คาเฟ่ 8
Cat Eye (แคทอาย)เป็นผลงานในยุค 80 ในโลกเดิมของเขาซึ่งถือได้ว่าเป็นมังงะแนวโบราณ แต่การนำมันมาสู่โลกนี้ถือเป็นผลงานที่สดใหม่และสร้างสรรค์อย่างแน่นอน
การพบเห็นโจรแสนสวยไม่เคยปรากฏในผลงานมังงะใดๆมาก่อน
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน อุตสาหกรรมมังงะในโลกนี้เพิ่งเริ่มพัฒนา มังงะยังขาดความคิดสร้างสรรค์ และเนื้อเรื่องค่อนข้างเรียบง่ายและน่าเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นมังงะที่มีการวาดภาพเหมือนจริงจากการต่อสู้นองเลือด หรือมังงะนตลกสไตล์การวาดคร่าวๆ และเรียบง่าย หรือมังงะที่มีเอโระเป็นจุดขาย มังงะทั้งสามประเภทนี้เป็นเทรนด์หลักในโลกมังงะในปัจจุบัน
ถ้าอย่างนั้น การปรากฏตัวของ Cat Eye คือความสดใหม่ ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากปฏิกิริยาของชิโนะ
การวาดมังงะของเขานั้นได้มาตรฐานแล้วและสคริปต์ก็อยู่ในใจของเขาเช่นกัน แน่นอนหลี่ย่าหลินจะไม่เสียเวลา เขาวาด Cat Eye ตอนที่ 1 ด้วยความเร็วสูงสุดโดยชิโนะเป็นผู้อ่านคนแรกของเขา
"ยอดมาก! นี่คือมังงะของย่าหลินซังเหรอ?”
แม้ว่าเธอจะเห็นต้นฉบับของหลี่ย่าหลินและรู้ว่าเขากำลังทำงานเกี่ยวกับมังงะอยู่ ชิโนะก็ยังคงประหลาดใจเมื่อได้เห็นต้นฉบับของจริง
ไม่ ควรอธิบายให้ถูกต้องกว่านี้ว่าน่าทึ่งมาก
ชิโนะเคยอ่านมังงะบางเรื่อง แต่เธอไม่ชอบมังงะที่รุนแรงและนองเลือด จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะอ่านมังงะแนวนี้ สิ่งที่เธอสามารถอ่านได้คือมังงะตลกเท่านั้น
แต่มังงะของหลี่ย่าหลินนี้มีความวิจิตรงดงามและยังเป็นมังงะที่น่าดึงดูดใจอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงรู้สึกหลงใหลมากเมื่อเห็นหน้าแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเอก ฮิโตมิ คิสุงิ เกือบถูกจับโดยพระเอกโทชิ อุตสึมิในฉากเดียวกัน หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น
หลังจากอ่านจนจบแล้ว เมื่อเธอรู้ว่าฮิโตมิ คิสึงิจงใจล้มเหลวเพื่อแฟนของเธอ จึงทำให้แฟนของเธอมั่นใจ เธอรู้สึกถึงความหวานอีกครั้ง
โดยรวมแล้ว นี่เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมาก!
“เป็นยังไงบ้าง ดีพอหรือยัง”
หลี่ย่าหลินยังชอบผลงานของ Cat Eye บทที่ 1 ที่เขาวาดอีกด้วย นี่ไม่ใช่แค่บทที่ 1 หลังจากปรับปรุงรูปแบบการวาดภาพแล้ว เขายังปรับปรุงพื้นหลังของเวลาในเรื่องให้ใกล้ชิดกับโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น และยังทำให้เนื้อเรื่องของบทที่ 1 สมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีกด้วย
เขาเชื่อว่าใครที่ได้อ่านบทที่ 1 จะติดใจมังงะนี้และแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นบทที่ 2
“ฮึ่ม! ทำไมชื่อร้านกาแฟถึงเป็น Cat Eye แทนที่จะเป็นแรบบิทเฮาท์(บ้านกระต่าย)? ชื่อนี้น่าเกลียดเกินไป!”
(หลังจากนี้ผมจะเปลี่ยนชื่อคาเฟ่ของชิโนะเป็นบ้านกระต่ายแทนที่ Rabbit House นะครับ)
เพราะสายตาของชิโนะเต็มไปด้วยความชื่นชม หลี่ย่าหลินจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ แต่น่าเสียดายที่ก่อนที่เขาจะภูมิใจมากขึ้น คนๆ หนึ่ง... เขาหมายถึงกระต่ายตัวหนึ่ง
หลังจากที่ชิโนะอ่านต้นฉบับแล้ว ทิปปี้ที่ด้านข้างก็สแกนต้นฉบับอย่างรวดเร็ว แม้ว่าอ่านแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็ส่งเสียงดูถูกเหยียดหยามอย่างรวดเร็ว
เพื่อให้แม่นยำยิ่งขึ้นควรรู้สึกอึดอัดมาก
สำหรับเหตุผลที่ทำให้ทิปปี้อึดอัด หลี่ย่าหลินพูดไม่ออก ปรากฎว่าเขาต่อต้านชื่อ Cat Eye นี่เป็นข้อโต้แย้งแบบไหน?
“เพราะชื่อมังงะนี้เรียกว่าตาแมว ไม่ใช่บ้านกระต่าย!”
หลี่ย่าลินกดขมับอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ เขาไม่อยากเถียงกับทิปปี้ เพราะมันเปลืองน้ำลาย!
ชื่อเดิมของมังงะนี้คือ Cat Eye ดังนั้นควรเป็น Cat Eye และหลี่ย่าหลินไม่ได้ตั้งใจจะเปลี่ยนชื่อ
พูดได้เลยว่าจริง ๆ แล้ว ทิปปี้ตั้งใจจับผิด นี่คืออะไร? เพื่อลงโฆษณา บ้านกระต่าย?
นั่นมากเกินไป!
“ฉันคิดว่าคาเฟ่ Cat Eye นั้นดีมาก คงจะดีถ้าบ้านกระต่ายของเรามีหน้าตาแบบนี้ น่าเสียดาย...”
หลี่ย่าหลินไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะเถียงกับทิปปี้อย่างดีที่สุด มันเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำในหัวใจของเขา ถ้าเกิดชิโนะเอ่ยประโยคนั้นขึ้นมากะทันหันนั้นจะทำให้ทิปปี้ติดคริ 100% และล่วงไปนอนกองกับพื้น
ชิโนะพูดอะไร?
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าบ้านกระต่ายเป็นเหมือน Cat Eye?
เช่นเดียวกับ Cat Eye?
จริงๆ?
“ฉันขอโทษที่เป็นบาริสต้าที่น่าสงสาร ฉันไม่สามารถเปิดคาเฟ่อย่าง Cat's Eye ได้ โลกนี้... โลกนี้ควรจะหายไป!”
Cat's Eye ที่วาดในมังงะเป็นคาเฟ่สมัยใหม่ที่มีสไตล์การตกแต่งที่สวยงามและรื่นรมย์ ไม่น่าแปลกใจที่ชิโนะจะชอบ แต่ก็เป็นเพราะแบบนี้ทิปปี้จึงกำลังอึดอัดอย่างหนักในขณะนี้ ดูท่าทางที่กระสับกระส่ายของเขาสิ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นตัวสักพัก
เพราะถ้าไม่เปรียบเทียบก็ไม่เสียหาย
เมื่อมองไปที่ชิโนะเธอแสดงสีหน้างงงวยและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เป็นอะไรไป ทิปปี้”
แม้ว่าเธอจะอยู่กับทิปปี้ตลอดเวลา แต่ชิโนะก็ยังไม่รู้ว่าประโยคของเธอนั้นทำให้ทิปปี้ระเบิดครั้งใหญ่ เธอมองไปที่หลี่ย่าหลินที่กำลังมองทิปปี้โดยไม่รู้ตัว ถ้านี่คือในมังงะ บนหัวของชิโนะจะมีเครื่องหมายคำถามนับไม่ถ้วน
“อย่าสนใจเลย มันอาจจะยากเกินไปสำหรับเขาที่จะแยกแยะ”
เห็นได้ชัดว่าทิปปี้ได้รับดาเมจ แต่หลี่ย่าหลินไม่ได้ตั้งใจจะพูด ใครใช้ให้ทิปปี้ต่อต้านเขาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยเขาจะกลายเป็นคนไร้ยางอายมากยิ่งขึ้น
ครั้งนี้เป็นเรื่องยากที่จะปล่อยออกไปหลี่ย่าหลินมีโอกาสเยาะเย้ยเขา เขาจะช่วยอธิบายทำไม?
“ถ้าอย่างนั้น ยาลินซัง คุณจะส่งมังงะไปให้สำนักพิมพ์ไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ย่าหลิน ชิโนะก็ไม่สนใจมากนัก เพราะตอนนี้ความสนใจของเธอถูกดึงดูดไปที่มังงะ เมื่อเทียบกับการสูญเสียของทิปปี้ เธอสนใจมังงะในมือมากกว่า
แม้ว่าจะมีเพียงบทเดียว แต่เสน่ห์ของมังงะนี้ดึงดูดใจเธออย่างมาก และเธอแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นเนื้อหาของบทที่ 2
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชิโนะต้องการทราบว่าหลี่ย่าหลินจะเผยแพร่ผลงานของเขาอย่างไร แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก แต่เธอก็เคยได้ยินวิธีการเผยแพร่ของมังงะเช่นกัน ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการเลือกสำนักพิมพ์เพื่อทำตีพิมพ์อย่างแน่นอน
เมื่อผู้อ่านยอมรับผลงานแล้ว จะมีโอกาสปล่อย tankōbon(ทังโกบง) หรือแม้แต่ดัดแปลงเป็นอนิเมะหรือเกม
แน่นอนว่าจำนวนมังงะที่ทำได้จริงนั้นหายากมาก มันสามารถอธิบายได้ว่าเป็นถนนที่ยากลำบาก หากคุณไม่สามารถยืนบนยอดปิรามิดได้ โดยทั่วไปแล้วมังงะด้านล่างสามารถอธิบายได้ว่าเป็นรอง
แล้วหลี่ย่าลินจะเลือกอะไร?
ไปที่สำนักพิมพ์และแนะนำตัวเอง?
เลือกนิตยสาร?
อันที่จริงเขาได้ตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้ว!