ตอนที่ 6
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าตั้งแต่เด็ก ลู่หนานหยุนนั้นเป็นคนที่ควบคุมใบหน้าเก่งมาโดยตลอด
ทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณแม่ของเขาที่เป็นนักเต้นมากฝีมือ เขาได้รับการร่ำเรียนทักษะชั้นสูงมากมายตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ซึ่งนำไปสู่สไตล์การแต่งตัวในช่วงอนุบาลและเขาชอบสิ่งที่สวยงามมากเป็นพิเศษ
เมื่อเขาได้เจอจีเจ๋อหยูเป็นครั้งแรก เขาก็อดทึ่งกับหน้าตาที่สวยงามของเขาไม่ได้
น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงแวบแรก หลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ว่าจีเจ๋อหยูมีดีแค่หน้าตาแต่ไม่น่าดึงดูด
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ลู่หนานหยุนไม่เคยเจอใครที่จะทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงได้ในชีวิต นอกจากความสวยงามแล้ว ความสวยงามที่เหนือกว่าคือเสน่ห์
จีเจ๋อหยูนั้นไม่มีเสน่ห์เลย
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ เด็กหนุ่มภายใต้แสงไฟเปรียบเสมือนงานศิลปะ ทุกรายละเอียดล้วนสวยงามและคู่ควร
ใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบเต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์ ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลงเมื่อดื่มน้ำ รวมกับหน้าอกที่กระเพื่อมจากการหายใจหอบเบาๆ…
แล้วก็เอวบางๆนั่น
สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้กระตุ้นพลังบางอย่างของลู่หนานหยุนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
และคำว่า "เซ็กซี่" เป็นคำเดียวที่เขาคิดออกในตอนนี้
ลู่หนานหยุนกำลังรู้สึกว่าว่าเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
จีเจ๋อหยูดื่มน้ำและถอนหายใจด้วยความโล่งอก กล้ามเนื้อของเขาผ่อนคลายจากสภาพที่เขาเพิ่งเต้นเสร็จ และความเจ็บปวดก็แทรกซึมเข้ามาแทนที่ ทำให้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าร่างกายนี้ไม่ได้ฝึกเต้นมากเท่าไหร่
ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากทางประตูจึงเงยหน้าขึ้นมอง แต่เห็นเพียงหลังไวๆแวบผ่านไป
คล้ายๆ...ลู่หนานหยุน?
สงสัยว่าเขาคงจะคิดมากเกินไป ลู่หนานหยุนจะหลบเขาแล้วมาแอบดูเขาซ้อมได้ยังไง
เมื่อจีเจ๋อหยูออกจากห้องซ้อมและกลับไปที่หอพัก เพื่อนร่วมห้องของเขาเกือบทั้งหมดหลับไปแล้ว เหลือเพียงฉีอ่าวตงเท่านั้นที่ยังคงทบทวนโน้ตเพลงโดยเปิดไฟสลัวไว้ ราวกับว่าเขายังคงคิดเกี่ยวกับการแสดงอยู่
เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งวันก่อนการแสดงดังนั้นถึงได้ยิ่งเครียดสินะ จีเจ๋อหยูคิดอย่างนั้น
เมื่อจีเจ๋อหยูเข้ามาที่ประตูแล้ว สายตาของฉีอ่าวตงก็ขยับออกจากโน๊ตเพลงอย่างรวดเร็วและมองไปที่ร่างเพรียวในความมืด เขารีบลุกจากเตียงและหยิบโคมไฟขึ้นมาเพื่อให้แสงสว่างแก่จีเจ๋อหยู
“ไม่นอนดึกไปหน่อยเหรอ?” จีเจ๋อหยูหยิบเสื้อผ้าของเขาและเตรียมจะไปอาบน้ำและถามฉีอ่าวตงด้วยเสียงเบาๆ" ไม่ต้องกังวลกับการแสดงหรอก กลุ่มของเราทำได้ดีมากแล้ว"
ฉีอ่าวตงพยักหน้าและพูดด้วยเสียงเบาตอบกลับ " ผมรู้แล้ว คุณก็ควรรีบพักเหมือนกัน" ภายใต้แสงสีเหลืองละมุน นัยน์ตาที่เย็นชาของเขาพลันอบอุ่นขึ้นตาม
จีเจ๋อหยูคิดว่าคนตรงหน้าเหมือนพี่ชายของเขา แม้ว่าปกติแล้วอีกฝ่ายจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ทุกท่าทางก็มีเหตุมีผลเสมอเมื่อทำสิ่งต่างๆ เขาอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นและพูดกับอีกฝ่ายว่า " ขอบคุณนะเสี่ยวตง"
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกฉีอ่าวตงด้วยชื่อ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะตกใจแล้วเขาก็หัวเราะ และยิ้มเบาๆด้วยความปิติยินดี
จีเจ๋อหยูมีความสุขมากที่ได้เปลี่ยนคนที่ไม่ชอบเขาในหนังสือต้นฉบับให้มาเป็นเพื่อนได้
ในเวลาเดียวกันนั้น
หลังจากที่ลู่หนานหยุนออกจากสตูดิโอซ้อมแล้วเขาก็เม้มริมฝีปากแน่นตลอดทาง เขาขมวดคิ้วและคิดคำถามต่อไปว่า ตอนนี้เขามีอาการประสาทหลอนหรือเปล่า?
เขาดันคิดว่าจีเจ๋อหยูเซ็กซี่…
เป็นไปได้ยังไง?
จู่ๆลู่หนานหยุนก็สังเกตเห็นว่านิ้วของเขาบีบแน่นโดยไม่รู้ตัว และฝ่ามือก็ชื้นเหงื่อเล็กน้อย
ภาพหลอนแน่ๆ
มันต้องเป็นภาพลวงตา
หลังจากอาบน้ำเย็นไปแล้ว ลู่หนานหยุนก็นอนอยู่บนเตียง เขาพยายามไม่คิดเรื่องนี้
ไม่รู้ว่ามันเป็นสาเหตุของการสะกดจิตตัวเองหรือเปล่า เมื่อลู่หนานหยุนตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็นึกถึงฉากที่เขาเห็นเมื่อคืนนี้ แต่ไม่สามารถบอกได้จริงๆว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือความจริงกันแน่
เป็นเพราะฉันเหนื่อยมากจนฝันประหลาดหรือเปล่า?
ท้ายที่สุด... ความสามารถในการเต้นของจีเจ๋อหยูจะดีขนาดนี้ได้ยังไง?
ถึงจะบอกไปอย่างนั้น ในใจของลู่หนานหยุน็ยังนึกถึงท่าทางของเด็กหนุ่ม ท่วงท่านั้นจริงเกินไปและทำให้เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นานลู่หนานหยุนก็ถามไป่เซิงเจี๋ยที่อยู่หอเดียวกันว่า " เสี่ยวไป่ ฉันถามไรนายอย่างสิ "
ไป่เซิงเจี๋ยเพิ่งจะตื่นมือยังกิดหมอนอยู่ เขาขยี้ตาแล้วถามอย่างงัวเงีย “มีอะไรเหรอ?”
ลู่หนานหยุนถามอย่างจริงจัง: " ไม่กี่วันมานี้ จีเจ๋อหยูเต้นเก่งขึ้นหรือเปล่า?
ทางไป่เซิงเจี๋ยเมื่อได้ยิน เขาก็ตื่นขึ้นมาเต็มตาทันทีและมองไปที่ลู่หนานหยุนอย่างเหลือเชื่อ...เขาถามถึงจีเจ๋อหยูงั้นเหรอ?
หลังจากนั้นไม่นานไป่เซิงเจี๋ยก็หายจากอาการช็อก แล้วตอบกลับอย่างตะกุกตะกักว่า “เขา เขา เขายังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลยครับ”
ลู่หนานหยุนโล่งอกพร้อมถอนหายใจ
มันเป็นความฝันจริงๆสินะ
มันก็แค่...แม้ว่ามันจะเป็นความฝัน แต่เขาก็ยังรู้สึกสั่นเมื่อคิดถึงรูปร่างของจีเจ๋อหยู
ลู่หนานหยุนคิดว่าเขาคงเหนื่อยเกินไปจนฝันแบบนี้ได้ ดูเหมือนว่าคืนนี้เขาต้องรีบนอนซะแล้ว
ไป่เซิงเจี๋ยเองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ทักษะการเต้นของจีเจ๋อหยูคงต้องบอกว่าก้าวกระโดดเท่านั้น ทุกคนในกลุ่มตกใจกับการแสดงของเขามาก—
อะไรคือขยะประจำรายการ? แล้วเรือบรรทุกเครื่องบินะ??
ถึงอย่างนั้นจีเจ๋อหยูก็ได้ขอให้พวกเขาเก็บความคืบหน้าของกลุ่มไว้เป็นความลับ ไม่ว่าใครจะถามพวกเขา
ที่จีเจ๋อหยูพูดแบบนี้ก็เพราะเขาไปดูการเต้นของวง Look At Me Now ทีมA ในวันนั้น แม้ว่าถังเจินและคนอื่นๆจะทำได้ดี แต่ฝั่งนั้นก็ประเมินศัตรูต่ำไป มันจะง่ายกว่าถ้าทำให้พวกเขาคิดแบบนั้นจนแพ้ภัยตัวเอง
ดังนั้นเมื่อลู่หนานหยุนถามถึงความก้าวหน้าของจีเจ๋อหยูขึ้นมา ตอนแรกไป่เซิงเจี๋ยก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นจึงปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาตามที่จีเจ๋อหยูขอไว้
ตอนนี้ก็เข้าสู่การนับถอยหลัง 24 ชั่วโมงสุดท้าย
หลังจากดูการแสดงของกลุ่มบี ครูสอนเต้นหนานหลินก็ตกใจอ้าปากค้างเป็นเวลานาน
เธอก็มองไปที่จีเจ๋อหยูอย่างงุนงงและถามอย่างเหลือเชื่อ " เจ๋อหยู...เธอคือจีเจ๋อหยูจริงๆใช่ไหม?"
" แน่นอนว่าต้องเป็นผมอยู่แล้วครับ" จีเจ๋อหยูเผยรอยยิ้มที่หล่อเหลาและมั่นใจ " ดูไม่เหมือนเหรอครับ?"
“มันจะไปเหมือนได้ยังไง!” หนานหลินรู้สึกว่าเธออาจจะกำลังฝันอยู่ " ทำไมเธอพัฒนาขึ้นเร็วขนาดนี้!"
จีเจ๋อหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น " เพื่อช่วยให้เพื่อนไม่เหนื่อยเวลาลากผมขึ้นฝั่งยังไงล่ะครับ "
หนานหลินตกตะลึง เธอต้องการจะบอกว่า ด้วยทักษะในตอนนี้ของจีเจ๋อหยู การลากเพื่อนร่วมทีมอีก 5 คนขึ้นฝั่งด้วยหลังมือยังไม่เป็นปัญหาเลย!!
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมจีเจ๋อหยูถึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็วขนาดนี้ แต่เธอมีลางสังหรณ์ว่า... หลังจากการแสดงครั้งนี้จบลง การจัดอันดับปัจจุบันจะต้องเปลี่ยนไปอย่างมากอย่างแน่นอน
วันแสดง
ทางรายการให้ผู้เข้าแข่งขั้นขึ้นซ้อมบนเวทีด้วยชุดจริงก่อนการแสดง
สถานที่ถ่ายทำอยู่ในสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับผู้คนได้หลายพันคน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของรายการที่มีเงินล้นเหลือ
ด้านนอกสนามนั้นทยอยมีแฟนๆมาถึงกันแล้ว พวกเขาพกป้ายไฟเขามา และกระเช้าดอกไม้ถูกส่งไปยังทางเข้าสนามกีฬา โดยวางไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดอย่างมีระเบียบ
“โอ้ยย ตื่นเต้นมากอ่า จะแสดงครั้งแรกแล้ว!”
" พอคิดว่าจะได้เจออี้เฉิน ฉันก็หายใจไม่ออกแล้ว "
" โปสเตอร์สนับสนุนของหนานหยุนดีมากเลย! ฉันอยากถ่ายรูปกับเขา!"
“กลุ่มแฟนคลับสนับสนุนของเสี่ยวฮ่วย ฉันต้องการป้ายไฟ…”
แม้ว่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะมีทีมงานเตรียมของไว้ให้แล้ว แต่แฟนๆที่อดกลั้นมานานก็มีกลุ่มแฟนคลับสนับสนุนเริ่มดำเนินการและแจกจ่ายตัวช่วยแก่แฟนๆของพวกเขาอีก
เจียงลี่เป็นแฟนตัวยงของจีเจ๋อหยู เดิมทีเธอชอบหน้าตาของจีเจ๋อหยูมาก และไปดูรายการที่ถ่ายทำพิเศษครั้งล่าสุด พอหลังจากไปดูครั้งนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะหลงใหลในเสน่ห์บนเวทีของจีเจ๋อหยูเข้าอย่างจัง
เพื่อนของเจียงลี่ต่างบอกว่าเธอบ้าไปแล้วที่บอกว่าจีเจ๋อหยูมีเสน่ห์บนเวที
เจียงลี่โกรธจัดและตั้งกลุ่มแฟนคลับของจีเจ๋อหยูขึ้นมา และสาบานว่าจะเปลี่ยนทัศนคติของทุกคนที่มีต่อจีเจ๋อหยูให้ได้
ชื่อกลุ่มแฟนคลับของเธอคือ "DazzlingSeason" ซึ่งแปลว่า "ฤดูกาลสว่างไสว" เนื่องจากชื่อที่ดีและรูปถ่ายอันหล่อเหลาที่เธอถ่ายได้ มันจึงดึงดูดแฟนๆจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียงสามวัน ทุกคนเรียกเธอว่าเฉียนเจี่ย (พี่สาวสว่างไสว) เธอเลยได้ตั๋วพิเศษมาจากผู้สนับสนุน
เจียงลี่มาที่บูธของแฟนคลับจีเจ๋อหยูโดยถือกล้องไว้ข้างหลัง เธอได้รับริสแบนด์และผ้าคาดหัว มันน่ารักมากเพราะเป็นภาพการ์ตูนของจีเจ๋อหยู ในตอนนั้นเอง เธอก็ได้ยินใครบางคนถอนหายใจด้วยอารมณ์ว่า "อุปกรณ์เชียร์ของเรามีคุณภาพดีเกินไปหรือเปล่า มันจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากใช่ไหม?"
“ไม่กี่วันก่อน มีผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งที่ให้เงินเป็นจำนวนมากมาสมทบทุน” สมาชิกของกลุ่มแฟนคลับกระซิบต่อว่า " ผู้ชายคนนั้นบอกเราว่าการเชียร์ของเสี่ยวหยูจะต้องผ่านไปด้วยดี"
เจียงลี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีกับจีเจ๋อหยู เป็นการดีที่ได้เจอแฟนคลับกระเป๋าหนักแบบนี้
ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีรถคันหรูมาจอดอยู่ด้านนอกสนามกีฬา ปรากฏผู้หญิงวัยกลางคนดูร่าเริงลงมาจากรถ เธอสวมเสื้อยืดเรียบง่ายและกางเกงยีนส์ พร้อมสวมแว่นกันแดดทรงกว้าง แต่ไม่สามารถปกปิดภาพลักษณ์อันน่าทึ่งของเธอได้ ดึงดูดสายตานับไม่ถ้วนได้ทันที
ผู้หญิงคนนั้นมองไปรอบๆ ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ผ้าคาดหัวบนหัวของเจียงลี่ เธอเดินเข้าไปหาและถามว่า " สาวน้อย ถ้าได้รับของเชียร์จากตรงไหน?"
"คุณก็เป็นแฟนคลับของเสี่ยวหยูด้วยหรอคะ?" เจียงลี่ตกใจกับรัศมีของเธอและรีบชี้ไปที่บูธที่อยู่ไม่ไกลออกไป " ฉันเอามาจากตรงนั้นค่ะ ... "
พี่สาวคนสวยพยักหน้าและพูดว่า " ขอบใจนะ " แล้วเดินไปรับป้ายเชียร์ย่างมีความสุข สวมที่คาดผมแล้วเดินเข้าไปข้างในสนามกีฬา
ต่อจากนั้นก็มีรถสปอร์ตโดดเด่นอีกคันมาจอดอยู่ข้างๆสนามกีฬา เป็นชายหนุ่มสวมหน้ากากอนามัยลงมาจากรถ และดึงดูดสายตาทุกคนอีกครั้ง
ชายหนุ่มร่างสูงพร้อมกับร่างกายที่สมบูรณ์แบบ เขาแต่งตัวในชุดลำลองสีดำธรรมดา ดูจับต้องได้แต่ก็ดูเย็นชาเช่นกัน แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากากไว้และหันศีรษะไปมา จนไปรับของเชียร์จากบูธจีเจ๋อหยู
เจียงลี่อดไม่ได้ที่จะตะลึงรอสอง
แฟนคลับเดี๋ยวนี้...หน้าตาดีขนาดนี้เลยหรอ?
แล้วก็เป็นเหมือนเธอ ชอบจีเจ๋อหยูเหมือนกัน!
หลังจากที่ทั้งสองจากไปแล้ว คนอื่นๆต่างก็กระซิบกระซาบกัน
“สองคนนั้นเขาดูดีมาก เขาเป็นคนดังหรือเปล่า?”
"รถสปอร์ตสองคันนั้นก็ดูแพงมากด้วย..."
“ให้ตายสิ นี่ฉันกำลังเป็นแฟนคลับใครเนี่ย หยูเป่ามีเสน่ห์จริงๆ!”
ตอนนี้จีเจ๋อหยูกำลังแต่งหน้าอยู่ที่หลังเวที
ผู้จัดการหยุนเจี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องแต่งตัวและทักทายจีเจ๋อหยูและฉีอ่าวตงอย่างกระตือรือร้น เธอหวังว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการแสดงวันนี้
หลังจากนั้นหยุนเจี่ยก็ดึงจีเจ๋อหยูออกมาแล้วกระซิบกับเขาว่า " ฉันได้ยินจากประธานจีมาว่า พี่ชายคนรองกับพี่สาวคนที่สามของเธอมาเชียร์ด้วย ประธานค่อนข้างไม่ว่างในช่วงนี้ เขาเลยมาไม่ได้น่ะ ดังนั้นเขาเลยสนับสนุนเธอ บริจาคเงินเข้ากลุ่มแฟนคลับ ดังนั้นเธอต้องทำให้ดีและอย่าลืมคำพูดเหมือนที่เธอทำตอนการจัดอันดับเริ่มต้น”
จีเจ๋อหยูตกตะลึง
เขาไม่ได้คาดหวังว่าตระกูลจีจะทำเพื่อน้องชายขนาดนี้ ไม่เพียงแต่บริจาคเงินให้กับแฟนคลับเท่านั้น แต่ยังมาดูการแสดงด้วยตัวเองอีกด้วย
คุณรู้ไหมว่าพี่ชายของเขา จีเจ๋อเฟิงนั้นเป็นประธานของ Xingyu Entertainment พี่ชายคนที่สองของเขา จีซือเฉิงเป็นนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และพี่สาวคนที่สามของเขา จีหมิงหยุนเป็นดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่นแบรนด์ดัง...เวลาของพวกเขามีค่ามากกว่า จะปลีกตัวมาด้วยตัวของพวกเขาเอง!
" ไม่ห่วงนะครับ " เขาปลอบหยุนเจี่ย "ผมจะไม่ลืมคำพูด"
หยุนเจี่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ถือว่าฉันทำสำเร็จแล้ว ไม่แย่เลย”
เธอไม่ได้คาดหวังกับจีเจ๋อหยูมากนัก เพียงหวังว่าเขาจะสามารถแสดงให้เสร็จสมบูรณ์ได้ แม้ว่าเธอจะคิดว่านี่เป็นการท้าทายที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับเขาก็ตาม
เพียงไม่นานก็ถึงเวลาบันทึกรายการแล้ว
" สวัสดีครับแฟนคลับผู้สดใสทุกท่าน กระผมเฉินเหอ จะเป็นพิธีกรในค่ำคืนครับ " เฉินเหอเป็นนักร้องที่ได้รับความนิยมในวงการบันเทิงเมื่อไม่นานมานี้ และมีแฟนคลับมากมาย
หลังจากการเกริ่นนำไปสักพัก เฉินเหอก็เริ่มแนะนำกฎการแข่งขันของวันนี้
ผู้เข้าแข่งขันถูกแบ่งออกเป็น 16 กลุ่มและเล่น PK เป็นคู่ ผู้ชมต้องเลือกผู้ชนะ กลุ่มที่ชนะได้รับรางวัลด้วยคะแนนโหวต ผู้ที่มีจำนวนกดถูกใจส่วนตัวสูงสุดจะกลายเป็นเหมือนราชา ตำแหน่งราชามีทั้งหมด 3 ตำแหน่ง
" ทางด้านขวาของเวที มีเก้าอี้อยู่ 3 ตัวครับ " เฉินเหอกล่าวต่อว่า “หลังจากแต่ละรอบของ PK ผู้ที่มีจำนวนกดถูกในสูงสุดจะมีสิทธิ์นั่งบนเก้าอี้ มีสามที่เท่านั้น และทุกคนมีโอกาสได้นั่งบนนั้นครับ”
ปรากฏแสงไฟอยู่ทางด้านขวาของเวที และเก้าอี้สามตัวในสไตล์ของบัลลังก์ในยุคกลาง ตกแต่งด้วยสีทอง สีเงิน และสีทองแดง ภายใต้แสงสว่างนั้นเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
“หลังจากการแข่งขันทั้งหมดจบลง ผู้ที่นั่งบนเก้าอี้ทั้งสามตัวนี้จะเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนในค่ำคืนนี้ครับ” เฉินเหอมองผู้ชมด้วยรอยยิ้มลึกลับ "พวกคุณคิดว่าทั้งสามจะเป็นใคร"
แฟนๆในกลุ่มผู้ชมเริ่มกรีดร้องชื่อไอดอลของพวกเขาอย่างกระตือรือร้น
ผู้เล่นนั่งอยู่ในห้องใหญ่หลังเวทีกำลังดูการถ่ายทอดสด และได้รับความสนใจจากแฟนๆ
จีเจ๋อหยูก็ไม่มีข้อยกเว้น ความกระตือรือร้นและความปรารถนาสำหรับการแสดงบนเวทีที่หายไปนานของเขาทะยานขึ้นในใจ เหมือนกับตอนที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกในชีวิตก่อนหน้านี้
ณ ตอนนี้ จีเจ๋อหยูไม่เพียงแต่ต้องการชนะ…
เขายังต้องการนั่งบนเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงขอบทองซึ่งเป็นตัวแทนของอันดับหนึ่งอีกด้วย