ตอนที่แล้วตอนที่ 4
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6

ตอนที่ 5


เห็นได้ชัดว่าลู่หนานหยุนไม่เชื่อในสิ่งที่ว่านหลงพูด

ในความคิดของเขา จีเจ๋อหยูไม่เคยแข่งอย่างจริงจังและเคยฝึกซ้อมมาก่อน จู่ๆเขาก็มีความสามารถในการแนะนำเพื่อนร่วมทีมได้ยังไง?

เมื่อถึงเวลาค่ำ ไป่เซิงเจี๋ยซึ่งอยู่ในหอพักเดียวกับลู่หนานหยุนก็พูดถึงเหตุการณ์นี้ช่นกันว่า “ฉันคิดว่าคนอื่นคงคิดไม่ถึงแน่ๆ กัปตันทีมของฉันเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ดันมาช่วยทีมได้ในเวลาสำคัญ”

กู้เว่ยเฉิง ชายหนุ่มอีกคนในหอพักกล่าวว่า " กัปตันทีมของนาย? ไม่ใช่จีเจ๋อหยูหรอกเหรอ? นายอย่ามาอ้อมค้อม เขาช่วยยังไงล่ะ ด้วยความรักหรอ?" เขาเป็นคนทื่อๆและพูดได้ตรงมาก

เหว่ยอี้เฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขานั่งข้างเตียงและเช็ดผม ดูเหมือนจะไม่สนใจการสนทนาของพวกเขา

ลู่หนานหยุนนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง หยุดเล็กน้อยขณะที่พลิกหน้าหนังสือไปมา

“ทำไมพูดงั้น? มันก็ถูกซ่อนไว้ยังไงล่ะ” ไป่เซิงเจี๋ยพูดขณะดื่มนม “ถึงแม้เขาจะไม่ได้แข็งแรงมาก แต่เขามีพลังมากจริงๆ”

“เข้าใจแล้ว ค่อนข้างขัดแย้งนะว่าไหม?” เห็นได้ชัดว่ากู้เว่ยเฉิงไม่เชื่อ เขากับเหว่ยอี้เฉินอยู่ในบริษัทเดียวกันและรู้ว่าพฤติกรรมของจีเจ๋อหยูแย่แค่ไหน พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะยอมรับ "การล้างบาป" ของไป่เซิงเจี๋ย

ไป่เซิงเจี๋ยกังวลเล็กน้อย “เฮ้ ฉันไม่เข้าใจนายเลย เขาไม่ได้แย่อย่างที่นายคิด”

“จีเจ๋อหยูซื้อนมให้นายหรือไง นายถึงพูดเพื่อเขาอย่างนั้นน่ะ” กู้เว่ยเฉิงกลอกตา " เขาเห็นว่านายเป็นหนุ่ยน้อยอ่อนต่อโลก ดังนั้นนายอาจจะโดนหลอกอยู่ อย่าลงกลเขาเชียวล่ะ"

ไป่เซิงเจี๋ยเป็นผู้เข้าแข่งขันที่อายุน้อยที่สุดในรายการ แม้ว่าเขาจะสูงและดูดี ด้วยความขาวาวกับน้ำนมยิ่งทำให้เขาดูโดดเด่น

ไป่เซิงเจี๋ยพูดไม่ออกเพื่อตอบโต้กู้เว่ยเฉิน และไม่สนใจเขาอีก

“ฉันจำได้ว่าคู่ต่อสู้ของนายแข็งแกร่งมาก ตำแหน่งเซนเตอร์ในกลุ่มของพวกเขาคือถังเจิน และเขาก็อยู่คลาส A ของเราด้วย” กู้เว่ยเฉิงกล่าวต่อ “ทักษะของถังเจินแข็งแกร่งกว่าจีเจ๋อหยูมากและโอกาสชนะของพวกนานมีไม่มากนัก”

เมื่อได้ยินสิ่งที่กู้เว่ยเฉิงพูด ไป่เซิงเจี๋ยที่สะสมความมั่นใจมาก็เริ่มรู้สึกท้อ เขาพูดอย่างขมขื่น " นายน่ารำคาญมาก ฉันไม่คิดถึงเรื่อง PK แล้ว แต่นายก็พูดมันอยู่ได้"

ในมุมของไป่เซิงเจี๋ย แม้ว่าจีเจ๋อหยูจะได้แสดงทักษะความเป็นผู้นำที่ดีในวันนี้ แต่เขาก็ทำได้ไม่ดีไปกว่าถังเจินบนเวทีอย่างแน่นอน และโอกาส PK ของทีมของเขานั้นก็ไม่ดีนัก

กู้เว่ยเฉิงส่ายหัวและพูดว่า " ใครใช้ให้นายไปอยู่กลุ่มจีเจ๋อหยูกัน สวดมนต์ขอพรเถอะ"

เพลง " Look At Me Now " แบ่งออกเป็นกลุ่ม AกับB กลุ่มของถังเจินเป็นกลุ่ม A ส่วนกลุ่มของจีเจ๋อหยูเป็นกลุ่ม B แทบจะทุกคนคิดว่ากลุ่ม B เป็นกลุ่มที่แพ้แน่นอน แม้ว่าจะมีไป่เซิงเจี๋ยและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้แย่ ถึงอย่างนั้น ตราบใดที่พวกเขามีจีเจ๋อหยูอยู่ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มB จะชนะ

แต่จีเจ๋อหยูไม่ได้คิดอย่างนั้น

เขาใช้เวลาว่างของเขาในการสังเกตสถานการณ์กลุ่ม A และพบว่าความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาไม่ได้ดีไปกว่ากลุ่ม B สักเท่าไหร่ ความกังวลเพียงอย่างเดียวของเขาคือสถานะการเรทติ้งในปัจจุบันของเขาจะส่งผลต่อการโหวตของผู้ชมหรือไม่

ถังเจินรู้สึกตลก เมื่อเห็นจีเจ๋อหยูมา " สอดส่อง " แต่เขาไม่ได้ไล่ใครออกไป ไม่มีใครทำกับจีเจ๋อเหมือนเป็นคู่ต่อสู้ คนที่ทำเพลงธีมได้ไม่ดีจะทำได้ดีในเพลงยากๆแบบนี้ได้ยังไง?

ถังเจินยังคงพูดกับจี้เจ๋อหยู และถามเป็นมารยาทว่า “กลุ่มนายฝึกซ้อมเป็นไงบ้าง?” ขณะพูด สายตาของคนอื่นๆก็มองข้ามไป และพวกเขาแสดงท่าทีกังวล แต่เห็นได้ชัดว่ามีความรู้สึกเย้ยหยันในความกังวลนี้ .

" ไม่เลวเลย " จีเจ๋อหยูพูดต่อ " คล้ายๆกับพวกนาย "

ถังเจินเกือบจะหัวเราะออกมาแต่เขาก็กลั้นไว้ทันเพราะมีกล้องถ่ายอยู่ เขาพูดกับจีเจ๋อหยู " ดูเหมือนว่าทีมของเราต้องทำงานหนักขึ้นแล้วล่ะ"

" สู้ๆนะ " จีเจ๋อหยูทำท่าทางเชียร์ให้พวกเขา

หลังจากที่จีเจ๋อหยูออกไปแล้ว ถังเจินก็เม้มริมฝีปากของเขา สายตาดูถูกวาบผ่านดวงตาของเขา และเพื่อนร่วมทีมของเขาก็หัวเราะเช่นกัน ถ้าไม่ได้เปิดไมโครโฟนอยู่ พวกเขาคงจะพูดว่า ‘ จีเจ๋อหยูนี่หน้าใหญ่จริงๆ’

ก่อนจะถึงวันแสดง จีเจ๋อหยูได้ซ้อมอย่างหนัก

รายการ "Star Way Shines" ได้เตรียมห้องซ้อมเต้นสำหรับผู้เข้าแข่งขันไว้มากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้เปิดไว้ตลอด 24 ชั่วโมง

ทุกคืนจีเจ๋อหยูจะมาที่ห้องซ้อมเต้นที่ไม่มีผู้คนอยู่ เขาสวมหมวกแก๊ปแล้วลดปีกของหมวกลง ดื่มด่ำกับเสียงเพลง และท่วงท่าการเต้นของการแสดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาชอบใส่หมวกเพื่อฝึกเต้น ซึ่งมันเป็นนิสัยที่ติดมาจากชีวิตก่อนตอนเป็นเด็กฝึกหัด เพราะตอนนั้นเขาไม่มีเพื่อนในบริษัทและไม่ค่อยเข้าสังคม การสวมหมวกและดึงปีกหมวกลงมาสามารถบดบังใบหน้าของเขาได้ หลีกเลี่ยงการติดต่อกับคนอื่น และทำให้เขารู้สึกปลอดภัยมากพอ

แม้ว่าจีเจ๋อหยูจะหัวเราะเยาะตัวเองในฐานะเรือบรรทุกเครื่องบิน แต่เขาก็สามารถเต้นได้เร็วกว่าใครในกลุ่ม การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนที่ว่านหลงและคนอื่นๆต้องใช้เวลาสามวันจึงจะคุ้นเคย แต่เขาสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำเพียงแค่เต้น20ครั้ง

จีเจ๋อหยูเคยได้เข้าร่วมในหลายรายการที่ยากกว่า "Star Way Shines" หลายเท่า ความสามารถของเขาได้รับการฝึกฝนทีละนิดในมุมที่รายการมองไม่เห็น และเขาไม่ได้ใช้ทางลัดใดๆ

เที่ยงคืน

ไฟในสตูดิโอซ้อมเต้นดับลงทีละดวง และนักเรียนหลายคนต่างเริ่มกลับไปพักผ่อน เหลือเพียงจีเจ๋อหยูลำพัง

ก่อนจากไป มีคนเหลือบมองจีเจ๋อหยูและกระซิบ " คนนั้นใครน่ะ เต้นได้ดีขนาดนั้นแล้วยังซ้อมอยู่อีก "

“ดูเสื้อแล้วน่าจะมาจากคลาส B นะ... ฉันว่าเขาคงเครียดแหละ”

โชคดีที่จีเจ๋อหยูใช้ปีกหมวกของเขาปกปิดใบหน้าส่วนใหญ่ ไม่เช่นนั้นกลุ่มคนพวกนี้คงจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

เที่ยงคืนครึ่ง

ลู่หนานหยุนซ้อมเต้นในส่วนที่ยากที่สุดหน้ากระจกในห้องซ้อม หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ลู่หนานหยุนรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอันดับที่สอง แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแม้แต่น้อย

ตั้งแต่เด็ก ลู่หนานหยุนเป็นนักเรียนหัวดีในสายตาของครูและเป็นเด็กดีในสายตาของเพื่อนบ้าน หลังจากสอบเข้าวิทยาลัยได้ แม่ของเขาก็เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน เขาจึงถูกพาตัวกลับเข้าไปในตระกูลลู่ แต่หลังจากที่เขาเข้ารับการศึกษาในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เขาก็ตัดสินใจเซ็นสัญญากับค่ายเฉินหนานเอนเตอร์เทรนเมนต์ และเข้าร่วมในการ "Star Way"

ลู่หนานหยุนตัดสินใจครั้งนี้เพราะแม่ของเขาเป็นนักเต้นที่มีชื่อเสียง และเขาหวังว่าเขาจะสามารถสืบทอดช่วงเวลาที่แม่ของเขาเปล่งประกายบนเวทีได้

ถึงจะเป็นอย่างนั้น ตระกูลลู่นั้นไม่เข้าใจ แล้วอีกอย่างเขาก็เป็นลูกนอกสมรส ทัศนคติของคนในตระกูลที่มีต่อเขาตอนนี้มันแย่มาก และพวกเขาอยากจะตัดเนื้องอกนี่ออกไป

ลู่หนานหยุนอึดอัดภายในใจ เขาฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวันก่อนเข้าร่วมการแข่งขัน จนทำให้เรตติ้งของเขาที่มากจากแฟนๆในเว่ยป๋อเพิ่มขึ้นหลายแสน

แต่ตระกูลลู่ก็ไม่พอใจกับมันนัก

แฟนๆ ต่างกรี๊ดกับทักษะการเต้นที่แสนเท่และหล่อเหลาของลู่หนานหยุน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาจ่ายไปเท่าไหร่

เมื่อมองไปที่ห้องซ้อมเต้นที่ว่างเปล่า ลู่หนานหยุนหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวขึ้นมาเช็ดเหงื่อและเตรียมจะกลับหอพัก

นับตั้งแต่เข้าร่วมรายวการมา เวลาฝึกของลู่หนานหยุนก็เป็นเวลาที่ดีที่สุดเสมอมา ทุกครั้งที่เขาซ้อมเสร็จ ตามปกติแล้วจะไม่มีใครเหลืออยู่ในห้องซ้อมแล้ว

แต่วันนี้ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย

นอกจากนี้ยังมีไฟในห้องซ้อมเต้นอยู่ไม่ไกล และมีเสียงเพลงแผ่วเบา

ลู่หนานหยุนคิดกับตัวเองว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงสามวันก่อนการแสดง พวกที่ยังฝึกอยู่ก็น่าจะเป็นเด็กฝึกของคลาส F พวกเขาต้องทำงานหนักขึ้นในการแข่งขันนี้

เมื่อเดินผ่านทางห้องนั้น ลู่หนานหยุนก็เหลือบมองเข้าไปข้างใน แต่ดวงตาของเขากลับหยุดนิ่ง

ในใจกลางของซ้อมนั้นมีชายหนุ่มร่างผอมสวมเสื้อคลาส B และหมวกแก๊ปสีดำ ปีกหมวกกดต่ำลงมากจนมองไม่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนเท่าไหร่

เขาเคลื่อนไหวร่างกายตามท่วงทำนองเพลง ผสมผสานกับจังหวะที่แตกต่าง พริ้มไหวและสวยงาน ดูเหมือนเรียบง่าย แต่สะดุดตาอย่างยิ่ง

ความสนใจของลู่หนานหยุนถูกดึงดูด เขาไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งจบเพลง และแอบประหลาดใจว่ามีคนในคลาส B ที่มีความสามารถในการเต้นที่แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมเขาถึงจำไม่ได้?

ในขณะนั้นเอง เด็กหนุ่มที่หยู่กลางห้องก็หันกลับมา แล้วเดินไปที่มุมห้องเพื่อหยิบน้ำแร่ เขาถอดหมวกแก๊ปออกแล้วดื่มโดยเงยหน้าขึ้น

ดวงตาของลู่หนานหยุนเบิกกว้างในทันที

จีเจ๋อหยูฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว และพลังงานของเขาเกือบจะหมดลง คอของเขาเองก็ร้อนขึ้นด้วยความกระหาย

หลังจากที่เขาดื่มน้ำไปสองสามจิบ เหงื่อสองสามหยดก็หยดลงมาตามแนวสันกรามสีขาวของเขา ล่วงหล่นกระทบกระดูกไหปลาร้าเล็กน้อย

จีเจ๋อหยูวางขวดน้ำลง เขายกชายเสื้อขึ้นและเช็ดเหงื่อออกจากแก้ม

ท่าทางเช็ดเหงื่อของเด็กหนุ่มเป็นแบบสบายๆและประมาทมาก ภายใต้แสงไฟนั้น แก้มที่ซับเหงื่อของเขาดูมีชีวิตชีวา ดวงตาสีเหลืองอำพันของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก และขนตายาวของเขาก็ดูน่าดึงดูด

หลังจากที่ชายเสื้อหลวมถูกยกขึ้น จากมุมของลู่หนานหยุน เขาเห็นเอวสีขาววับแวมเช่นเดียวกับร่องหน้าท้องแบนราบ

ลู่หนานหยุนตกตะลึง สมองของเขาว่างเปล่าทันใด

ในตอนนี้เขารู้สึกเหมือนว่าเขาอาจจะบ้าไปแล้ว

เพราะเขารู้สึกว่าคนที่เขาเกลียดที่สุดที่อยู่ตรงหน้าเขา…

เซ็กซี่มาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด