ตอนที่ 29 เหล่าคนโง่ [นักเลง1](อ่านฟรี02-08-2021)
ตอนที่ 29 เหล่าคนโง่ [นักเลง1]
ตัวก๊อบปี้ผู้เล่นตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาหากายพร้อมกับมีดในมือ สภาพของตัวก๊อบปี้ไม่ต่างจากชาวบ้านจน ๆ เสื้อผ้าที่ใส่อยู่นั้นสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่าของกายซะอีก ตัวก๊อบปี้เป็นอย่างไร ตัวผู้เล่นก็เป็นแบบนั้น
นี่ช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานของเขาว่า ผู้เล่นส่วนใหญ่คนอื่น ๆ ยังไม่ได้เข้าร่วมกองกำลังหรือฝึกฝนการต่อสู้อย่างศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจัง
“ย๊ากกก” ตัวก๊อบปี้กระโดดเข้าหากายตรง ๆ ไม่ได้มีทักษะอะไรเลยแม้แต่น้อย
กายแสยะยิ้มบิดข้าเล็กน้อยใช้ท่าฟันพื้นฐานฟันออกไปโดยไม่ได้ใช้ศิลปะการต่อสู้อะไรทั้งสิน
ฉับ!
ดาบเดซี่ฟันตัวก๊อบปี้ขาดครึ่งตายกลางอากาศร่างของมันสลายกลายเป็นลูกไฟดำ ๆ กลับพื้นดินไป แต่ก็ยังไม่หมดแค่นั้นมีตัวก๊อบปี้ตัวที่สองวิ่งเข้ามาอีก 3 ตัวติดกัน
กายฟันไปคอของตัวแรกที่ถือหิน ตัวที่สองใช้โอกาสนั้นอ้าแขนกว้างคิดจะจับตัวกายไว้เพื่อให้อีกตัวโจมตีเขา แต่กายกระโดดข้ามหัวมันไป ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นกายก็ใช้ดาบเดซี่สะบัดฉับฟันไปที่แผนหลังของมันจากนั้นก็ดึงดาบกลับเข้าหาตัวจ้วงดาบไปที่ท้องของตัวที่สาม
ตั้งแต่ตัวแรกกระโดดเช้าหาเขาจนถึงกายแทงตัวที่สามมันเกิดขึ้นไม่ถึง 3 วินาที
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ตัวก๊อบปี้ทั้งสามตัวล้มลงและกลายเป็นลุกไฟหายไปในพื้นดิน
“ง่ายกว่าที่คิด” กายมองไปที่ตัวก๊อบปี้
“ยังมีอีกตัว” กายพุ่งเข้าหาเงาตัวที่วิ่งมาทางเขา กายจัดการมันอย่างง่ายดาย
ในตอนนั้นเองมีผู้เล่นกลุ่มวิ่งมาทางกายด้วยท่าทีโกรธแค้น “บัดซบ! ไอ้ลูกสุนัข! พวกเราไล่ฆ่ามันตั้งนาน แกกล้าขโมยมันไปอย่างนั้นเหรอ ชดใช้ด้วยชีวิตมาซะ”
กลุ่มผู้เล่นชี้อาวุธมาที่กาย…
“อยากตายก็เข้ามาสิ” กายท้าทายไปด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ ผู้เล่นพวกนี้อยู่ ๆ ก็มาด่าเขา
“ไอ้เวรนี้ พวกเราฆ่ามันเลย” ผู้เล่นคนนั้นที่ชื่อ [นักเลง1] บอกกับเพื่อนในทีมตัวเองอีก 4 คน ซึ่งทุกคนมีชื่อคล้ายกับมันคือ [นักเลง2] [นักเลง3] [นักเลง4] [นักเลง5]
“ได้ข้าเปิดเอง” ผู้เล่นที่ชื่อ [นักเลง5] วิ่งเปิดกายด้วยมือเปล่าก่อนใคร
‘คนพวกนี้มันโง่หรือเปล่า’ กายรู้สึกว่าเขากำลังจะมีเรื่องกับพวกสมองมีปัญหา ที่เขาคิดแบบนี้ก็เพราะคนพวกนี้มันไม่มีอาวุธอะไรเลย
หลังจากนั้น 1 นาที
“อ๊ากกก! ลอร์ดเจ็ดโลหะแน่จริงอย่าใช้อาวุธสิว่ะ”
“[นักเลง2] ข้าจะแก้แค้นให้แกเอง”
“รุมมันเลย มันต้องใช้ดาบจนเหนื่อยแล้วแน่ ๆ”
“บ้าเอ้ย มันขี้โกง พวกเราวิ่งหนี” [นักเลง1] ร้องตะโกน
“แกบ้าหรือเปล่า ยังจะร้องเรียกพวกอีก ตอนนี้เหลือแกแค่คนเดียวแล้ว” กายยืนพร้อมกับชี้ดาบเดซี่ไปที่ [นักเลง1] ที่ตอนนี้ล้มอยู่บนพื้น
“[ลอร์ดเจ็ดโลหะ] แกเก่งมากที่จัดการกับพวกฉันได้ จะว่าไงถ้ามาเป็นลูกน้องฉัน ฉันจะจ้าง...”
“แกนี่มันพวกมีแต่เงินจริง ๆ ไปตายซะ!” กายคิดจะฟังจนจบ เขายกดาบฟันฉับลงไปร่างของ [นักเลง1] กลายเป็นลูกไฟลอยหายไป แต่ยังมีเสียงก่อนตายที่ร้องออกมา
“[ลอร์ดเจ็ดโลหะ] ฉันจะจำแกไว้......อ๊าาา!!!!”
“คนพวกนี้มันมาเล่นในแดนสงครามเฉย ๆ พวกคนรวยเอ้ย คงเป็นลูกคนรวยเกิดมาบนช้อนเงินช้อนทอง พอสู้ไม่ได้ก็เอาเงินฟาดหัว พ่อคนนี้จะชนะแล้วได้เงินเยอะกว่าที่แกจะให้อย่างแน่นอน” กายบ่นออกมาไม่หยุด
“ฉันจะต้องชนะเงินรางวัลจะต้องเป็นของฉัน” กายเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ววิ่งไปรอบ ๆ สนามรบ เขาจะสังหารตัวก๊อบปี้เป็นหลัง แต่ถ้ามีผู้เล่นมาขวางเขากายก็ลงมือไม่ลังเลเช่นกัน
ผ่านมา 30 นาทีตั้งแต่เริ่มเกมกายมาถึงที่ตีนเขาแล้ว กลุ่มผู้เล่นจำนวนมากก็มาร่วมกันตรงนี้เล่นกันเช่นกัน
ห่างออกไปไม่ไกลมีกลุ่มของตัวก๊อบปี้จัดการผู้เล่นอยู่ แต่มีตัวก๊อบปี้ตัวหนึ่งเหมือนกับกายกำลังฆ่าผู้เล่นอย่างโหดร้ายความเร็วของมันมากกว่าตัวก๊อบปี้ตัวอื่น ๆ หลายเท่า ทุกคนพากันหนีตายจากมัน
กายยังคงฆ่าผู้เล่นที่คิดโจมตีเขาทั้งหมด ขณะที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเขาสู้ กายก็ยิ่งลืมว่านี่คือเกม แผลที่โดนฟันมันเจ็บจริง อาจจะเจ็บของ 1 ในร้อย แต่มันเจ็บก็คือเจ็บ ดังนั้นกายจึงใช้ทุกวิถีทางไม่ให้โดนฟัน
และหนึ่งในนั้นคือเขาจะต้องจัดการพวกนั้นอย่างเร็วที่สุด
สามสิบนาทีที่ผ่านมากายจัดการผู้เล่นไปไม่น้อยกกว่า 30 คน ยังไม่รวมพวกตัวก๊อบปี้อีก เขาเริ่มจะหมดแรงแล้ว เพราะต่อให้อยู่ในระดับนักรบฝึกหัดขั้น 1 แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็มากกว่าคนธรรมดาแค่เท่าตัวเท่านั้น
“ฉันคงต้องนั่งพักก่อน” กายนั่งหลบอยู่มุมหินขนาดใหญ่มองดูดินแดนแห้งแล้งที่เต็มไปด้วยความโกลาหลและลูกไปที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในตอนนั้นเองเสียงเตือนของระบบดังขึ้น “เปลวไฟนรกทำงาน”
“เกิดอะไรขึ้น อะไรคือเปลวไฟนรก”
ฟรึบ!!!!! เปรี้ยงงง!!!!!
แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะหายงงก็มีเสียงดังสะเทือนไปทั้งดินแดนแห้งแล้ง ท้องฟ้าเหนือพื้นดินเริ่มบ้าคลั่งบริเวณรอบนอกก็เกิดเปลวไฟขึ้นมันเหมือนกับวงที่บีบเข้ามาเรื่อย ๆ บังคับให้ผู้เล่นเข้ามาร่วมกันที่เนินเขา
“ไฟ! ไฟไหม!หนีเร็ว…”
“อ๊ากกก!!ร้อน ๆ”
“บ้าเอ๊ยรู้แบบนี้ฉันไปสู้ตายดีกว่ามาโดนเผาตาย”
“โชคดีที่ฉันปรับค่าความเจ็บเป็นต่ำสุด อ๊ากก...แต่ทำไมมันร้อนจังว่ะ!”
ผู้เล่นที่หลบอยู่วงนอกพากันหนีตายอย่างสุดกำลัง เปลวไฟบีบเข้ามาเรื่อย ๆ จนพวกเขาแทบจะหนีกันไม่ทัน
ในตอนนี้ผู้เล่นที่เหลือต่างพากันกลืนน้ำลายแล้ว เพราะที่นี่มันบ้ามาก! ถ้าเป็นแบบนี้พวกเขาทั้งหมดอาจจะโดนเผาตายก็ได้ “ต้องรีบเคลียร์ดินแดนแห่งนี้”
ผู้เล่นทุกคนรู้แล้วว่าถ้าไม่ไปที่ยอดเขาก็โดนวงเผาตาย นั้นทำให้ผู้เล่นยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่เพราะไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ด้านบนภูเขามีตัวก๊อบปี้ ด้านล่างมีเปลวไฟกำลังเผาเข้ามาเรื่อย ๆ ตอนนี้พวกผู้เล่นโดนบีบทั้งหน้าและหลัง
ตอนนี้หลายคนรู้แล้วว่าเงื่อนไขในการไปเอาเหรียญตราผู้ชนะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงเหลือวิธีเดียว จัดการผู้เล่นทั้งหมดให้เหลือเพียง 100 คน
“พวกเราฆ่ามัน…ตายซะ!”
“อย่าไปยอม!กลุ่มของเราต้องชนะ”
“ฆ่าให้หมด”
“เล่นพวกที่ไม่มีทีมก่อนเลยเก็บแต้มสังหารให้ได้มากที่สุดก่อน”
ทุกทีมต่างก็มีแผนต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะพุ่งเป้ามาที่ผู้เล่นเดี่ยวเป็นหลัก การสู้ระหว่างทีมหนึ่งกับอีกทีมหนึ่งมันเสียเวลาและชีวิตมากเกินไประหว่างทั้งสองทีม ต่อให้ทีมไหนชนะก็จะโดนทีมที่สาม สี่มาจัดการอยู่ดี
ดังนั้นการไล่ฆ่าผู้เล่นเดี่ยวมันง่ายกว่าเยอะ...
“ไม่ ๆ อย่าฆ่าฉัน”
“หึ แกโง่เองที่ไม่มีทีม ดังนั้นตายไปซะ!”
“อ๊ากกก!!”
เหตุการณ์ผู้เล่นเดี่ยวหรือทีมที่เล็กกว่าโดนทีมใหญ่กว่าล้อมฆ่าเกิดขึ้นทุกจุดบนภูเขา และกายก็ไม่ต่างกันเขาก็เป็นผู้เล่นเดี่ยวเล่นกัน ตอนนี้มีทีม 5 คนกำลังวิ่งตรงดิ่งมาที่เขาราวกับกลัวว่าทีมอื่น ๆ จะมาแย่งตัดหน้าพวกมันในการสังหารกาย
“ฆ่ามัน มันไม่ทีม!”
“มาให้ฉันฆ่าซะ อย่างน้อยแกจะได้ทำประโยชน์ให้พวกฉันได้คะแนนสูงขึ้น”
“คนนี้ฉันต้องเป็นคนลงมือคนสุดท้ายเพราะก่อนหน้านั้นพวกแกลงมือไปแล้ว”
“ได้ แกรีบวิ่งไปดักมันก่อนที่จะหนี เดี๋ยวพวกเราจะทำให้มันบาดเจ็บเอง”
ทั้งทีมตกลงกันอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยไอ้โงนั้นวิ่งมาหาพวกเรา แบบนี้ก็ง่ายขึ้นเยอะ” พวกนั้นก็ไม่คิดไม่ถึงว่าแทนที่กายจะหนี แต่กายกับวิ่งเข้าหาพวกมันแทน
“ศิลปะการต่อสู้ รูปแบบศาสตราวุธ ฟัน ขั้น 1”
ดาบเดซี่ในมือกายฟันแนวนอนอย่างรวดเร็ว ตัวดาบอาบไร้ไปด้วยออร่าสีแดงตัวเข้าไปที่เอวของผู้เล่นทั้ง 5 พวกมันไม่แม้แต่จะได้ตอบโต้ ดาบเดซี่ตัดเอวพวกนั้นเหมือนกับเต้าหู้ มันเรียบเนียนอย่างไม่น่าเชื่อ
ฉับ!
ผู้เล่นทั้ง 5 ตายไปด้วยความงุนงงว่าเกิดอะไร ร่างของผู้เล่นทั้ง 5 หายไปในทันที
“แค่นี้น่าจะติดหนึ่งในร้อยแล้ว อาจจะสูงกว่าอันดับ 40 ด้วย แต่ไม่รู้ว่าผู้เล่นคนอื่นจะได้คะแนนกันเท่าไหร่” กายเคลื่อนที่ขึ้นไปบนภูเขาเรื่อย ๆ เพราะการอยู่ในที่ต่ำมีหวังโดนไฟเผาก่อนที่จะจบเกมก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นที่เขาลงแรงไปก็จะสูญเปล่าทันที
ในระหว่างวิ่งขึ้นไปด้านบนกายยังตามเก็บผู้เล่น ตัวก๊อบปี้เข้ามาขวางเขาไว้ด้วย แต่เขาก็ไม่บ้าไปท้าทายทีมใหญ่ ๆ กายจะเลือกไปยังจุดที่คนไม่แน่นเกินไป เพราะทำให้เขาสามารถหนีได้สะดวก
“ฉันจะต้องอยู่รอดเป็นกลุ่มสุดท้าย” กายเตือนตัวเอง
แต่ในตอนนั้นเองเสียงระบบดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมันก็มาพร้อมกับความโกลาหลในดินแดนแห้งแล้งทันที
“แสดงเกียรติยศของเหล่าผู้กล้าเริ่มทำงาน แสดงอันดับสังหาร”
“ผู้ที่สังหาร 100 อันดับแรกได้จะได้คะแนนของอันดับนั้น 1 ใน 10”
พร้อมกันนั้นเหนือหัวของผู้เล่นบางคนก็มีตัวเลขแสดง มันมีแค่ผู้เล่น 100 คนเท่านั้นที่มีแสงแบบนี้
......
“ดูนั้น ตัวเลข 1 ถึง 100 มันคงเป็นคนที่สังหารทั้ง 100 อันดับแน่นอน”
“ฮ่า ๆ ระบบเกมนี่มันสุดยอด พวกเราไปตามฆ่าพวกมัน ถ้าเราฆ่าพวกติดอันดับได้ คะแนนของพวกมันจะเป็นของพวกเราถึง 1 ใน 10”
ผู้เล่นทั้ง 100 คนที่มีอันดับสังหารมากที่สุดกลายเป็นเป้าหมายฆ่าไปโดยปริยาย
กายไม่ได้ตื่นตาตื่นใจกับการประกาศอีกครั้งของระบบ เพราะตอนนี้เขายื่นนิ่งด้วยใบหน้าน่าเกลียดอยู่ เขารู้แล้วว่าอันดับของตนเองคือเท่าไหร่
มันไม่ใช่ 40 อันดับแรก ไม่ใช่ 30 อันดับแรก แต่มันคือ อันดับ 1
“เชี่ย กูตายแน่” กายถึงกับพูดไม่ออกได้
ที่ร้านเกมภายในห้องทั้งซาเรียและไทเลอร์ก็อ้าปากค้างเช่นกัน โดยเฉพาะไทเลอร์ที่รู้สึกเหมือนมีค้อนมาตีที่หัวจนมึนงง
“อันดับ 1 กายได้อันดับ 1”
ซาเรียเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่ากายจะได้อันดับ 1 เธอรีบตะโกนบอกกาย “ไอ้โง่ อย่ายืนนิ่งแบบนั้น! รีหนีและหาที่ซ่อนเร็ว”
“ใช่ ๆ ฉันต้องหนีและหาที่ซ่อนก่อน” กายทำตามที่ซาเรียบอกทันที เขาต้องอยู่รอดไปให้ได้จนกว่าจะจบเกม
แต่พอกายหันกลับไปมองผู้เล่นทั้งหมดต่างมองมาที่กายและฉีกยิ้มกว้างให้กายราวกับว่าเขาคือตัวนำโชค
“เชี่ย!!!” กายถึงกับสบถออกมาเมื่อเห็นสายตาของผู้เล่นทุกคน เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นหญิงสาวสวยตัวเล็ก ผมสีทอง ผู้ที่แสนจะอ่อนแอ กำลังโดนชายฉกรรจ์ร่างยักษ์หลายร้อยคนรุมล้อมไม่มีผิด
“หยุด! นายมาร่วมทีมกับพวกเราใหม่” เสียงของผู้เล่นตะโกนบอกกายด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร แต่ใบหน้ากับแสดงออกชัดเจนว่า 'มึงตายแน่'
แน่นอนว่ากายไม่แม้แต่จะหันไปมอง เขาสับเท้าวิ่งสุดกำลังขึ้นไปบนเขาสูงขึ้นเรื่อย ๆ