ตอนที่ 16 เหล็กแท่งห้าสิบชิ้นต่อวันและหลอดไฟจิตวิญญาณ
ตอนที่ 16 เหล็กแท่งห้าสิบชิ้นต่อวันและหลอดไฟจิตวิญญาณ
กายยืนอยู่ในห้องแห่งหนึ่งในโรงตีเหล็กไร้เวลา เสียงค้อนกระทบกับโลหะร้อน ๆ โดยมีทั่งตีเหล็กรองรับแรงที่ช่างโลหะทุบลงมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเดินเข้าไปเขาก็ยืนงงอยู่สักพักเพราะไม่มีใครสนใจเขาเลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งเขาไปขวางทางการทำงานเข้าจึงถูกดุด่า
“เฮ้เจ้ายืนขวางทางทำบื้ออะไรหลบไป”
“พี่ชายข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่าอาจารย์ช่างโลหะจอห์น คาธาเรียอยู่หรือเปล่า”
“หือ เจ้าเป็นช่างโลหะฝึกหัดที่จะมาทำงานที่นี่เหรอ”
“ใช่ครับ” กายตอบกลับด้วยความจริงใจ
ชายคนนั้นเดินมาตบไหลกายด้วยสายตาสงสารและกล่าวว่า “เจ้าช่างโชคร้ายนัก เอาเถอะยังไงก็สู้แล้วกัน”
จากนั้นชายคนนั้นก็เดินไปเข็นงานของตัวเองแต่ก็ดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่ากายถามอะไรจึงหันมาบอกว่า “อาจารย์ช่างโลหะจอห์นอยู่ทางด้านนั้นในห้องเตาหลอม”
ชายหนุ่มมองคนแปลก ๆ คนนี้จากไปแบบงง ๆ แต่ก็ยังเดินไปตามทิศทางที่ชายคนนั้นบอก
“ท่านอาจารย์จอห์น คาธาเรียใช่ไหมครับ” กายเข้ามาถามชายชราอายุประมาณ 60 ปีสูง 1.5 เมตรแต่กับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไว้หนวดเครารุงรังเต็มใบหน้า ด้านข้างมีขวดเหล้าอยู่แสดงให้เห็นว่าเป็นคนชอบดื่มเหล้ามาก
ชายชราคนได้ยินเด็กหนุ่มเรียกชื่อของตัวเองก็พ่นเหล้าที่อยู่ในปากลงไปที่โลหะที่กำลังขึ้นรูปเป็นดาบจนมันเกิดประกายไฟดัง ฟู่! พวยพุ่งขึ้นสูง ทำเอากายมองกับการกระทำแบบงง ๆ กับสิ่งที่ชายชราทำและคิดว่า ‘ถ้าไฟมันไหมหนวดตรงหน้าเขาจะทำหน้ายังไง’
“หือ...เจ้าเป็นใคร?” ช่างโลหะจอห์นถามเขาด้วยท่าทีที่เมามายเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ ช่างโลหะจอห์นก็หยิบเหล้าขึ้นมาดื่มอีกอึก
“เอ้า...ข้าถามเจ้าเป็นใครตอบมาสิ หรือเป็นเด็กใหม่...ครอกฟี้...ครอกฟี้” แต่แล้วช่างโลหะจอห์นก็เหมือนจะคอพับหลับลงไปทั้งแบบนั้น
“เชี่ย! เล่นแบบนี้เลยเหรอ” เขาถึงกับอึ้งไปทันที ทำไมคนแบบนี้ถึงเป็นอาจารย์ช่างโลหะได้กัน
“เห้ย ท่านอาจารย์จอห์น!!! อะไรวะเนี่ยนี่มัน NPC แบบไหนกัน” กายเขย่าตัวของชายชราคนอย่างแรงแต่เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผล เขาก็มองหาวิธีอื่น
“ฮี่ ๆ นี่แหละ” กายหัวเราะออกมาขณะมองไปที่ดาบที่ยังร้อน ๆ ซึ่งวางอยู่บนทั่งตีเหล็ก เขาหันไปหยิบคีมเหล็กคีบดาบร้อน ๆ เล่มนั้นขึ้นมาแต่ก็รู้สึกได้ถึงความหนักของมันพอสมควร
“หนักมาก” กายตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าดาบที่ดูไม่เป็นดาบอันนี้หนักขนาดนี้ กายยังทำภารกิจปลุกอาจารย์ช่างโลหะจอห์นต่อ
“เอาล่ะนะ”
เหล็กร้อน ๆ ค่อย ๆ เข้าไปใกล้อาจารย์จอห์นผู้ที่หลับอยู่แต่ก่อนที่กายจะทำสำเร็จ
อาจารย์จอห์นก็ลืมตาขึ้นมองการกระทำของเด็กหนุ่ม “เจ้าจะทำอะไรวะไอ้หนู”
“ข้าก็กำลังจะปลุกท่านไง” กายตอบกลับแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์จอห์นตื่นแล้วเขารีบปล่อยคีมเหล็กในมือทันทีทำให้มันหล่นลงเฉียดเท้าของชายชราคนไปเล็กน้อย
ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา กายยิ้มแห้ง ๆ ส่วนอาจารย์จอห์นเหงื่อตกเหล็กน้อย เพราะอีกนิดเดียวเท้าเขาก็เกือบจะเป็นรูไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเล่นทำเอาชายชราคนสร่างเมาไปในทันที
“ท่านตื่นแล้วใช่ไหม ข้าคือช่างโลหะฝึกหัดที่มารายงานตัวกับท่านอาจารย์ช่างโลหะจอห์น ท่านใช่ช่างโลหะจอห์นใช่หรือเปล่า” กายรีบชิงพูดเข้าธุระก่อนในทันที
“เจ้าคือเด็กฝึกงานคนใหม่”
อาจารย์จอห์นถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าพอใจสิแปลก
“ใช่ครับ ข้ามาจากกองพลที่ 8 แห่งกองทัพรักษานคร” กายตอบด้วยท่าทางนอบน้อมแกล้งลืมสิ่งที่เขาพึ่งทำลงไป
“ดีกองพลที่ 8 โจเซฟส่งเจ้ามาสินะ ตามกฎแล้วเจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าต้องทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนดในแต่ละวันให้เสร็จ” ชายชราคนถามด้วยน้ำเสียงและสายตาที่เป็นประกาย
‘สายตาแบบนั้นหมายความว่าไง ท่านคงไม่ใช่แค้นเรื่องเมื่อกี้หรอกนะ ใครใช้ให้ท่านมาหลับใส่ข้ากัน’ กายได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกไป เขาตอบ “ข้าพอรู้มาบ้าง”
“ดีหวังว่าเจ้าจะทนได้ดีกว่าคนก่อนหน้าที่หนีออกไป...เอาเถอะ งานของเจ้าคือนำเหล็กที่หลอมออกมาตีเป็นเหล็กแท่งวันละห้าสิบชิ้น ห้ามขาดแต่เกินได้ ถ้าเจ้าทำเสร็จแล้วจะไปไหนก็ได้ แต่ถ้าทำไม่ได้เจ้าจะโดนไล่ออกจากสถาบันศาสตร์นักรบ” ชายชราพูดออกมารวดเดียว
“ห้า...ห้าสิบชิ้น”
“ใช่”
“วันที่ข้ามีเรียนต้องได้ห้าสิบชิ้นด้วย”
“ใช่ เจ้ามีปัญหาไหม” ชายชราจอห์นถามด้วยท่าทางกวน...เล็กน้อย
“มี...ท่านสั่งงานข้าขนาดนี้เพราะเรื่องเมื่อสักครู่ใช่ไหม” กายถามอย่างไม่พอใจ
“เจ้าคิดมากไป” อาจารย์ช่างโลหะจอห์นโบกมือเป็นสัญญาณการไล่กายไปทำงานและหันไปหยิบเหล้าขึ้นมาดื่ม
......
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
เสียงโลหะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะดึกมาแล้วแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนภายในโรงตีเหล็กไร้เวลาจะหยุดทำงานกันแม้แต่น้อย
กายปาดเหงื่อบนหน้าออกตอนนี้เขาถอดเสื้อของสถาบันศาสตร์นักรบพลาดไว้ด้านข้างและทำงานโดยเปลือยท่อนบนนานแล้ว
ด้วยความร้อนภายในโรงตีเหล็กไร้เวลามันถึงกับทำให้เขาหมดแรงไปตั้งแต่ยังไม่ตีเหล็กเลยแม้แต่น้อยแต่นี่กับต้องมาตีเหล็กที่หลอมออกมาให้กลายเป็นแท่งเหล็กดิบตั้ง 50 ชิ้น
“ในที่สุด...ก็ครบ” กายกัดฟันทุบลงไปครั้งสุดท้ายก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ เขาทิ้งตัวลงนอนกลับพื้น แต่เพราะพื้นมันร้อนกายจึงรีบลุกออกมานำเหล็กทั้งหมดไปส่งที่คนตรวจสอบจำนวนว่าครบหรือไม่ที่คลังทางด้านหลัง
จากนั้นก็รีบออกไปจากโรงเหล็กไร้เวลาในทันที
“ฮ่า ๆ วันแรกข้าผ่านมาได้” กายรู้สึกอยากปาดน้ำตาแม้จะไม่มีน้ำตาก็ตามที เขาพึ่งเล่นเกมมาแค่ไม่กี่วันแต่กลับต้องมาวนเวียนกันงานโลหะ แล้วยังต้องมาทำงานราวกับแรงงานชั้นต่ำแบบในโลกจริงอีก ใครบ้างที่จะทนได้
“บ้าเอ้ยข้าเข้าเล่นเกมเพื่อความแข็งแกร่งก่อนที่แดนสงครามจะเปิดแล้วนี่มันอะไรกลายเป็นว่าไม่ได้เรียนรู้อะไรแต่ต้องมานั่งทำงานทั้งวัน แล้วความเหนื่อยนี่มันจะสมจริงไปไหน” กายบ่นไม่หยุดแต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ยกถุงเงินที่พึ่งได้มา
“ยังดีที่พวกเขาจ่ายเงินให้กับงานที่ทำ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีที่พวกเขาคิดไว้แล้วว่าข้าจะต้องทำงานแลกกับเงินจ่ายค่าเทอมในแต่ละเดือน ถ้าไม่ทำก็ไม่มีเงินจ่าย ไม่มีเงินจ่ายก็โดนไล่ออก ฮึ! สถาบันศาสตร์นักรบช่างคิดรอบคอบจริง ๆ” กายพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยเพราะสุดท้ายเงินที่เขาถืออยู่ก็ต้องกลับไปอยู่ในมือสถาบันเหมือนเดิม
“จากค่าแรงเหล็ก 1 แท่งได้ 3 เหรียญเงินถ้าต้องทำวันละ 50 แท่งก็ตกเดือนละ 150 เหรียญเงิน ตามอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินในเกมคือ 1 เหรียญทองเท่ากับ 10 เหรียญเงินและเท่ากับ 100 เหรียญทองแดง ดังนั้นแปลงเป็นเหรียญทองก็เท่ากับ 15 เหรียญทอง หนึ่งเดือนก็เท่ากับ 450 เหรียญทอง ต้องจ่ายค่าเรียนเดือนละ 150 เหรียญทอง เท่ากับข้ายังมีเงินเหลือ 300 เหรียญทองต่อเดือน แต่...”
กายหยุดเล็กน้อยมองท้องของตัวเอง “ข้าต้องกินอาหารในเกมไหนจะเรื่องอุปกรณ์และเวลาลงเรียนศิลปะการต่อสู้ยังต้องใช้เงินอีกมาก”
เขาปาดเหงื่อบนใบหน้าได้แต่บ่นว่า “ในชีวิตจริงข้าต้องทำงานที่โรงงานแยกชิ้นส่วนโลหะ ในเกมยังต้องมาทำงานเกี่ยวกับเหล็กอีกอย่างงั้นเหรอ นี่มันโรงงานนรกชัด ๆ”
กายบ่นไปก็เดินหลังจากนั้นก็ไปหากินอะไรที่โถงอาหารของสถาบันศาสตร์นักรบ ซึ่งแม้จะดึกแล้วแต่ก็ยังมีบริการถึงห้าทุ่มเลยทีเดียว
‘ยังดีที่ไม่ใช่ขนมปังดำแข็ง ๆ ที่เขวี้ยงหัวโจรแตก แต่เป็นขนมปังขาว’ เรื่องเมื่อวานตอนเดินทาง (ในเกม)
“ข้าขอขนมปังขาวสองก้อน ซุปถั่วหนึ่งถ้วย”
“ทั้งหมด 5 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง” คนขายบอกกับเขา
“แพงขนาดนั้นเลย” กายถามออกไป
“โอ้เจ้าเป็นเด็กปีหนึ่งใช่ไหม ราคาอาหารช่วงกลางคืนจะเพิ่มขึ้น 50 % และแน่นอนว่ามันแพงกว่าข้างนอกสถาบันศาสตร์นักรบ”
“ขอบคุณครับ ข้าไม่รู้มาก่อนเลย” กายยิ้มหน้าจืด ๆ
“เอาแบบนี้แล้วกัน เห็นแก่เจ้าเป็นเด็กใหม่ ข้าจะแถมเบียร์ข้าวบาร์เลย์ให้แล้วกัน” คนขายอาหารยกแก้วไม้ขนาดใหญ่ตักลงไปในถังเบียร์ข้าวบาร์เลย์ส่งให้กับกาย
“ขอบคุณครับ” กายรับเบียร์ข้าวบาร์เลย์แก้วนั้นมา ของฟรีทำไมเขาต้องปฏิเสธด้วย อีกอย่างตามที่เขารู้มาดูเหมือนในเกมนี้เด็กที่อายุครบ 16 ปีจะนับเป็นผู้ใหญ่แล้ว
กายเดินไปนั่งในมุมหนึ่งของโถงอาหารและเริ่มลงมือกินพร้อมกับที่มองสำรวจรอบ ๆ ไปด้วย โถงอาหารแห่งนี้แม้ในยามกลางคืนก็ยังคงส่องสว่างอยู่มันมาจากแสงไฟจากหลอดไฟ
ใช่แล้วหลอดไฟใครจะไปคิดว่าโลกราชันที่เหมือนจะย้อนไปเกือบ ๆ ยุคกลางจะมีหลอดไฟ แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกับในโลกจริงซะทีเดียวเพราะพวกมันอาศัยสิ่งที่เรียกว่าไฟจิตวิญญาณส่งมาตามท่อ พวกมันจึงถูกเรียกว่า “หลอดไฟจิตวิญญาณ”
แต่แน่นอนว่าหลอดไฟจิตวิญญาณไม่ได้มีอยู่ในสถานที่ทั่วไปหรือตามบ้านประชาชนคนธรรมดา มันมีแต่ในสถานที่ฟุ่มเฟือยอย่างสถาบันศาสตร์นักรบและก็ไม่ใช่ทุกที่อีก เพราะในห้องพักฟรีของกายก็ไม่มี
“ดูเหมือนในเกมนี้จะไม่ใช่แค่การต่อสู้ธรรมดา มันมีศิลปะการต่อสู้ มีจิตวิญญาณ ชักน่าสนใจแล้วสิ” กายรีบกินขนมปังขาวที่กรอบนอกนุ่มในและยิ่งจุ่มลงไปในซุปถั่วร้อน ๆ ยิ่งเพิ่มรสชาติที่น่าหลงใหลเข้าไปอีก
หลังจากจัดการอาหารตรงหน้าแล้วเขาก็รู้สึกคอแห้งจึงหยิบแก้วที่เต็มไปด้วยเบียร์ข้าวบาร์เลย์ขึ้นมาซดไปหลายอึก
“โอ้ อร่อยมาก” กายดื่มมันอีกหลายอึก เบียร์ข้าวบาร์เลย์มีกลิ่นรสของมอลต์มาก รสหวานและมีสีเข้มจนเกือบดำ ให้ความรู้สึกนุ่มและสดชื่นมาก
“อ้า!” กายถึงกับถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ดีสุด ๆ ความเหนื่อยล้าของตัวละครเหมือนจะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงแบบนั้นเมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน
เขาจึงเก็บชามไปไว้ยังที่พวกเขากำหนดไว้ จากนั้นก็กลับไปห้องพักผ่อน