ตอนที่ 24 ประเมินราคาและใบหน้าที่ขาวซีดของวิลเลียม
ตอนที่ 24 ประเมินราคาและใบหน้าที่ขาวซีดของวิลเลียม
ทุกคนมองไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของวิลเลียม ตอนนี้มันราวกับเขากลายเป็นลูกโปร่งที่อัดอากาศเข้าไปเต็มที่ เสียงหายใจของเขาราวกับถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ ร่างกายของวิลเลียมสั่นเทานิ้วมือทั้งหมดจิกเข้าหาฝ่ามือ
ผ่านไปสักพักวิลเลียมก็ปรับลมหายใจของตัวเอง และสงบสติอารมณ์ลง
‘ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ ข้าต้องไม่ใช้อารมณ์มาตัดสิน เดวินมันก็แค่เด็กบ้านนอกที่ได้รับการเสนอชื่อจากกรมทหารเท่านั้น แต่ถ้ามันสอบไม่ผ่านทุกอย่างก็จบ มันจะถูกไล่ออกจากสถาบันศาสตร์นักรบและนั้นคือโอกาสของข้า รอก่อนเถอะ เดวิน และก็เจ้าอีกคนมีอาสักวันเจ้าจะต้องสยบแก่ข้า’ เขามองด้วยสายตาอาฆาตไปทั้งสองคน จากนั้นหยิบเงินออกมา 100 เหรียญทองโยนไปที่เท้าของกาย
“เอาไปซะ”
วิลเลียมฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจหันหลังกลับกำลังจะก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ เพราะถ้าเขาอยู่ต่อก็มีแต่จะขายหน้าเท่านั้น
“ไม่พอ” กายพูดออกมาสั้น ๆ
“หือ...เจ้าหมายความว่าไง กับแค่ดาบเล่มนั้น 100 เหรียญทองก็พอแล้ว รับไปซะ เจ้าชั้นต่ำ” วิลเลียมกัดฟันพูดด้วยความไม่พอใจ
“มันไม่พออย่างแน่นอน ข้ามั่นใจว่าดาบเล่มนี้ไม่ได้มีราคาแค่นั้นอย่างแน่นอน”
“เจ้า...อย่าให้มันมากไปนัก แค่ดาบสวะแบบนั้น 100 ทองก็มากเกินพอแล้ว หรือเจ้าคิดว่าแค่มีสัญญานั้นจะคิดโกงเงินข้า เรื่องนี้เดวินเจ้าจะต้องรับผิดชอบ ข้าจะแจ้งไปที่สถาบันให้ยกเลิกสัญญานี่ซะ” วิลเลียมไม่อยากจะฟังกายอีกหันหลังและเดินกลับไป
“วิลเลียมเจ้าคิดว่ามันไม่มีเหตุผลไปหน่อยหรือ ถ้าอย่างนั้นเราสามารถพิสูจน์ดาบเล่มนี้ได้ว่ามูลค่าของมันเท่าไหร่กันแน่” มีอาพูดออกมา
“บัดซบ มีอา เวียลินเลีย เจ้าเป็นแค่ผู้หญิงอย่ามายุ่งเรื่องของพวกข้า” วิลเลียมชี้หน้ามีอาด้วยความโกรธ
ผู้หญิงคนนี้ขัดขวางเขาเป็นครั้งที่สองแล้วจะไม่ให้วิลเลียมโมโหได้ยังไง
“เราเอาดาบไปพิสูจน์กัน! หรือเจ้าไม่กล้าวิลเลียมผู้สูงศักดิ์!!! อ้อ...! ข้าเข้าใจแล้ว…เจ้ากลัวว่าจะไม่มีปัญญาจ่ายสินะ ข้าเข้าใจแล้ว” กายพูดด้วยท่าทางกวนโอ๊ย และพยายามพูดย้ำคำว่าเข้าใจแล้ว
“ก็เอาสิ เรามาพิสูจน์กัน แต่ว่า...เจ้าคิดจะพิสูจน์ยังไง” วิลเลียมหันไปมองมีอา
มีอายิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย “เราจะไปประเมินราคา”
มีอาเดินนำกายออกมาโดยมี วิลเลียมและลูคัสพร้อมด้วยความสนิทเดินตามมาด้านหลัง ซึ่งแน่นอนว่ามีหลายคนไม่เกี่ยวข้องก็ยังตามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าตกลงแล้วดาบเล่มนั้นจะได้รับการประเมินระดับไหนกันแน่
“มีอา ข้าขอถามหน่อยได้ไหมว่าการประเมินราคาคืออะไร”
“ได้สิ อาวุธก็คือทรัพย์สินอย่างหนึ่ง ทุกอย่างในแดนราชันสามารถประเมินราคาได้ ดาบเล่มนี้ข้าไม่แน่ใจว่ามันอยู่ระดับไหน แต่อย่างน้อยมันต้องไม่น้อยกกว่า 400 เหรียญทองอย่างแน่นอน” มีอาอธิบายให้กายฟัง
‘400 เหรียญทองนั้นพอให้ฉันทำอะไรได้หลายอย่างเลย’
“ข้าขอถามได้ไหม ทำไมเจ้าถึงช่วยข้า” กายมองไปที่ NPC สาวสวยและคิดในใจว่า ‘เธอช่วยชีวิตฉันไว้สองครั้งแล้ว บางที่เธออาจจะบอกว่า ชอบฉันก็ได้ นี่ตัวเรากำลังโดน NPC ในเกมลงรักอย่างนั้นเหรอ’
มีอาหันมามองกาย “การที่วิลเลียมให้แค่ 100 เหรียญทองมันก็ดูจะดูถูกดาบเล่มนี้และอาจารย์ช่างโลหะผู้ที่สร้างดาบเล่มนี้เกินไป ข้าก็แค่รู้สึก...ช่างมันเถอะ” มีอามองไปที่ดาบในมือของกายอย่างหลงใหล
‘เดี๋ยวสิ! สายตาของมีอาไม่ได้มองมาที่ฉันแม้แต่น้อย แต่กำลังมองไปที่ดาบ อย่าบอกนะว่าที่เธอช่วยฉันเพราะต้องการได้ดาบเล่มนี้ กายเอ๊ยนายแพ้ให้กับดาบเดซี่ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาแล้ว’ กายคิดในใจอย่างตัดพ้อกับตัวเอง
พวกเขาเดินมาถึงร้านแห่งหนึ่ง มันคือร้านขายอาวุธต้นไม้เงินที่กายเคยหลอกเอาดาบยาวไปเล่มหนึ่ง ตอนนี้ดาบเล่มนั้นยังเหน็บอยู่ข้างเอวเขา
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” มีอาถามกายอย่างสงสัย
“ไม่เป็นอะไรเราเข้าไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้านในร้านโดยมีอานำหน้า แต่กายเดินแอบ ๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตมากนัก
“เจ้า เด็กหนุ่มคนนั้น ดาบของข้าอยู่ไหน” แต่ดูเหมือนว่าแอชเชอร์เจ้าของร้านต้นไม้เงินจะจำกายได้ในทันทีที่มองครั้งแรก
ทุกคนหันมามองกาย ดูเหมือนกายและเจ้าของร้านต้นไม้เงินจะมีเรื่องบางอย่าง ตอนนี้กายกลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง วิลเลียมเองก็มองกายเช่นกัน ลูคัสยิ่งรู้สึกว่าเดวินเด็กจากหมู่บ้านนายพรานจะดูน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“อะแฮ่ม...! ข้าว่าจะเอาดาบที่ยืมท่านมาคืนอยู่พอดีเลย เอานี่ดาบของที่ข้ายืมไปมันยังอยู่ดี” กายอาศัยจังหวะนี้ส่งดาบที่เคยหลอกเอาไปจากร้านคืนอย่างรวดเร็ว
“เออ...” แอชเชอร์งงกับการกระทำของกาย แต่แล้วกายก็หยิบดาบเดซี่ออกมาวางไว้ที่โต๊ะเบื้องหน้าแอชเชอร์ ทำให้การสนใจของแอชเชอร์ไปอยู่ที่ดาบเดซี่
“นี่คือ สวยงามมากดาบเล่มนี้...”
“ข้าบอกแล้วว่าจะยืมดาบท่านไปศึกษาสักหน่อย นี่คือดาบที่ได้จากการศึกษาดาบเล่มนั้น” กายพูดแถไปเท่าที่จะได้
“ท่านต้องการขายให้ร้านของเราอย่างนั้นหรือ”
“เปล่าข้าแค่ต้องการให้ท่านช่วยประเมินราคา เห็นว่าร้านของท่านสามารถประเมินราคาดาบได้”
“แน่นอน แต่ข้าคงทำไมได้ แต่เรามีคนที่สามารถประเมินราคาและน่าเชื่อถือ ซึ่งจ่ายค่าธรรมเนียมเล็กน้อยเท่านั้น”
“ตกลง” กายหยิบเหรียญทองออกมา 3 เหรียญวางลงเบื้องหน้าแอชเชอร์ แม้ท่าทีของเขาจะปกติสุด ๆ แต่ในใจของกายรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก ‘คนพวกนี้มันอะไรกัน แค่ประเมินราคาก็คิดเงินกัน เห้อ...แม้แต่ในเกมก็ต้องใช้เงินในทุก ๆ อย่าง หรือฉันจะไปเป็นนักประเมินในเกมดีไหมนะ แค่ตรวจสอบสินค้าก็ได้รับเงินง่าย ๆ’
หลังจากได้รับเหรียญทองของกายมาแล้ว เจ้าของร้านก้ไปตามนักประเมินราคาชรามาเพื่อประเมินราคาของดาบเดซี่
“นี่คือนักประเมินราคาเชสประจำร้านดอกไม้เงินของข้า ท่านเชสเคยเป็นนักล่าสมบัติผู้เก่งกาจมากก่อนที่จะผันตัวมาเป็นนักประเมินราคา” แอชเชอร์แนะนำนักประเมินราคาเชส
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าก็ว่าเกินไป คนแก่อย่างข้าก็แค่โจรปล้นสุสานก็เท่านั้น” นักประเมินราคาเชสพูดออกมาด้วยความถ่อมตน แต่ก็สามารถสัมผัสถึงความภาคภูมิใจได้อย่างชัดเจน
แอชเชอร์ส่งเหรียญทองที่กายจ่ายส่งให้กับนักประเมินราคาเชส
“ครั้งนี้เป็นของแบบไหน”
“มันคือดาบเล่มนี้ เจ้าของคือเด็กหนุ่มจากสถาบันศาสตร์นักรบ” แอชเชอร์ชี้ไปที่กาย
“พวกเจ้าคือเด็กใหม่ของสถาบันศาสตร์นักรบสินะ” นักประเมินราคาเชสถามออกมาแบบห้วน ๆ ชายชราไม่สนใจสถานะของพวกเขาสักเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็หันไปสนใจดาบเดซี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ
“หืม...ดาบเล่มนี้มัน สีของใบดาบที่สวยงาม น้ำหนักสมดุล มีความยืดหยุ่นและความคมที่สุดยอด นี่มันคือดาบระดับ 5 ไม่ผิดอย่างแน่นอน แม้จะน่าเสียดายที่มันจัดเป็นขั้นกลาง ๆ ในระดับ 5 เท่านั้น” นักประเมินราคาเชสยิ่งตรวจสอบดาบก็ยิ่งตื่นเต้น
แต่คนที่ตื่นเต้นยิ่งกว่าคือคนจากสถาบันศาสตร์นักรบที่มารวมตัวกัน
“เหลือเชื่อเดวินมีดาบระดับ 5”
“ดาบระดับ 5 คือดาบที่ใช้กันในหมู่นักรบแท้จริงมันต้องแพงมากแน่ ๆ”
“แพงเหรอ มันคือค่าอาหารทั้งปีของฉันเลยทีเดียวถ้าต้องการจะซื้อมัน แต่นี่ยังเป็นระดับ 5 ขั้นกลาง ๆ อีก”
ใบหน้าของวิลเลียมซีดไปแล้ว เมื่อคิดว่าต้องจ่ายเงินเท่ากับราคาดาบให้กับกาย ถ้าเป็นการซื้อดาบระดับ 5 เขาจะยังไม่เสียใจเท่านี้แต่นี่คือการเสียเงินให้ไปเฉย ๆ มันทำให้วิลเลียมกลัว ถ้าพ่อของเขารู้คงโดนตำหนิอย่างรุนแรงแน่นอน
“ราคาดาเล่มนี้อยู่ที่หนึ่งพันห้าร้อยเหรียญทอง” นักประเมินราคาเชสพูดออกมาขณะที่ว่างดาบลง
“เป็นไปไม่ได้ การประเมินนี้มันผิดผลาดถึงดาบเล่มนี้จะเป็นระดับ 5 แต่มันจะแพงแบบนั้นได้ยังไง อย่างมากก็แค่ 1000 เหรียญทอง เจ้ารวมหัวกันโกงข้าอย่างนั้นเหรอ ข้าต้องการให้ไปประเมินที่อื่น” วิลเลียมโวยวาย
ปัง!
นักประเมินเชสตบโต๊ะเสียงดังด้วยความไม่พอใจที่โดนดูถูกแบบนี้ “บัดซบไอ้หนู...เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร เจ้าเป็นนักประเมินงั้นเหรอ ข้าจะบอกให้ราคานี้คือต่ำสุดแล้ว บางทีมันอาจจะแพงกว่านี้ก็ได้ถ้าสามารถผนึกจิตวิญญาณลงไปในดาบได้”
ในตอนแรกพวกเขาก็คิดว่าราคามันดูจะแพงไปหน่อยจริง ๆ แต่พอได้ยินว่าดาบเล่มนี้สามารถผนึกจิตวิญญาณลงไปได้พวกเขาก็ถึงกับตกตะลึง
แค่ดาบระดับ 5 ก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อแล้ว แต่นี่ดาบเล่มนี้สามารถผนึกจิตวิญญาณลงไปได้อีก ราคาของมันจะแพงมากกว่าเดิมถึงสองเท่าอย่างแน่นอนถ้าสามารถผนึกจิตวิญญาณลงไปได้
ไม่ใช่แค่ทุกคนที่ตกตะลึง กายเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ‘ฉันรวยแล้ว ดาบเดซี่ที่ใช้ทุนสร้างไม่ถึง 100 ทองในการสร้างสามารถขายได้นับพันทอง ว่าแต่อะไรคือการผนึกจิตวิญญาณ หรือมันเหมือนกับหลอดไฟจิตวิญญาณ’
“หนึ่งพันห้าร้อยเหรียญทอง ดาบที่ผนึกจิตวิญญาณลงไปได้” วิลเลียมพูดเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ‘ข้าต้องเสียเงินหนึ่งพันห้าร้อยเหรียญทองให้กับมัน บัดซบ! โจชัวทำไมเจ้าถึงได้แพ้ไอ้เด็กบ้านนอกนี่กัน’
“วิลเลียมเจ้าแพ้พนันดังนั้นต้องจ่ายหนึ่งพันห้าร้อยเหรียญทองให้กับข้า” กายแบมือไปทางวิลเลียม เหมือนกับจะบอกว่า จ่ายข้ามาซะ
‘ไอ้บัดซบนี่’ วิลเลียมกัดฟันแน่นและกล่าวว่า “ตอนนี้ข้ายังไม่ได้พกเงินติดตัวมานอกจากร้อยทองนั้น”
“ก็ได้ แต่เรามาเซ็นสัญญาถายใน 3 เดือนเจ้าต้องเอาเงินหนึ่งพันสี่ร้อยเหรียญทองมาจ่ายให้ข้า”
สัญญาที่ว่านี้เมื่อเซ็นแล้วจะมีผลใครทางกฎหมายของนครดารา ถ้าใครไม่ทำตามจะโดดจับกุมตัว ถ้าทรัพย์สินไม่พอใช้หนี้ก็จะโดนจับขัง
วิลเลียมไม่มีทางเลือก เขาแพ้พนันจริง ๆ แถมยังมีสัญญาการพนันของทั้งสองคนอีก ตอนนี้เขาจึงทำได้แต่ยอมรับสัญญานี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาต้องกลับไปเอาเงินมาจ่ายให้กายทันที
แน่นอนว่าตอนนี้วิลเลียมมีเหรียญทองมากขนาดนั้นในตอนนี้ เขาต้องการเวลาในการรวบรวมเงินก้อนนี้