต็งก็ได้เอามือวางลงบนไหล่ของพวกเขา…

วินาทีถัดมา ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวก็ได้แล่นผ่านพวกเขา!

“เนื่องจากนายไม่ได้สนิทกับเธอ เพราะงั้นคราวหน้าก็อย่าลืมเรียกเธอด้วยชื่อเต็มของเธอหรือไม่ก็เรียกเธอว่าคุณหญิง  เข้าใจไหม?”

หวังเต็ง!

ใจแคบจริงๆ!

หวังเต็งพ่นลมออกมาและปล่อยมือของเขา ใบหน้าของเฉียงเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคนหน้าแดงเพราะกลั้นหายใจ

ปวด~

พวกเขารู้สึกราวกับว่ากระดูกของพวกเขาได้ถูกบดขยี้

ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์ เขาจะต้องเป็นศิษย์นักสู้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้เขาก็ยังขับรถสปอร์ต นั่นหมายความว่าเขาร่ำรวยมาก!

พวกเขาไม่สามารถยั่วยุเขาได้! และพวกเขาก็ใควรทำด้วย!

ตัวสั่น~

ทั้งสองคนรีบพยักหน้า หลินซัวหาน? เธอเป็นใคร? เธอสวยขนาดไหน? เธอเกี่ยวอะไรกับพวกเขา?

ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปแล้ว

และสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือส่งมารตัวนี้ออกไป

หวังเต็งขับรถของเขาออกไปในตอนกลางคืนด้วยเครื่องยนต์ที่ดังของเขา เฉียงเว่ยป๋อและชายหนุ่มอีกคนจ้องไปที่ไฟท้ายของรถสปอร์ตด้วยความงุนงง

เช่นเดียวกับสกู๊ตเตอร์ตัวน้อยที่โผล่ออกมาด้านนอก...

พวกเขารู้สึกถึงความอัปยศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด