ตอนที่ 8 เดวินจากหมู่บ้านนายพราน
ตอนที่ 8 เดวินจากหมู่บ้านนายพราน
วันที่ 14 เมษายน ปีที่ 70 เวลา 00:00 น.
“ลิ้งค์เกม”
กายมาโผล่ที่เดิมก่อนที่เวลาในเกมเขาจะหมดลง ค้อนในมือยังอยู่ในมือ ด้านหน้ามีมีดทำครัวที่พึ่งตีเสร็จ กายนำมันไปเผาจนร้อนจากนั้นก็ทำการชุบแข็งมีด หลังจากที่ทำทุกขั้นตอนเสร็จก็ได้มีดทำครัวลักษณะที่เห็นได้ทั่ว ๆ แต่เล่มนี้กับแตกต่างออกไปมันมันวาวและดูลึกลับ
เขาหยิบขึ้นมาดูจากนั้นก็ลุกขึ้นมาวางไว้ที่โต๊ะ มองดูของตรงหน้าที่มีหนังสือหนึ่งเล่ม มีดทำครัวหนึ่งเล่ม ตะเกียงน้ำมันที่น้ำมันใกล้หมดแล้ว แต่ดูเหมือนมันจะขาดอะไรไป
กายลุกขึ้นหยิบของที่คิดว่ามีประโยชน์ทั้งหมดมาวางรวมกันอีกครั้ง
ในครั้งนี้มีค้อนเพิ่มมาอีกหนึ่ง เสื้อผ้าที่เจอในตอนแรกอีกสองชุดพร้อมกับเสื้อคลุมกันฝน และแผนที่ซึ่งอยู่ในห้องนอน ยังมีเนื้อแห้งที่พอกิน 2 วันและน้ำในถุงใส่น้ำที่ดูเหมือนทำมาจากกระเพาะของสัตว์ไม่ทราบชนิดอีกถุงหนึ่ง ด้านข้างยังมีผ้าหนา ๆ ที่กายเอามาจากห้องนอนด้วย
“แค่นี้น่าจะพอ” ชายหนุ่มพยักหน้าพอใจก่อนไปนอนให้เต็มอิ่ม
เช้าวันต่อมากายเก็บทุกอย่างใส่ถุงผ้าเก่า ๆ เดินออกมาจากประตูบ้าน กายหันไปมองบ้านเก่า ๆ อีกครั้ง แม้ที่นี่จะดูเปล่าเปลี่ยวแต่มันกลับน่าอยู่อย่างบอกไม่ถูก กายกระชับถุงผ้าด้านหลังและออกเดินทาง
ผ่านจุดที่เขาไล่จับหมู ผ่านไปตามทางที่มีแต่ต้นไม้และหญ้าที่ขึ้นรกมาก ถึงหญ้าจะขึ้นรกแต่ก็ยังมองเห็นเส้นทางอยู่ราง ๆ เขาใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงเดินลงจากเส้นทางที่เป็นเขาจากนั้นก็เจอกับพื้นที่ราบกายหันไปมองภูเขาที่เดินลงมาอีกครั้ง
ในระหว่างนั้นเขาก็เห็นป้ายไม้ที่หักล้มลงอยู่ในกอหญ้า ถ้าไม่ใช้เพราะมีหลักที่หักเหลืออยู่ครึ่งเขาก็คงจะไม่สังเกตเห็น
กายก้มลงไปใช้มือเขี่ยหญ้าออกดึงแผ่นไม้ที่ดูผุ ๆ หน่อยออกมาจากกอหญ้า ที่ป้ายเขียนไว้ว่า “เขาเหล็กเย็น” กายมองป้ายพร้อมกับวางของด้านหลังลงความหาแผนที่เมื่อเปิดออกเขาก็กดนิ้ววาดลงไปไล่หาชื่ออยู่สักพักก็เจอที่แท้เขาก็อยู่ที่ภูเขาเหล็กเย็นทางแถบทุ่งหญ้าริกา
แต่แผนที่ในมือของกายไม่ได้แสดงข้อมูลไปมากกว่านี้และสุดขอบแผนที่ก็อยู่แค่ทุ่งหญ้าริกาเท่านั้น
“แผนที่นี้คือแผนที่ของทุ่งหญ้าริกาเท่านั้นสินะ” กายมองหาในแผนที่ถึงหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดห่างออกไปเกือบ ๆ 50 กิโลเมตร เขารองคำนวณดูถ้าเดินเท้าไปน่าจะสักวันกว่า ๆ ก็คงถึงด้วยความเร็วของเขา
กายโยนป้ายไม้กลับไปที่เดิมและเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋าออกเดินทางอีกครั้ง ยิ่งเดินอากาศก็ยิ่งร้อนขึ้น แต่ยังดีที่ไม่เท่าในโรงแยกชิ้นส่วนโลหะ ซึ่งกายสามารถทนได้สบาย แต่ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ร่างกายของตัวละครมันกลับไม่เป็นแบบนั้น เหงื่อของเขาไหลไปทั้งตัว กายจึงต้องยกแขนเสื้อมาเช็ดหน้าอยู่บ่อยครั้ง หลังจากนั้นก็ยกมือบังแสงแดดที่สองลงมาโดนตา
ตอนนี้เขาเดินมาตามทางที่เห็นได้ชัดเจนว่าถูกใช้สัญจรอยู่บ่อยครั้งนั้นหมายความว่าเขามาถูกทางแล้ว ส่วนกายรู้ได้ยังไงเขาก็สังเกตเอาจากต้นหญ้าที่ถูกเหยียบจนเป็นรอยล้อรถม้า
เหตุผลที่กายรู้ส่วนหนึ่งก็มาจากข้อมูลที่ซาเรียยื่นให้อ่านตอนเย็น การเดินทางหลักส่วนใหญ่ในโลกราชันใช้รถม้าเป็นหลัก แต่ก็มีผู้เล่นบางคนที่ได้ไปเกิดในนครที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าพอสมควร
กายเดินตามทางไปเรื่อย ๆ ด้วยความอดทนจุดหมายที่เขากำหนดไว้คือหมู่บ้านเลี้ยงสัตว์ที่ระบุไว้ในแผนที่ซึ่งแผนที่ก็หยาบเกินกว่าที่จะมีเครื่องหมายอื่น ๆ บอกอีกนอกจากหมู่บ้านและทางที่ใช้กันเป็นหลักเท่านั้น
ในช่วงที่เดินเท้ามาถึงตอนนี้ เขารับรู้ได้ถึงแสงแดดที่ค่อย ๆ น้อยลงพระอาทิตย์ที่เคลื่อนที่ต่ำราวกับใกล้จะลับขอบฟ้าแล้วเขาจึงมองหาที่พักโชคดีที่เส้นทางแถวนี้มีจุดที่ใช้พักได้อยู่มีหนองน้ำเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถให้เขาใช้เติมน้ำและล้างเนื้อล้างตัวได้
เมื่อมาถึงก็วางของใต้ต้นไม้ใหญ่แถวนั้นจากนั้นก็นำถุงน้ำไปกรองน้ำซึ่งกายต้องระวังมากพอควรเนื่องจากแหล่งน้ำไม่ได้สะอาดมากนักอาจจะมีตะกอนเข้ามาได้ เขาค่อย ๆ เอามือกวาดผิวน้ำเบา ๆ เพื่อให้ตะกอนเคลื่อนไปทางอื่นจุ่มถุงน้ำลงไปจนน้ำเต็มก็รีบยกขึ้นนำจุกไม้ออกมาบิดไว้อย่างดี
กายเริ่มถอดเสื้อผ้าออกอย่างไม่เกรงใจเพราะที่นี่ไม่มีใคร เขาลงไปล้างเนื้อล้างตัวด้วยความสบายใจจากนั้นก็ขึ้นมาแต่งตัวด้วยชุดที่เอามาและก็ซักชุดด้วยในน้ำอย่างงาย ๆ ก่อนจะไปพลาดที่กิ่งไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่
ตอนนี้แสงของพระอาทิตย์น้อยเต็มทีแล้วกายต้องก่อไฟไม่งั้นตอนกลางคืนต้องหนาวอย่างแน่นอน
กายเดินไปหาฝืนจากกิ่งไม้แห้ง ๆ ที่หักหล่นลงตามต้นไม้ ในตอนนั้นเองเขาก็เงยหน้าขึ้นมองดูทุ่งหญ้าโล่งกว้างที่พอจะมีต้นไม้บ้างเป็นบางส่วน แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาตามต้นหญ้าและผิวน้ำ นั่นทำให้เขาคิดว่าโลกในอดีตก่อนที่จะเกิดสงครามอาจจะสวยงามมาก แม้จะไม่เคยไปเห็นด้วยตัวเอง เพราะเขาเกิดไม่ทัน แต่มันต้องงดงามแบบนี้อย่างแน่นอน
“บางทีโลกนี้อาจจะเป็นโลกอีกใบที่ผู้คนตามหา” กายพึมพำออกมาเงียบ เขาคิดว่าอยากจะมีใครสักคนมารับฟังคำพูดเมื่อสักครู่อย่างมาก
.....
ตกเย็นแสงไฟสีส้มแดงจากกองไฟที่กายก่อปะทุขึ้นมาเป็นบางครั้ง สะเก็ดไฟที่ราวจะแข่งกับแสงดาวเหนือท้องฟ้าถูกลมที่พัดเข้ามาปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว กายค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้กองไฟอีกเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกหนาวจนขนลุกจากลมสายลมยามกลางคืน
กายหยิบเนื้อแห้งขึ้นมากินขณะที่นั่งอยู่บนผ้าขนหนากินเนื้อแห้งที่แข็งเหมือนพาสติกอย่างยากลำบาก หลังจากท้องอิ่มหนังตาก็เริ่มหย่อน กายนอนลงถึงผ้ามาคุมตัวไว้ ขณะที่มองดาวบนท้องฟ้าก็ค่อย ๆ หลับลง
แต่หลับไปได้สักพักก็ได้ยินเสียง กึก ๆ บางอย่างกำลังเคลื่อนที่เข้ามาทางที่เขาอยู่ กายที่ตื่นขึ้นมาด้วยความกังวล “คงไม่ใช่โจรหรอกนะ”
หลังรอจนเสียงเข้ามาใกล้กายก็เห็นรถม้าลาก 5 คันและทหารใส่ชุดเกราะอีกสองสามคนขี่ม้านำหน้าเข้ามาทางหนองน้ำ
กายไม่มีอารมณ์จะนอนอีกแล้วก็ลุกขึ้นยืนดูคนมาใหม่กลุ่มนี้ด้วยท่าทางระวังตัว ส่วนอีกมือหนึ่งก็จับถุงผ้าสัมภาระเตรียมวิ่งในทุกขณะถ้าเกิดคนพวกนี้ไม่ได้มาดี
เขาต้องไม่ตายเพราะหนึ่งลิ้งค์เกมสามารถตายในโลกราชันได้แค่สามครั้งเท่านั้น
“หยุด...” เสียงทหารที่ขี่ม้านำหน้ามาตะโกนให้ขบวนรถหยุดลง
ทหารวัยกลางคนที่ดูจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม สวมเกราะเบา มีดาบยาวที่เอวกระโดดลงจากหลังม้า
คนอื่น ๆ ในขบวนก็ทำตามเช่นกัน หลังจากนั้นทหารวัยกลางคนผู้นั้นก็บอกให้กลุ่มของตัวเองไปตั้งที่พักอีกจุดหนึ่งไม่ไกลมากนัก เพราะตรงนี้มีกายที่พักอยู่ก่อนแล้ว
‘ดูเหมือนพวกเขาจะเป็น NPC ที่ดี’ กายคิดในใจนั่งลงที่ของตัวเอง แต่กลายไม่ได้หลับ เพราะเขายังระมัดระวัง NPC เหล่านี้อยู่
ในกลุ่มมี NPC ทหารอยู่ราว ๆ 5 คนเท่าที่กายเห็น ในรถด้านหลังมีเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาอีกจำนวนหนึ่ง สองคนในกลุ่มแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูดีมากแม้กายจะไม่ได้มีความรู้เรื่องเนื้อผ้าก็ยังคงดูออก
กายไม่รู้ว่าโลกนี้มีพวกชนชั้นสูงอะไรทำนองนี้ด้วยหรือไม่ได้ถ้ามีทั้งสองคนก็อาจจะใช้ ส่วนเด็กคนอื่น ๆ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่คล้าย ๆ กับเขาอยู่หลายส่วนดูเหมือนพวกเขาจะเป็นเด็กที่มีฐานะรองลงมา
ทหารทั้ง 5 นายเริ่มแบ่งหน้าที่ให้กับเด็ก ๆ ในกลุ่มยกเว้นสองคนนั้น ที่พวกทหารไม่ได้ไปยุ่งวุ่นวายอะไร
ในกลุ่มยังมีเด็กอีกคนที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครอยากไปยุ่งซักเท่าไหร่ ดูจากการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่บางและเก่ามีรอยปะขาดหลายแห่ง สภาพของมันเลวร้ายซะยิ่งกว่าชุดที่กายใส่ในตอนแรกที่มาโผล่อยู่บ้านร้างโรงตีเหล็กหลังนั้นซะอีก
กายเลิกสนใจเด็กคนนั้น ลุกขึ้นและเดินเข้าไปหา NPC ทหารพวกนั้นเมื่อพูดถึงทหารก็ต้องคิดอยู่ไม่กี่อย่างนั้นก็คือ “แข็งแกร่ง” “ทรงพลัง” และ “นักรบ” ในเมื่อกายแสวงหา NPC ที่จะสามารถสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับเขาโอกาสก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง เพราะถ้าเขาไม่ลองเสี่ยงเข้าไปพูดคุยกับคนกลุ่มนี้จะให้ไปหวังว่ากลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ในหมู่บ้านข้างหน้าจะสอนเรื่องพวกนี้ได้เขาคงเป็นผู้เล่นที่โง่มาก ๆ
กายเดินไปหยุดยืนไม่ห่างจากทหารวัยกลางผู้นั้นด้วยความกังวลเล็กน้อย “สวัสดีครับ ผมขอถามได้ไหมครับพวกคุณคือจะไปไหนกัน เออแล้วแถวนี้อยู่ในนครอะไร”
ทหารวัยกลางคนมองกายด้วยความสงสัยในสำเนียงและวิธีการพูดของกาย แต่ก็พอจะเข้าใจกายได้ว่าต้องการจะถามอะไร
“นคร... เจ้าหมายถึงที่นี่คือนครอะไรใช่ไหม ที่นี่อยู่ภายในอาณาเขตปกครองของนครดาราฟ้า บริเวณทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ริกา แต่ก่อนที่จะถามเรื่องของพวกข้า เจ้าควรแนะนำตัวเองก่อนไหมว่ามาทำอะไรแถวนี้ แล้วต้องการอะไร” ทหารวัยกลางคนพูดด้วยเสียงขึงขังเล็กน้อย
กายฟังวิธีการพูดที่ดูจะโบราณสักเล็กน้อย แต่เพื่อไม่ให้ตัวเขาแตกต่างมากเกินไปจึงพูดตามแบบพวกเขา “ผม...ไม่สิ ข้าพึ่งลงมาจากภูเขาจึงไม่ค่อยรู้เรื่องโลกภายนอกมานัก ตอนนี้กำลังจะไปที่เมืองที่มีผู้คน เพื่อจะไป...ไป” กายพยายามคิดว่าเขาจะพูดยังไงดี และก็นึกขึ้นได้ ถ้าเขาบอกว่าจะไปเป็นทหารคนพวกนี้จะต้องเป็นมิตรมากขึ้นอย่างแน่นอน “ข้าอยากจะไปสมัครทหารนะครับที่นครดาราฟ้า เพราะถ้าได้เป็นทหารแบบพวกลุงจะต้องเป็นที่น่าเคารพยกย่องอย่างแน่นอน”
เขาพูดประจบไปอีกเล็กน้อย เมื่อทหารวัยกลางคนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยกับคำว่าถ้าเป็นทหารจะได้ความเคารพยกย่อง ท่าทีที่มองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
“ไอ้หนุ่ม เจ้าคงเป็นพวกที่มาจากหมู่บ้านนายพรานใช่ไหม”
กายไม่รู้เรื่องหมู่บ้านนายพรานแต่ก็พยักหน้าเออออตามน้ำไป
“ดีมากที่เจ้าอยากเป็นทหาร ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็มากับพวกข้าก็ได้ พวกข้าคือหนึ่งในกลุ่มทหารที่รับหน้าที่มาพาเด็กหนุ่มแถบนี้ที่ต้องการเข้าร่วมกลองทัพของปีนี้ไปที่นครดาราฟ้าอยู่แล้ว ถ้ายังไงเจ้าก็มาพร้อมกับพวกเราเลยแล้วกัน” ทหารวัยกลางคนตบบ่าของเขาด้วยความชื่นชม กายยิ้มตอบไป
“เจ้าชื่ออะไร?”
กายลืมไปว่ายังไม่ได้แนะนำตัว แต่เขาจะบอกชื่ออะไรไป กายจึงเลือกบอกชื่อของตัวละครไปแทนแถมเขายังเติมคำว่าหมู่บ้านนายพรานไปเพื่อความน่าเชื่อถือ
“ข้าคือเดวิน จากหมู่บ้านนายพราน”