ตอนที่ 653 แรงกดดัน
ตอนที่ 653 แรงกดดัน
"จงออกไปซะ"
มู่อี้รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาและในตอนนี้เจตจำนงทั้ง 3 ธาตุก็ได้ส่งพลังให้กับเขา นี่ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด ในตอนนี้มู่อี้ก็รู้สึกได้ว่าพลังแห่งเจตจำนงของเขาเพิ่มสูงยิ่งกว่าผู้ใดในโลกใบนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลไม่ว่าศัตรูจะเป็นใครเขาก็สามารถเอาชนะได้
เมื่อมองกลับไปยังน้ำวนอีกครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงเหมือนเดิมราวกับว่ามันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
แต่ในตอนนั้นเองน้ำวนก็หยุดเคลื่อนไหวและมีพลังที่ควบเป็นกำปั้นที่พุ่งออกมาจากใจกลางของน้ำวนนั้น ทั่วทั้งโลกดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยพลังของกำปั้นนี้รวมไปถึงร่างกายของมู่อี้ก็ด้วยเช่นกัน ปีกแห่งวิหคเพลิงที่อยู่ด้านหลังของเขากระพือปีกอย่างบ้าคลั่ง เขาเงยหน้าขึ้นมาและจ้องมองไปยังกำปั้นที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตนเอง
"เจตจำนงแห่งสายฟ้า"
มู่อี้ร้องตะโกนขึ้นมาในใจ ทันใดนั้นทั่วทั้งโลกก็ดูเหมือนจะสว่างไสวขึ้นมาและร่างของมู่อี้ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าทันที หลังจากนั้นเขาก็พุ่งตรงเข้าไปปะทะกับกำปั้นของศัตรู
"ตู้ม!"
เสียงฟ้าผ่ากึกก้องไปทั่วแต่หลังจากนั้นร่างของมู่อี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ปีกแห่งวิหคเพลิงที่อยู่ด้านหลังของเขาดูเหมือนจะหายไปแล้วและร่างกายของเขาก็กระเด็นออกไป ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวและมีคราบเลือดปรากฏให้เห็นที่มุมปาก เห็นได้ชัดว่าการปะทะกันก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ส่วนกำปั้นที่พุ่งเข้ามานั้นพลังของมันถูกลดทอนลงไปแต่ก็ยังไม่หายไป มันจะคงพุ่งเข้ามาหามู่อี้อย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าหากมู่อี้ยังไม่ตายมันคงไม่เลิกราแน่นอน
หยวนเฉิงก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วจ้องมองมาที่มู่อี้ มันอยากจะเห็นความตายของมู่อี้ยิ่งนัก แต่ในตอนนี้มู่อี้ก็ระเบิดเปลวเพลิงสีน้ำเงินออกมาทันที ทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปเป็นวิหคเพลิงขนาดใหญ่แล้วจากนั้นก็พุ่งเข้าปะทะกับกำปั้นอีกครั้ง
"ตู้ม!"
แรงระเบิดเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องของวิหค วิหคเพลิงหายไปทันทีและเปลวเพลิงทั้งหมดก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
เมื่อวิหคเพลิงหายไปนั้นร่างของมู่อี้ ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าสภาพของเขาในตอนนี้จะดูย่ำแย่ยิ่งกว่าก่อนหน้านี้แต่สายตาของเขาก็ยังคงจ้องมองไปยังกำปั้นที่กำลังพุ่งเข้ามา ถึงแม้ว่าพลังของกำปั้นนั้นจะถูกลดทอนลงไปมากแล้วแต่มันก็ยังมากพอที่จะสังหารเขา
ในตอนนี้มู่อี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่เขาก็เข้าใจดีว่าพลังของตัวตนระดับราชันที่แท้จริงยังไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเอาชนะได้เลย
"ทำเช่นไรดี? หรือต้องใช้สิ่งของช่วยชีวิตที่ได้มาจากผู้อาวุโสจิงตอนนี้เลย?" มู่อี้พยายามใช้ความคิดแบบถึงที่สุด เขาเชื่อว่าตราบใดที่ตัวเองใช้กระดาษแผ่นนั้นออกมาเขาย่อมสามารถหยุดกำปั้นที่พุ่งเข้ามาได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็หมายความว่าครั้งแรกที่เขาได้ปะทะกับพลังของตัวตนระดับราชันที่แท้จริงจบลงด้วยความล้มเหลวและความพ่ายแพ้ของเขา
หากไม่ถึงแก่ชีวิตจริงๆเขาก็ไม่คิดที่จะหนีปัญหา ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าหากเขาหนีปัญหาในครั้งนี้หากครั้งต่อไปที่เขาได้เจอปัญหาเช่นนี้อีกคงยากที่เขาจะกล้าเผชิญหน้ากับมันได้และเขาคงต้องหนีต่อไปเรื่อยๆ
ดังนั้นความคิดที่จะใช้สิ่งของช่วยชีวิตที่ได้มาจากผู้อาวุโสจิงจึงถูกปัดตกไปและมู่อี้ก็ปฏิเสธตัวเองอีกหลายครั้ง ในเมื่อตัดสินใจได้เช่นนี้แล้วเขาก็ต้องพึ่งพาพลังของตนเองเพื่อรับมือกับกำปั้นที่พุ่งเข้ามาเท่านั้น เจตจำนงแห่งสายฟ้าและเจตจำนงแห่งไฟที่เขาใช้ไปก่อนหน้านี้ล้มเหลวและเจตจำนงแห่งน้ำก็น่าจะล้มเหลวด้วยเช่นกัน ผลลัพธ์มันก็ออกมาแล้วในตอนนี้
ไร้ประโยชน์····
สายตาของมู่อี้เป็นประกายขึ้นมาอีกครั้งและยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตมากเท่าไหร่จิตใจของเขาก็ยิ่งสงบนิ่งมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้เขาไม่ได้ตื่นตระหนกและหวาดกลัว จิตใจของเขาก็สงบนิ่งยิ่งกว่าสถานการณ์ปกติเสียอีก
"ฟู่ว!"
เสียงของสายน้ำที่หลั่งไหลออกมากระจายไปทั่วพื้นที่บริเวณนี้ และสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ารอบๆตัวของมู่อี้มีคลื่นพลังที่ปรากฏออกมา
จากนั้นเปลวเพลิงก็ปรากฏขึ้นบนไหล่ทั้งสองข้างของเขาและบนศีรษะของเขาและพลังในร่างกายของเขาก็เริ่มรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จากนั้นเจตจำนงแห่งน้ำและไฟก็ปะทะกันอย่างรุนแรง
"เจตจำนงแห่งน้ำและไฟหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน!"
ภายใต้แรงกดดันของตัวตนระดับราชันที่แท้จริง มู่อี้ก็เลือกเดินในเส้นทางที่ยากที่สุดและอันตรายมากที่สุด หากการหลอมรวมเจตจำนงแห่งน้ำและไฟในครั้งนี้ทำได้สำเร็จเขาก็จะสามารถรับพลังของกำปั้นพี่เพิ่งเข้ามาได้แต่ถ้าหากมันล้มเหลวนั่นอาจจะหมายถึงจุดจบของเขาด้วยเช่นกัน
แม้ว่ามู่อี้มีทางเลือกที่ดีกว่านี้มากมายแต่เขาก็เลือกที่จะหลอมรวมเจตจำนงแห่งน้ำและไฟ เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว อันตรายและโอกาสมาพร้อมกันเสมอ ในตอนนั้นเขาสามารถหลอมรวมเจตจำนงแห่งน้ำและไฟได้สำเร็จภายในทะเลเลือดเมื่อต้องปะทะกับมนุษย์เลือดเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันคนเราจะสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากกำจัดความลังเลใจทั้งหมดออกไปแล้วจิตใจของมู่อี้ก็สงบลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่ได้คิดถึงโอกาสที่มันจะล้มเหลวด้วยซ้ำพลังของทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยอยู่ในร่างกายของเขาก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้วเหลือเพียงแค่เจตจำนงแห่งน้ำและไฟเท่านั้น
ความจริงแล้วนับตั้งแต่เมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าของเขาได้กลืนกินพลังของเจตจำนงแห่งน้ำและไฟเข้าไป เขาก็สามารถควบคุมพลังของเจตจำนงธาตุต่างๆในร่างกายได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเขาก็ไม่เคยหลอมรวมเจตจำนงแห่งน้ำและไฟหรือเจตจำนงธาตุอื่นๆสำเร็จมาก่อนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจตจำนงแห่งน้ำและไฟทั้งสองอย่างนี้ดูเหมือนว่าต้องใช้ความอดทนและต้องใช้โอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ชีวิตและความตายนั้นเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกหวาดกลัวต่อความตายของตนเอง แต่ทุกๆครั้งที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้เขารู้สึกว่าตนเองสามารถตายได้ตลอดเวลาและสถานการณ์เช่นนี้ก็เป็นตัวกระตุ้นศักยภาพที่ซ่อนเร้นในร่างกายของเขาได้เป็นอย่างดี
คลื่นพลังอันมหาศาลที่เขาได้สะสมมาโดยตลอดโคจรอยู่ภายในร่างกายของมู่อี้ เคล็ดกายาเต๋าอมตะก็ถูกรีดเร้นพลังจนถึงจุดสูงสุดด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกันอักขระวิญญาณตัวเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมา พวกมันเริ่มรวมตัวกันจนหนาแน่นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
อักขระวิญญาณตัวเล็กๆเหล่านี้เคลื่อนตัวอยู่ภายในเส้นเลือดของเขาและทำให้พลังในร่างกายของเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ในตอนที่กำปั้นนั้นเข้ามาใกล้มู่อี้รู้สึกราวกับว่าทั่วทั้งโลกกำลังถล่มลงมาบีบรัดร่างกายของเขาเอาไว้ มันทำให้เขารู้สึกอยากจะหนีไปให้ไกลมากที่สุด แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะดูเชื่องช้าแต่ในสายตาของปีศาจที่อยู่ด้านล่างพวกมันเห็นเป็นเงาและแสงสว่างที่เกิดขึ้นมาจากนั้นก็มีกำปั้นที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วและกำปั้นที่พุ่งออกมานั้นก็ทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
แม้ว่ากำปั้นนี้จะไม่ได้พุ่งเข้ามาหาพวกมันแต่เพียงแค่รู้สึกได้ถึงพลังก็มากพอแล้วที่จะทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัวจากใจจริง แม้แต่ปีศาจระดับจ่าฝูงบางตัวก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวจนถึงแก่ความตาย
ในสายตาของตัวระดับราชันปีศาจระดับจ่าฝูงย่อมไม่ต่างอะไรจากมดปลวกตัวหนึ่ง
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันเช่นนี้มู่อี้ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเจตจำนงแห่งน้ำและไฟของเขาเริ่มมีการหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว
"ยังไม่พอ มันยังไม่พอ" มู่อี้ตะโกนออกมาในใจของตนเอง ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาทำจะได้ผลจริงๆ ตราบใดที่มีแรงกดดันมากพอเจตจำนงแห่งน้ำและไฟจะสามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้แน่นอน
แม้ว่าภายในจิตใจของเขาจะคิดเช่นนั้นแต่ในโลกภายนอกแรงกดดันมหาศาลกำลังกดทับลงมาบนร่างกายของเขา เสียงกระดูกภายในร่างกายของเขาที่ถูกบีบรัดจนดังขึ้นมาอย่างชัดเจนและเคล็ดกายาเต๋าอมตะบนร่างกายของเขาก็โคจรอย่างบ้าคลั่งเพื่อปกป้องร่างกายของเขาไม่ให้ถึงแก่ความตาย
ด้วยแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นการหลอมรวมเจตจำนงแห่งน้ำและไฟก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มู่อี้ได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ ได้ยินเสียงของเลือดที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ได้ยินเสียงของพลังที่โคจรไปมาในร่างกายของเขา และยังได้ยินแม้แต่เสียงของเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าด้วยเช่นกัน
ฝากกดไลก์ กดติดตาม Facebook ของเราด้วยนะครับ https://www.facebook.com/HeavenlyCurseTH
ลงนิยายวันอังคาร-วันอาทิตย์(งดวันจันทร์) เวลา 12.00 น. และ 20.00 น. วันละ 2 ตอนครับ ขอบคุณครับ