ตอนที่ 2 ทำงานล่วงเวลา
ตอนที่ 2 ทำงานล่วงเวลา
กายเดินมาที่โรงงานแยกชิ้นส่วนโลหะ สถานที่ทำงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เขาเรียนรู้อะไรได้มากมายว่าการทำงานมันเหนื่อยแค่ไหน เขาเดินเข้าไปต่อคิวและใส่บัตรพนักงานเพื่อเข้าไปทำงานด้านใน
ในระหว่างนั้นเขาเห็นลุงแฟรงค์ที่กำลังกินกาแฟและพุดคุยกับเพื่อนคนงานด้วยกัน ลุงแฟรงค์ทำงานที่นี่มามากกว่า 30 ปีแล้วดังนั้นเขาจึงถือว่าเป็นคนงานอาวุโสของที่นี่เลย แต่ก็ใช่ว่าลุงของเขาจะมีตำแหน่งสูงอะไรนอกจากช่างตัดเหล็กฝีมือดีที่ได้เงินเดือนมากกว่าคนอื่นเล็กน้อยเท่านั้น
การที่จะเป็นหัวหน้าคนงานได้อย่างแรกเลยคือต้องเรียนจบสูง ๆ ซึ่งคนงานในนี้ร้อยละ 50 ไม่ได้เรียนหนังสือ และร้อยละ 45 ที่เป็นคนรุ่นใหม่แต่ยากจนได้เรียนแค่ภาคบังคับเท่านั้นเหมือน ๆ กับตัวของกายไม่มีผิด
การทำงานในวันนี้ผ่านไปทั้งวันไม่มีอะไรที่พิเศษมากนัก ขณะที่งานวันนี้หมดเวลาลง ในตอนนั้นเองบรู๊กหัวหน้าผู้คุมงานก็เดินเข้ามาและเรียกทุกคนให้มารวมกัน
“เอาแหละทุกคนเงียบ ๆ กันหน่อย ฟังกันหน่อย ตอนนี้พอดีเราได้รับงานด่วนมาใหม่จะต้องทำให้เสร็จในคืนนี้คือรื้อและแยกชิ้นส่วนซากยานที่พึ่งประสบอุบัติเหตุตายยกครอบครัว โดยคนที่ถูกเรียกชื่อจะต้องทำงานล่วงเวลาและจะบวกค่าแรงเพิ่มให้อีก 500 บิท”
ทันทีที่เสียงพูดของบรู๊กพูดจบคนงานต่างก็แสดงท่าทีต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากที่จะโดนเรียกชื่อและทำงานจนดึกทั้งที่ได้ค่าตอบแทนน้อยนิด และคนที่โดนเรียกจะปฏิเสธก็ไม่ได้
“โรงงานจะเอาเปรียบพวกเราเกินไปแล้ว ค่าแรงก็จ่ายแค่ค่าแรง 2000 บิทเท่านั้น ยังจะให้มาทำงานล่วงเวลาแถมยังให้เงินแค่ 500 บิทเอง เฮ้อชีวิตช่างน่าเศร้าจริง ๆ” ทันใดนั้นเสียงชายอายุ 20 ปีก็ดังขึ้น
“ใช่ ฉันเห็นด้วยนายลาออกประท้วงเลยสิ” กายหันไปหยอกล้อชายที่พึ่งพูดเมื่อสักครู่นี้ เขาชื่อ ไทเลอร์ เป็นเพื่อนที่กายรู้จักมาได้สามเดือนแล้วตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ใหม่ ๆ และดูพวกเขาจะคุยถูกคอกันจึงเป็นเพื่อนสนิดกันอย่างรวดเร็ว
“ออกกับผีนะสิ หรือนายจะให้ฉันไปทำงานแบกหามตากแดดตากลมอยู่ข้างนอกจนตัวดำกันหรือไงกัน...ช่างมันเถอะ มาลุ้นกันดีกว่าว่าใครจะโดนเรียกชื่อบ้าง” ไทเลอร์พูดประชดกายเรื่องที่ให้เขาไปลาออก แต่เขาก็ต้องหยุดพูดเพราะตัวเองนั้นดำอยู่แล้ว
แต่ก่อนที่กายจะได้พูดตอบโต้ไทเลอร์ หัวหน้าคนผู้คุมงานก็เรียกชื่อจนครบทุกคนและไม่รู้เมื่อเช้ากายไปเดินเหยียบขี้หมามาหรือเปล่าจึงโชคร้ายโดนเรียกชื่อเป็นคนสุดท้าย
ไทเลอร์เดินเข้ามาหาเขาด้วยตัวที่สูงประมาณร้อยเก้าสิบเซนติเมตรตบบ่าเพื่อนสนิทแสดงท่าทีสงสาร แต่ในสายตากับเต็มไปด้วยความล้อเล่น “เฮ้อหวังว่านายจะผ่านพ้นคืนนี้ไปนะ ส่วนฉันจะไปนอนกอดแฟนที่มาหาในค่ำคืนที่แสนหวาน ฉันเอาใจช่วยนาย”
กายมองดูสายตาล้อเลียนของไทเลอร์อย่างเจ็บ ๆ เขาจึงถือโอกาสต่อยสวนไปที่ท้องหนึ่งหมัดและเดินไปทำงานต่อทิ้งให้ไทเลอร์นอนจุกอยู่กับพื้น โดยกายยังแวะไปบอกลุงแฟรงค์ว่าเขาต้องทำงานล่วงเวลาจึงกลับดึก ลุงแฟรงค์ก็ทำแต่เพียงพยักหน้าเป็นการรับรู้เท่านั้น
กายและคนงานอีกร้อยชีวิตมองดูยานโดยสารส่วนตัวขนาดประมาณ 20 เมตรที่สภาพยับเยินแทบไม่มีชิ้นดี ด้านในยังคงเห็นคราบเลือดซึ่งเดาว่าคงมาจากคนเจ้าของยานที่ตาย ยังดีที่เจ้าหน้าที่นำศพคนตายออกไปแล้วไม่งั้นกายคงจะรู้สึกหลอน ๆ น่าดูแม้ตอนนี้เขาจะรู้สึกหลอนอยู่ก็ตาม
พวกเขาเริ่มจากการใช้เครื่องตัดเล็กชนิดพิเศษจัดการถอดเอาเกราะด้านนอกออก และต่อมาก็ตัดตัวโครงยานไล่ไปทีละชิ้น
ด้วยความร้อนจากเครื่องตัด แม้ภายในโรงงานจะมีเครื่องปรับอากาศ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่
ยังดีที่ตอนกลางคืนอากาศบนพื้นโลกจะเย็นกว่าตอนกลางวัน ทำให้โรงงานเย็นขึ้นจึงยังพอทนได้บ้าง
เวลาล่วงเลยไปถึง 5 ทุ่มกว่า ๆ งานก็ไกล้เสร็จแล้วในส่วนที่กายถือหัวตัดเหล็กอยู่ก็เข้าไปด้านในห้องที่เละ ๆ บิดเบียวไม่มีชิ้นดีในจังหวะนั้นเองเขาก็ทำพลาดจนเกิดพลัดตกลงไปในห้องนั้น
“เฮ้ยน้องชาย นายเป็นอะไรหรือเปล่า” คนงานที่อยู่รอบ ๆ ตกใจกลัวว่ากายจะเป็นอะไรก็รีบถามทันที
“ไม่เป็นอะไรครับ พอดีผมกระโดดลงมาจะตัดจากข้างในออกไป” กายตอบอย่างเขิน ๆ เขาไม่กล้าบอกว่าตัวเองพลัดตกหน้าทิ่มหัวคะมำลงไปหรอก ได้ถูกคนพวกนี้เอาไปคุยล้อในช่วงพักเบรกอย่างแน่นอน
หลังจากแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ไปแล้วเขาก็มองดูรอบ ๆ ภายในเป็นเหมือนห้องของผู้ชายดูหรูหรามาก
“โอ้ นี่มันซากแคปซูลเกมนี่หว่า ดูท่าจะรุ่นใหม่น่าดู” กายหยิบชิ้นส่วนเล็กที่มีสภาพไม่เหลือชิ้นดีขึ้นมาดู แต่มันยังพอดูออกว่าเป็นแคปซูลเกมอย่างแน่นอน
แคปซูลเกมที่กายกำลังพูดถึงอยู่นี้มันคือเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงที่พัฒนากันมาเกือบ 60 ปีแล้ว ถ้าจะบอกให้ชัดเจนคือสงครามพัฒนาเทคโนโลยีอาวุธ อย่างนั้นความอยากในการใฝ่หาความบันเทิงของมนุษย์ก็พัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับเกม ที่เริ่มมาจากเกม VR ต่อมาก็เกมในโลกเสมือนจริงที่จำดึงเราเข้าไปสู้โลกของเกมโดยตรง
กายมองดูมันอย่างสนใจชีวิตนี้เขาเคยแต่เล่นเกมในคอม ส่วนร้านเกมที่มีแคปซูลเกมถือว่าเป็นของที่ใช้เงินเยอะ ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสไปสัมผัสมัน
แต่ขณะที่เขากำลังจับชิ้นส่วนแคปซูลเกมอยู่นั้นก็เจอกับกล่องโลหะสีดำสวยงามไม่ใหญ่มากนัก ด้วยความอยากรู้อยากเห็นกายจึงแตะมันไปที่ฝ่ากล่องเบา ๆ
ฝึบ!
และในตอนนั้นเองกล่องก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ด้านในมีกำไลไฮเทคอยู่ชิ้นหนึ่ง เขารู้ในทันทีมันคือ “ลิ้งค์เกม” กายรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะใส่ลิ้งค์เกมดู และในที่สุดด้วยความที่เขาพึ่งอายุ 19 ปีจึงไม่อาจจะยับยั้งชั่งใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ ซึ่งกายให้เหตุผลกับตัวเองแบบนี้ก็จะหยิบลิ้งค์เกมมาใส่ที่ข้อมือขวา
เพราะโอกาสในการที่จะได้ลองใส่ของแบบนี้มันแทบเป็นไปได้ไม่ได้เลย คนอยากเขาไม่มีปัญญาซื้อมาใส่อยู่แล้ว
แต่แล้วอยู่ ๆ พอลิ้งค์เกมสวมไปที่ข้อมือมันก็ปรับขนาดรัดไม่สามารถถอดได้ กายรู้สึกตกใจมากและในตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกเหมือนมีเข็มมาจิ้มไปจึกหนึ่งที่ข้อมือ
และจากนั้นกำไลลิ้งค์เกมก็กะพริบแสงเหมือนมันกำลังโหลดอยู่พร้อมกับมีข้อความหมุนวนไปมาที่กำไล “ทำการยืนยันเจ้าของเสร็จสิ้น”
และแล้วกำไลลิ้งค์เกมก็กลับมาเป็นปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือมันดันถอดไม่ได้ แม้จะถอดไม่ได้ แต่ตัวกำไลลิ้งค์เกมก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อยราวกับไม่ได้ใส่อะไรเลย
“มัน...มันเกิดอะไรขึ้น” กายยื่นแขนขวาออกไปด้านหน้า ในใจเขารู้สึกตกใจมากไปกว่านั้นคือกลัว เพราะของในยานทุกอย่างคือทรัพย์สินของโรงงานถ้าเกิดมีคนรู้เรื่องกำไลลิ้งค์เกมที่เขาใส่อยู่คงโดนไล่ออกอย่างแน่นอน
กายมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่มีใครเห็นเข้าก็ค่อย ๆ แขนเสื้อมาปิดมันเอาไว้
“อย่างน้อยก็แค่ตอนนี้หวังว่าจะไม่มีใครเห็นกลับไปต้องไปหาวิธีถอด” กายพูดให้ความหวังกับตัวเอง แต่แล้วบรู๊กหัวหน้าควบคุมงานก็เดินมาดูกายเพราะเห็นเขาเงียบไปสักพัก
“นายทำอะไรอยู่ อย่าอู้รีบทำเข้างานจะเสร็จแล้วจะได้รีบกลับ”
กายทำเป็นตีเนียนหัวเราะกลบเกลื่อนจากนั้นก็รีบทำงานของตัวเองให้เสร็จ แต่ยิ่งทำไปก็ยิ่งคิดเรื่องกำไลลิ้งค์เกม ต่อให้ถอดได้มาคืนก็ถือว่าขโมยไปแล้วอยู่ดีงั้นถ้าเราเนียน ๆ ไปก็ไม่มีใครรู้ละมั้ง จึงคิดว่าแค่ลิ้งเกมโรงงานคงไม่รู้หรอกดังนั้นเขาจึงคิดจะเก็บมันเอาไว้เพราะถือว่าเป็นค่าล่วงเวลาในการทำงานที่ไม่เป็นธรรมของโรงงานก็แล้วกัน
ที่จริงแล้วกายคิดมากไป เพราะส่วนใหญ่แล้วคนงานมักจะหยิบบางอย่างที่ไม่ใช่วัสดุหลักอะไรติดไม้ติดมือไปอยู่แล้ว แม้แต่หัวหน้าบรู๊กก็ยังทำ
......
หลังจากเลิกงานตอนเที่ยงคืนกายก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาชุดเดิมและหยิบหน้ากากพร้อมกับผ้าแถว ๆ นั้นมันพันคอเพื่อให้ความอบอุ่นขณะเดินกลับบ้านตอนเที่ยงคืน
เนื่องจากค่าล่วงเวลามักจะจ่ายให้เลยจ่ายจึงมีเงินติดตัว 500 บิทและเพราะความหนาวเขาก็เลยจ่ายไป 30 บิทขึ้นรถบัสประจำทางกลับไปลงแถว ๆ บ้านแทนที่จะเสียเวลาเดินเกือบครึ่งชั่วโมง
หลังจากกลับมาถึงบ้านกายก็ใส่รหัสเปิดประตูเข้ามาอย่างเงียบ ๆ เพราะเขาไม่อยากไปปลุกป้ามิแรนด้าขึ้นมาด่าเขา
กายเดินไปที่ห้องครัวด้วยความหิวก็เจอกับอาหารเหลือในจานมีเนื้อสังเคราะ เกรดคัดทิ้ง 1 ชิ้น กับแป้งเหลว 1 ถ้วย ถึงจะเป็นเนื้อระดับต่ำแต่เขาก็กินเพราะไม่ได้กินมานานมาก กายเคี้ยวเนื้อด้วยท่าทีพอใจ ที่จริงมันอาจจะไม่ได้อร่อยขนาดนั้น แต่เพราะความหิวทำให้อาหารมีรสชาติมากขึ้น
ในตอนนั้นเองอันยาเดินเข้ามาในครัว เมื่อเธอเห็นกายก็พูดออกมาอย่างแดกดันว่า “กินยังกับขอทาน...ราวกับไม่เคยกินเนื้ออย่างนั้นและ”
“ทำไงได้ละก็ฉันหิว” กายตอบ
อันยาเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำเย็นกินแต่พอได้กลิ่นเหงื่อจากตัวของกายก็ทำหน้าหยีหมดอารมณ์เดินกลับเข้าห้องของตัวเองชั้นสองไป
หลังจากได้เห็นอันยากายจึงได้รู้ว่าที่ทำไมวันนี้มีเนื้อกิน ก็เพราะอันยากลับมาบ้านช่วงปิดเทอมป้ามิแรนด้าคงจะซื้อเนื้อพวกนี้มาทำให้ลูกของตัวเองกิน และเมื่ออันยามาดังนั้นอานนก็น่าจะกลับมาด้วย กายรู้สึกไม่ดีกลับอานนมากกว่าอันยาซะอีก เพราะด้วยความเป็นพี่ใหญ่อานนมักจะแกล้งกายอยู่บ่อยครั้ง บางทีก็ชอบวางท่าให้กายเป็นเบ๊รับใช้ก็มี
กายรีบยกแป้งเหลวที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ซดจนหมดจากนั้นก็หาน้ำมากะละมังหนึ่งใช้ผ้าเช็ดตัวที่มีแต่เหงื่อจนสะอาดแล้วจึงกลับเข้าห้องใต้หลังคาซอมซ่อของเขาอย่างสบายใจ
ขณะที่กายทิ้งตัวลงที่นอนเขาก็นึกขึ้นได้จึงยกแขนขวาขึ้นมองดูกำไลลิ้งค์เกม เด็กหนุ่มลองกดไปมารอบ ๆ กำไลมั่ว ๆ ดูเผื่อจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่เป็นผล
แต่แล้วเขานึกอะไรขึ้นได้จึงรีบดีดตัวลุกขึ้นไปเปิดคอมพิวเตอร์เก่า ๆ ทันที