บทที่ 3 ชอปปิง (I)
ฉินอีตกใจ—นี่มันแกนความสามารถนี่ แต่แกนความสามารถของผู้ใช้พลังเติบโตในสมองนี่ ทำไมมันถึงมาอยู่ที่ท้องของเธอได้
เธอตั้งสมาธิ รวบรวมความสามารถในการใช้น้ำของตนแล้วยิงธนูน้ำออกไปในระยะไกล แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลูกศรน้ำแข็งที่ถูกยิงออกไป จากเธอคนที่สงบอารมณ์ได้มาโดยตลอด ตอนนี้ยังถึงกับช็อก
เดิมทีเธอนั้นมีความสามารถในการใช้น้ำแข็งเนื่องจากการกลายพันธุ์ในระยะต่อมา ทำไมเธอถึงได้มันมาตั้งแต่ตอนที่เธอเพิ่งมาถึงที่นี่ล่ะ เธอได้รับความสามารถนี้หลังจากวันโลกาวินาศนี่ แต่ตอนนี้มันกลับอยู่กับเธอก่อนเวลานั้นจะมาถึงเสียอีก และลูกบอลสีเทานั่นก็ไม่ใช่ประเภทสายฟ้าด้วย มันคืออะไรกันแน่นะ
ฉินอีใคร่ครวญเกี่ยวกับสิ่งนั้นอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นพลังจากน้ำพุจิตวิญญาณที่ทำให้ความสามารถของเธอวิวัฒนาการำล้ำหน้าไป ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะความสามารถในการใช้น้ำแข็งมีพลังเหนือกว่าการใช้น้ำ การมีความสามารถเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งก็ช่วยให้เธอปกป้องตัวเองได้มากขึ้น
เธอมองดูเสื้อผ้าที่ตนเองใส่อยู่และตระหนักได้ว่าชุดนอนที่เดิมทียาวถึงเข่านั้นตอนนี้กลับสั้นลง ทำให้เธอเชื่อว่าการชำระล้างไขกระดูกนั้นทำให้เธอโตขึ้นเล็กน้อย
ฉินอีเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอสวมเสื้อแขนสั้นสีดำกับกางเกงขายาว เมื่อสังเกตว่ากางเกงของเธอสั้นลงเล็กน้อย เธอจึงเดาว่าตัวเองน่าจะสูงขึ้นอย่างน้อยห้าเซนติเมตร ชีวิตในภพชาติก่อน ฉินอีเคยเบื่ออาหารและดูเหมือนคนขาดสารอาหารอยู่เสมอ ในช่วงเหตุการณ์โลกาวินาศ อาการเบื่ออาหารของเธอก็หายขาด แต่เธอก็ยังมอบทุกสิ่งที่คิดว่าดีให้กับตระกูลฉิน
เธอเองกินแต่ขนมปังกรอบและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขณะที่มอบข้าว เนื้อ และผักทั้งหมดให้แก่ตระกูลฉิน ตอนที่เธอตายนั้น เธอสูงไม่เกิน 1.6 เมตร รูปลักษณ์ของเธอทำให้เธอดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่เคยโตขึ้นเลย
ฉินอีรวบผมของเธอขึ้น ใส่หมวกและหน้ากาก พร้อมกับนำบัตรที่ฉินเหมี่ยน พ่อของเธอเคยให้ไว้
เหตุการณ์โลกาวินาศกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจนี้แล้ว และเธอเองก็เหลือเวลาอีกไม่มาก เธอต้องรีบหาซื้ออาหารสำรองให้ได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าฉินเหมี่ยนจะเกลียดเธอ แต่เขาก็ให้เงินก้อนใหญ่กับเธอเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ฉินอีรู้ว่าเขาพยายามผลักไสไล่ส่งเธอด้วยการให้เงินมากมายขนาดนั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเธอจะไม่เหยียบเท้าก้าวเข้ามาในบ้านตระกูลฉินอีก
ในบัตรนั้นมีเงินอยู่ประมาณห้าแสนดอลลาร์ได้ แต่มันก็ยังไม่พออยู่ดี ฉินอีคิดในใจ เธอมองไปยังอพาร์ตเมนต์ที่อาศัยอยู่และคฤหาสน์ภายใต้ชื่อของเธอที่อยู่ในย่านชานเมือง
เธอไปหานายหน้าเพื่อขายคฤหาสถ์รวมถึงอพาร์ตเมนต์ในราคาสิบล้านดอลลาร์และห้าล้านดอลลาร์ตามลำดับ โดยวางแผนจะย้ายออกในเดือนสิงหาคม
ด้วยเงินสดที่เธอถืออยู่ในมือ ฉินอีเริ่มซื้อ ซื้อ และก็ซื้อ ทุ่มมันไปสุดตัวด้วยความมุ่งมั่น
เธอเริ่มจากการซื้อข้าวและลูกเดือยอย่างละ 100 กิโลกรัม และยังซื้อผักอีกหลายหลายชนิดเป็นจำนวน 50 กิโลกรัม หลังจากนั้นเธอก็ซื้อเมล็ดพันธุ์ผลไม้นานาชนิด และมุ่งหน้าไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของใช้ในบ้าน เช่น หม้อ พลั่ว น้ำมัน...
มันไม่ง่ายเลยที่จะซื้ออาหารปรุงสุกใหม่ในช่วงวันโลกาวินาศ ตอนนี้เธอมีทรัพยากรเหล่านี้แล้ว เธอจะไม่ปฏิบัติต่อตัวเองให้ดูซอมซ่อแบบนั้นอีก
กระดาษชำระ มีแล้ว
‘ในช่วงโลกาวินาศ ทุกคนต้องใช้ใบไม้ทำความสะอาดตัวเอง เพราะฉะนั้นนี่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องซื้อ’
แชมพู มีแล้ว
เสื้อผ้าประเภทต่าง ๆ มีแล้ว
น้ำเป็นสิ่งที่สำคัญมากในช่วงโลกาวินาศ เพราะแหล่งน้ำส่วนใหญปนเปื้อนมลพิษและไม่ปลอดภัยต่อการบริโภคของมนุษย์ ทำให้ประชาชนต้องพึ่งพาผู้ใช้ความสามารถทางน้ำเพียงอย่างเดียว ฉินอีกวาดขวดน้ำทั้งหมดลงจากชั้นวางโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ขนาดคนประเภทที่ไม่ชอบออกมาชอปปิงอย่างฉินอีก็ยังรู้สึกถึงความสุขบางอย่างจากการสิ่งเหล่านี้ ในที่สุด รอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของเธอ แม้จะตรงข้ามกับใบหน้าของผู้คนรอบตัวเธอที่ดูตกอกตกใจ ผู้ช่วยร้านค้าช่วยอำนวยความสะดวกส่งสินค้าไปให้ที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ
ฉินอีใช้เงินไปครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดที่มีไปกับการซื้อของรอบนี้ รู้สึกหิวขึ้นมาซะแล้ว เธอตัดสินใจว่าจะไม่ใจร้ายกับตัวเองอีก เธอเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พร้อมจะเพลิดเพลินกับอาหารกลางวันของเธอ
เมื่อซุปปลาพริกผักกาดดองหม้อไฟที่มีกลิ่นหอมอบอวลถูกนำขึ้นมาเสิร์ฟ ฉินอีก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ถือเป็นเรื่องยากมากทีเดียวที่จะกินได้อาหารจานเด็ดแบบนี้ในช่วงโลกาวินาศ กินมันเลยดีกว่า เธอวางแผนการเดินทางในช่วงบ่ายขณะที่กินอาหารทั้งหมดจนเกลี้ยง
เธอมีข้าวกับผักมากจนเพียงพอแล้ว และเธอก็มีพื้นที่เพียงพอให้เมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ เหล่านั้นเติบโตขึ้นได้ เธอจึงไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นแล้ว และเธอก็ยังมีสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันพร้อมแล้วด้วย แล้วถ้าเกิดมันไม่พอขึ้นมา เธอก็ยังสามารถไปซื้อมาเพิ่มได้ในช่วงโลกาวินาศ