ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 90 หยวนหัวที่น่านับถือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 92 ทางสู่เฟิ่งเป่ย

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 91 จะซ้ำเติมหรือช่วยเหลือกันแน่?


ตอนที่ 91 จะซ้ำเติมหรือช่วยเหลือกันแน่?

ฉินหยู่นิ่งไปครู่หนึ่ง “ข่าวนี้เชื่อถือได้แค่ไหน?”

“มันควรจะเชื่อถือได้” หมาเหล่าเอ้อขมวดคิ้วพูดต่อ “ฉันจับเพื่อนของเขาไว้ทันทีและควบคุมตัวเขาไว้ก่อน เขาไม่น่าจะกล้าโกหก”

“ถ้างั้นกลับมาก่อน แล้วมาคุยกันเรื่องวิธีแก้ปัญหากับดักของเสี่ยวฉู่กัน”

“ฉันอยู่ที่สถานีเหนือแล้ว” หมาเหล่าเอ้อก้มมองดูนาฬิกา “ยังเหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนรถไฟจะออก”

ฉินหยู่อึ้งไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อ้าวนายจะไปแล้วนี่? นายรีบอยู่หรือเปล่า?”

“ไม่จำเป็นต้องเร่งอะไรหรอก ตาเฒ่าของฉันให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากกว่าชีวิตของเขา หากคู่แข่งเล่นสกปรก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเสี่ยวฉู่ เราจะหมดทางแก้ให้กลับเป็นเหมือนเดิมได้” หมาเหล่าเอ้อก้มหน้าสลดลงเล็กน้อย “ฉันเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้น ฉันต้องเป็นคนแก้ไข ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“แต่ยังไงก็ต้องคุยกันก่อนอยู่ดี ถ้าจู่ๆ นายไปทันที ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเตรียมแผนรับมือยังไงน่ะสิ” ฉินหยู่มีความกังวลเล็กน้อย

“คนอย่างเสี่ยวฉู่อาจจะไม่อยู่ในที่ใดที่หนึ่งได้นาน” หมาเหล่าเอ้อส่ายหัว “ถ้าเขาไปที่เฟิ่งเป่ยและปรับตัวกับสภาพที่นั่นไม่ได้และแอบหนีไปที่อื่นอีก เราจะกลายเป็นมองหาเข็มในกองฟางนะสิ ฉันคิดดูแล้ว อย่างมากเขาจะออกเดินทางเร็วกว่าฉันสองสามชั่วโมง ถ้าฉันออกเดินทางตอนนี้ ฉันจะหยุดเขาที่เฟิ่งเป่ยได้ทันแน่ๆ”

ฉินหยู่เงียบฟัง

“ถ้าตาเฒ่ายังโกรธฉัน ฉันจะยังไม่โทรหาเขา” หมาเหล่าเอ้อกระซิบ “นายช่วยบอกเขาที ว่าฉันจะพาลุงหลิวกับเสี่ยวลิ่วไปด้วย และฉันจะหาทางกลับมาพร้อมกับทุกคนเมื่อเสร็จเรื่องแล้ว”

“นายต้องมีใบรับรองในการขึ้นรถไฟฟ้ารางเบา” ฉินหยู่ขมวดคิ้วอธิบาย “ถ้าเกิดนายมีปัญหาเกิดเรื่องใหญ่ในเฟิ่งเป่ย ชื่อของนายจะถูกระบบตรวจสอบ หลังจากนั้นมันจะลำบากมาก เพราะนายมีประวัติเคยต้องคดีติดตัวอยู่”

“ไม่เป็นไร ฉันหาตั๋วมือสองได้แล้ว”

หมาเหล่าเอ้อก้มลงแล้วตอบเบาๆ “เรื่องนี้ใช้เงินแก้ปัญหาได้ไม่ยาก”

“ฉันยังไม่แนะนำให้นายไปที่นั่นกะทันหันแบบนี้” ไม่ว่าฉินหยู่จะคิดอย่างไร เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

“เสี่ยวหยู่ ถ้าเรื่องนี้ไม่สามารถจบลงได้ ตระกูลหม่าจะไม่มีวันโงหัวขึ้นในซงเจียงได้อีก” หมาเหล่าเอ้อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกพี่น้องข้างล่างทุกคนต้องพึ่งตลาดยาในการเลี้ยงตัว ฉันจะทำลายชีวิตทุกคนเพราะฉันทำเสียไม่ได้หรอก นายจะลังเลเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ต้องจัดการให้เร็ว”

“เปิดโทรศัพท์ไว้แล้วกัน ถ้านายมีอะไรก็โทรฉันได้ตลอดเวลานะ” ฉินหยู่แนะด้วยความเป็นห่วง

“หมายเลขโทรศัพท์ใหม่ของนาย… ได้ ฉันจะโทรหานายตามหมายเลขนั้น”

หมาเหล่าเอ้อตอบต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน ฉันจะไม่ให้มันกระทบไปถึงนาย”

“ระวังตัวด้วย”

“แค่นั้นแหละ”

หลังจากที่ทั้งสองคุยกันเสร็จแล้ว หมาเหล่าเอ้อก็วางสายโทรศัพท์และเข้าไปในสถานีรอรถไฟฟ้ารางเบา แล้วมีชายวัยกลางคนในชุดสูทและรองเท้าหนังก็ออกมาจากห้องวีไอพีแล้วโบกมือทักทายเขา “ตามฉันมา”

……

ภายในกองกำกับการตำรวจ

ยิ่งฉินหยู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งไร้สาระมากขึ้นเท่านั้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาแมวแก่

“ฮัลโหล?”

“พี่ชาย นายมาที่กลุ่มสามด่วน!”

“โอเค” แมวแก่วางสายแล้วรีบไปที่สำนักงานกลุ่มที่สามในเวลาไม่ถึงห้านาที

ฉินหยู่ดึงแมวแก่เข้าไปในห้องประชุมเล็ก ล็อกประตูแล้วบอกข่าว “หมาเหล่าเอ้อกำลังไปที่เฟิ่งเป่ยแล้ว”

“แล้วนายจะทำยังไง?” แมวแก่ตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เขาไม่ได้ไปจับเสี่ยวฉู่หรอกเหรอ?”

ฉินหยู่เอามือกอดไหล่แมวแก่อย่างไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วตอบด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เขาพบเบาะแส มีคนบอกว่าเสี่ยวฉู่หนีไปเฟิ่งเป่ย หมาเหล่าเอ้อกลัวว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้นานหรือถูกคนอื่นเข้าถึงตัวก่อน เขาจึงหาคนไปซื้อตั๋วรถไฟมือสอง แล้วไล่ตามไปที่เฟิ่งเป่ยแล้ว”

แมวแก่คิดอยู่นาน “ข่าวที่เหล่าเอ้อได้มามันเชื่อได้หรือเปล่า? ไม่ใช่กลายเป็นกับดักที่อีกฝ่ายล่อเขาเข้าไปนะ”

“นั่นแหละที่ฉันกังวลตอนนี้” ฉินหยู่เดินวนไปมาสองสามก้าวภายในห้องพร้อมวิเคราะห์เหตุการณ์ “เสี่ยวฉู่เป็นแค่ระดับลูกน้องที่ไม่มีใครรู้จัก แต่เราไม่รู้เลยว่าคนคนนี้ติดต่อกับตระกูลหยวนมาเป็นเวลานานแล้วหรือว่าเขาเพิ่งรับสินบนจากฝ่ายนั้น มันคงไม่น่าห่วงถ้าหากเขาเพิ่งรับสินบน ถ้าเสี่ยวฉู่ทำอย่างนี้ จะเกิดผลสองอย่าง อย่างแรกคือการเอาเงินแล้ววิ่งหนี อย่างที่สองคือหยวนหัวอาจปิดปากเขาไว้ตลอดไปเพื่อล็อกเกม แต่ถ้าเขากับตระกูลหยวนติดต่อกันมานานแล้ว ท่าทางเราจะลำบาก…”

“นายหมายถึงถ้าพวกเขาติดต่อกันมานานแล้ว เสี่ยวฉู่ยังคงอยู่กับตระกูลหยวน และจงใจทำข่าวรั่วเพื่อปล่อยให้คนของหม่าตามไป?” แมวแก่ถามเพื่อให้เข้าใจ

“ใช่” ฉินหยู่พยักหน้า “เพราะแม้แต่คนโง่ก็เข้าใจได้ว่า ตระกูลหม่าเสียชื่อเรื่องขายยาปลอม และทางแก้เดียวคือต้องจับเจ้ากะล่อนคนนี้เพื่อทำเรื่องให้สะอาด เพราะฉะนั้น ตราบใดที่อีกฝ่ายทำตามน้ำไปและพบวิธีที่สมเหตุผลในการเผยที่ซ่อนของเสี่ยวฉู่ ตระกูลหม่าจะยังคอยจับตาอยู่อย่างแน่นอน”

เมื่อแมวแก่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็เหงื่อแตกซก “หากเป็นเช่นนี้คงลำบาก พูดตรงๆ เลยก็คือ หมาเหล่าเอ้อมีความกล้าที่จะทำทุกอย่างแต่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวลึกๆ วิธีการทำงานของเขาบ้าบิ่นเกินไป และก็มีหลายคนที่เล่นตลกกับเขา หากใครต้องการหาเรื่องเขาก็ทำได้ง่ายมาก”

“ใช่” ฉินหยู่ยังพูดต่อด้วยความกระวนกระวาย “นี่คือสิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุด เขาจะสามารถทำอะไรในซงเจียงได้ดีกว่า อย่างน้อยเขาก็มีเฒ่าหม่าและเราก็คอยจับตาดูเขาอยู่ แต่มันไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่ที่เขาจะนำพวกด้วยตนเองไปเฟิ่งเป่ย”

“นายคิดว่าไง?” แมวแก่ถาม

ฉินหยู่หยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมาสูบ พ่นควันฟุ้งแล้วตอบว่า “ฉันต้องการไปเฟิ่งเป่ย”

แมวแก่ตกตะลึงไปชั่วครู่ “แม่งนี่มันไม่เหมาะเลยนะเวลานี้ เราทั้งคู่มีตำแหน่งค้ำคออยู่ และเฟิ่งเป่ยก็ไม่ใช่เมืองทิ้งร้างอย่างพื้นที่โครงการพัฒนา ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นละก็ เฒ่าหลี่จะนั่งไม่ติดเก้าอี้แน่ๆ เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนก็รู้อยู่ว่าเราเป็นคนของเขา”

“นายคิดว่าเราควรทำยังไง มีทางอื่นๆ ไหม?” ฉินหยู่ถามด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้นอีก “หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหมาเหล่าเอ้ออีกครั้ง ตลาดยาที่พวกเราเสี่ยงชีวิตแทบตายเพื่อเริ่มมันขึ้นใหม่ก็จบเห่... ถึงเวลาแยกย้ายกันไปได้แล้ว”

แมวแก่ลูบหัวของเขาไปมากับทรงผมสั้นเกรียนที่เพิ่งตัดมาใหม่ แล้วกระซิบเบาลงกว่าปกติ “แกเข้าใจไหมวะ ว่าเฒ่าหลี่มีเจตนายังไง?”

“อื้อ” ฉินหยู่พยักหน้าโดยไม่ลังเล “เจตนาของเฒ่าหลี่ชัดอยู่แล้ว ตระกูลหม่าไม่ใช่แค่ตระกูลเดียว เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ เรายังสามารถฝึกกลุ่มคนในพื้นที่ให้ทำตลาดต่อไปได้ เพราะแหล่งซื้อส่งสินค้าอยู่ในมือเรา”

แมวแก่เงยหน้าขึ้น “งั้นเขาคงไม่เห็นด้วยที่เราจะไปที่นั่น”

“พี่แมว ในนี้มีแค่เราสองคน ดังนั้นถ้าฉันมีอะไรจะพูด ฉันจะบอกนายตรงๆ”

ฉินหยู่พูดโดยไม่ปิดบังความคิดของเขา “ฉันต้องการปกป้องตระกูลหม่า และฉันมีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวเป็นหลัก”

“นายพูดมาสิ”

“ตระกูลหม่าจัดจำหน่ายสินค้าเป็นครั้งที่สองซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเราในฐานะสื่อกลาง พวกเขาหากินกับสินค้าของเรา และพยายามอย่างดีที่สุดที่จะร่วมมือกับเรา หากพวกเขาอยู่ที่นี่เรามีสิทธิ์ที่จะพูด แต่ถ้าพวกเขาจากไป และเฒ่าหลี่เปลี่ยนเอาพ่อค้าอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาแทนที่ เราก็จะไม่มีอำนาจผูกมัดต่อพวกเขา เข้าใจไหม?” ฉินหยู่ไม่ได้อ้อมค้อมกับแมวแก่ แต่พูดตรงไปตรงมา “ฉันไม่ได้บอกว่าเฒ่าหลี่มีความคิดอื่น แต่ถ้าความสัมพันธ์เบื้องหลัง เฒ่าหลี่ยืนกรานที่จะแต่งตั้งกลุ่มคนมาแทนที่ตระกูลหม่า แล้วเราควรทำยังไงล่ะ ทำอะไรไม่ได้เลย จริงไหม สิ่งที่เราทำได้คือการเชื่อฟังและให้ความร่วมมือ...แต่นั่นไม่สมเหตุสมผลสำหรับฉันเลย หากเราควบคุมผู้คนบนท้องถนนไม่ได้ เราก็จะเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายอันดับสองไปตลอด เป็นแค่ตัวเชื่อมในห่วงโซ่ตลาดยาทั้งหมด”

แมวแก่สับสนอยู่นานเมื่อได้ฟังฉินหยู่อธิบาย “นายไม่กลัวว่าฉันจะบอกเรื่องนี้กับเฒ่าหลี่เหรอ?”

“ฉันไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ในพื้นที่โครงการพัฒนา ฉันพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่กับฉันเป็นเวลาแปดเดือน ตอนกลางคืนเรานอนห่างกันเพียงเมตรเดียว แต่ทุกครั้งก่อนเข้านอน ฉันจะซุกเงินไว้ใต้หมอนและเก็บปืนไว้ใกล้ๆ ที่มือขวาเอื้อมถึง มองเผินๆ เราเหมือนเพื่อนซี้ใส่กางเกงตัวเดียวกันได้ แต่จริงๆ แล้วฉันมองว่าเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงานที่หาเงินด้วยกันได้ และตัวเขาเองก็บอกว่า ฉันเป็นคนที่เข้าถึงยาก” ฉินหยู่มองไปที่แมวแก่แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดต่อ “แต่เมื่อฉันต้องการเป็นเพื่อนสนิทกับนาย ฉันจะไม่ปิดบังอะไรเลย ฉันสามารถเปิดเผยความคิดในหัวของฉัน บางทีนายอาจไม่ชอบ แต่ฉันก็ต้องจริงใจ ดังนั้นสิ่งที่ฉันพูดเมื่อกี้ไม่ใช่เพื่อแสดงจุดยืนของฉันต่อใคร แต่เพื่อบอกนาย แมวแก่...นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดในใจ และฉันจะไม่ปิดบังมัน ส่วนนายจะจัดการยังไง นั่นก็เป็นปัญหาของนาย”

หลังจากได้ฟังความคิดเช่นนั้นของฉินหยู่ แมวแก่ก็คิดอยู่นาน ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “...จริงๆ แล้ว หากฉันต้องยืนหยัดในเรื่องนี้ ฉันควรจะฟังผู้เฒ่าหลี่ แต่จากมุมมองส่วนตัว ฉันไม่ต้องการให้ตระกูลหม่าล่มสลายไปจริงๆ อย่างที่นายพูด เฒ่าหลี่หรือกลุ่มความสัมพันธ์ที่อยู่เบื้องหลัง หากมีการจัดกลุ่มคนใหม่เข้ามารับงานนี้ในอนาคต แล้วพวกเขาไม่ได้กินข้าวหม้อเดียวกับเรา มันจะลำบากมาก”

ฉินหยู่ขมวดคิ้วและมองไปที่แมวแก่แล้วตอบว่า “นายตัดสินใจเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันต้องไปที่บ้านเฒ่าหลี่ก่อน”

“นายตัดสินใจที่จะไปเหรอ?”

“...ฉันบอกได้อย่างเดียวว่า ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยตระกูลหม่า” ฉินหยู่หันมองออกไปนอกหน้าต่าง ถอนหายใจแล้วพูดว่า “พวกเขาเป็นตระกูลเดียวบนถนนสีดำทั้งสายที่บ้าเลือดพอที่จะท้าทายตระกูลหยวน หากพวกเขาล้มอีกครั้ง ท้องฟ้าในซงเจียงก็จะมืดมนต่อไป ซึ่งจะทำให้เมืองนี้ไม่น่าสนใจอีกต่อไปแล้ว”

……

ภายในคลับแกรนด์พาเลซ

หย่งตงฟังเพลงเบาๆ พลางสูบซิการ์และพูดเหมือนเจ้านาย “การขอให้ใครสักคนตรวจสอบบัญชีธนาคารของเสี่ยวฉู่จะมีประโยชน์อะไร? มันเป็นพวกแก๊งนักเลงและหาเงินผิดกฎหมายทุกวัน มันจะแสดงจุดอ่อนในเรื่องนี้ได้ยังไง? ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างมันกับคนอื่นดีกว่า ตราบใดที่มันหนีไปคนเดียวแบบนี้ มันคงไปหาคนรู้จักสักคนแน่ๆ”

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด