ตอนที่ 66 ความลับ
"แต่ว่า นายหญิงน้อย เรื่องซุบซิบที่ฉันจะเล่าให้คุณฟังต่อจากนี้ คุณจะต้องไม่ถามอะไรมากนะคะ แค่ฟังไว้ก็พอ"
ชั่วขณะนั้น รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหมั่นโถว มีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่เข้าใจรอยยิ้มนี้ ผู้ชายไม่ชอบการนินทา หากแต่ผู้หญิงเกิดมาเพื่อซุบซิบนินทา
"พูดมาซิ"
“ฉันได้ยินมาว่า ในตอนนั้นคุณพ่อ และอารองของนายน้อยตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน ทว่าท้ายสุดผู้หญิงคนนั้นก็เลือกคุณพ่อของนายน้อย และนั่นทำให้อารองผิดใจกับคุณพ่อของนายน้อย ...”
“ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่แม่ของมู่เฉินฮ่าวหรอกใช่มั้ย ?”
"ดูเหมือนจะใช่"
ริมฝีปากของเซี่ยฉิงกงยกโค้ง ตอนนั้นแม่ของมู่เฉินฮ่าวคงจะเป็นคนที่อารมณ์ดีเอามาก ๆ เหลือเชื่อจริง ๆ
"อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นครอบครัวของคุณนายซิงก็เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของนครเซี่ยงไฮ้ด้วยเช่นกัน ... นายหญิงน้อย คุณเข้าใจใช่มั้ยคะ ?"
แน่นอนว่าเซี่ยฉิงกงเข้าใจได้ทันที
คาดว่า สองพี่น้องคงมองเห็นความสามารถของตระกูลซิงว่าจะช่วยสนับสนุนตระกูลมู่ได้ ด้วยเหตุนี้ทั้งคู่จึงพยายามที่จะเอาชนะใจซิงเหวินจิ้ง
หลังจากซุบซิบกันได้สักพัก ภาพของมู่เฉินฮ่าวพลันปรากฏขึ้นในใจของเซี่ยฉิงกง
“ว่าแต่ นายน้อยของเธอได้บอกไว้รึเปล่าว่า วันนี้จะกลับมาเมื่อไหร่ ?”
"เอ่อ... นายน้อยบอกว่า วันนี้จะกลับมารับประทานอาหารกลางวัน" หมั่นโถวพยักหน้า
“งั้น เธอช่วยไปตลาดสดกับฉันหน่อยได้มั้ย ? ฉันอยากทำซุปบำรุงโลหิตให้นายน้อยของเธอสักหน่อย”
แม้ว่ามู่เฉินฮ่าว และเซี่ยฉิงกงต่างก็มีบาดแผลบนแขนเหมือนกัน หากแต่เซี่ยฉิงกงมีเพียงรอยมีด ขณะที่มู่เฉินฮ่าวถูกกระสุนเจาะเข้าเนื้อโดยตรง ซึ่งร้ายแรงกว่าเซี่ยฉิงกงมาก
"ได้ค่ะ"
หมั่นโถวพยักหน้า เธอรีบออกไปที่โรงรถ เพื่อขับรถมารับเซียฉิงกง
อีกด้านหนึ่งของบ้านสกุลมู่
เมื่อวานนี้ ฉีเหยียนเอ๋อกลับมาที่บ้านสกุลมู่พร้อมกับซิงเหวินจิ้ง
ตระกูลมู่ และตระกูลฉีมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาก ดังนั้นฉีเหยียนเอ๋อจึงได้รับการปฏิบัติดูแลอย่างดีที่นี่ และมู่จื่อหมิงก็ได้รับยกย่องให้เป็นพ่อบุญธรรมของฉีเหยียนเอ๋อด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิบัติต่อกันด้วยความสนิทสนม
เนื่องจากมู่เฉินฮ่าวไม่ได้กลับมาที่บ้านมู่เป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นจึงต้องทำความสะอาดห้องนอนของมู่เฉินฮ่าวใหม่อีกครั้ง
เพราะครั้งนี้เมื่อมาถึงบ้านสกุลมู่ ฉีเหยียนเอ๋อก็ขออนุญาตซิงเหวินจิ้งนอนพักในห้องของมู่เฉินฮ่าว เธอนอนบนเตียงที่มู่เฉินฮ่าวเคยนอน
ซิงเหวินจิ้งรู้สึกสงสารฉีเหยียนเอ๋อ เธอจึงยอมรับปาก โดยไม่ปรึกษามู่จื่อหมิง
ฉีเหยียนเอ๋อนอนตัวสั่นบนเตียงที่มู่เฉินฮ่าวเคยนอน หากแต่เธอกลับนอนไม่หลับทั้งคืนด้วยความตื่นเต้น เธอสูดลมหายใจดมกลิ่นบนผ้าห่มจนเต็มปอดพลางหลับตา เธอรู้สึกราวกับว่ามู่เฉินฮ่าวมานอนอยู่เคียงข้างเธอทั้งคืน
ความรู้สึกนั้น ทำให้ฉีเหยียนเอ๋อสาบานกับตนเองว่า เธอจะต้องได้ครอบครองมู่เฉินฮ่าว
น่าเสียดายที่มู่เฉินฮ่าวไม่ได้พักอาศัยอยู่ในห้องนี้มานานกว่าครึ่งปีแล้ว ชุดเครื่องนอน ผ้าปูที่นอน และแม้แต่ผ้าม่านก็ถูกเปลี่ยนเป็นผืนใหม่ทั้งหมด
ลมหายใจที่ฉีเหยียนเอ๋อนึกว่าเป็นของมู่เฉินฮ่าวก็ไม่ใช่อะไร นอกเสียจากเธอมโนไปเองล้วน ๆ
ให้สาสมใจที่ต้องจากเขาไปเรียนต่อที่อังกฤษถึงสามปี
การนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน ส่งผลให้ฉีเหยียนเอ๋อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกับรอยดำขนาดใหญ่ใต้ดวงตา หากแต่ด้วยการแต่งหน้าอย่างประณีต ก็ทำให้เธอแลดูดีขึ้น
ฉีเหยียนเอ๋อลงไปชั้นล่าง เธอเห็นเพียงซิงเหวินจิ้งนั่งกินอาหารเช้าอยู่คนเดียว เธอจึงยิ้มพลางถามว่า
"แม่บุญธรรม ทำไมกินอาหารเช้าคนเดียวล่ะคะ แล้วพ่อบุญธรรมล่ะ ?"
"ช่วงนี้พ่อบุญธรรมของหนูมัวแต่หมกหมุ่นอยู่กับการตกปลา เขาออกไปตั้งแต่เช้าโน่นแน่ะ กว่าจะกลับอย่างน้อยก็คงเที่ยง หนูรีบมากินอาหารเช้ากันเถอะ วันนี้แม่สั่งให้พ่อครัวของแม่เตรียมอาหารเช้าที่หนูชื่นชอบไว้ด้วยนะ"
ซิงเหวินจิ้งยิ้มพลางเอียงศีรษะไปมา
เนื่องจากตำแหน่งประธานกลุ่มธุรกิจได้ถูกส่งมอบให้กับมู่เฉินฮ่าวแล้ว มู่จื่อหมิงจึงใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์สบาย ๆ ตกปลา ปีนเขา เดินทางท่องเที่ยว ตามแต่ที่เขาจะสนใจได้อย่างสบายใจ
ฉีเหยียนเอ๋อยิ้มอย่างฝืน ๆ พลางพยักหน้า
"ขอบคุณค่ะ แม่บุญธรรม"
ซิงเหวินจิ้งมองใบหน้าที่ซีดเซียวของฉีเหยียนเอ๋อ เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
"มีอะไรหรือ ? ทำไมหน้าหนูถึงได้ดูแย่ขนาดนี้ ? เมื่อคืนหนูนอนไม่หลับงั้นหรือ ?"
***จบตอน ความลับ***