บทที่ 12: คลั่งไคล้การดวล
บทที่ 12: คลั่งไคล้การดวล
หวู่เหลียงรู้สึกผิดหวัง
“นายมันไอ้กะล่อน นายหลอกให้ฉันตายใจแล้วมาเร่งความเร็วในตอนท้าย ไอ้ชั่ว!”
หวังเต็งหัวเราะเยาะและพูดว่า “ใครกันที่หลอกนาย มันมีแต่นายเท่านั้นแหละที่หลอกตัวเอง”
“นอกจากนี้ ฉันก็ไม่อยากทำให้นายต้องสียใจ ดังนั้นฉันเลยวิ่งช้าๆในตอนแรกยังไงล่ะ”
“หืม~ ทำไมฉันต้องเชื่อนายด้วย? ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ นายมันร้ายกาจ” หวู่เหลียงสูดลมหายใจ
(〒〈〒)
ทำไมฉันถึงกลายเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์กัน?
“เอาล่ะ นายจะยอมรับความพ่ายแพ้ของนายหรือไม่? ถ้านายยอม ฉันก็จะไม่ขอให้นายทำตามสัยญาทั้งหมด”
“ใครบอกว่าฉันไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ หึ กับอีแค่ร้องเพลง” เราจะทำตามสัญญา“แค่นี้มันจะไปยากอะไร?” หวู่เหลียงยืดคอของเขา
“งั้นก็ไปร้องเพลงได้แล้ว! ดอกไม้ร่วงหล่นจากการรอคอย” หวังเต็งเหลือบมองเขาจากมุมตา
หวู่เหลียงมองกลับไปที่หวังเต็งอย่างโกรธแค้น
เขาไม่สามารถวางอัตตาของเขาได้ในขณะที่ร้องเพลง อย่างไรก็ตามในทางกลับกัน เขาก็ไม่ต้องการให้คนอื่นคิดว่าเขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้เช่นกัน
สถานการณ์ทั้งหมดของเขาสามารถอธิบายได้ด้วยคำเดียว กลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
ในท้ายที่สุด เขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้ เขาเริ่มร้องเพลงด้วยเสียงที่เบาเหมือนยุงบิน
“ฉันไม่ได้ยิน!” หวังเต็งวางมือไว้ที่ข้างหูและแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่ได้ยิน
หวู่เหลียงโกรธมาก หลังจากหายใจเข้าลึกๆยาวๆ เขาก็เพิ่มระดับเสียงขึ้น
“เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน...”
“ฮ่าๆๆๆ!”
คนรอบข้างพากันหัวเราะคิกคัก เจ้าอ้วนคนนี้มันจี้ได้ใจจริงๆ!
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็รู้สึกสงสารเขาเช่นกัน
เขาต้องร้องเพลง “เราจะทำตามสัญญา” ต่อหน้าผู้คนมากมาย นี่จะต้องเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของเขาอย่างแน่นนอน
หวังเต็งนี่ชั่วร้ายจริงๆ
หวังเต็งอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเช่นกัน เขาโบกมือและพูดว่า “พอได้แล้ว หยุดร้อได้แล้ว เสียงร้องของนายมันจะทำให้คนที่ได้ฟังตกใจเอานะ!”
หวู่เหลียงตอบว่า “อย่า! ฉันยังต้องร้องมันอีกสิบเพลง!”
คราวนี้ถึงคราวที่หวังเต็งพูดไม่ออก
เจ้าอ้วนคนนี้ฉลาดแกมโกงเล็กน้อย!
“ขอเวลาอีกไม่นาน...” หวู่เหลียงมีแรงจูงใจมากขึ้นเมื่อเขาเห็นท่าทางหงุดหงิดของหวังเต็ง
“พอได้แล้ว!”
หวังเต็งวิ่งหนีไปเหมือนกับกำลังหลบกระสุนปืน ให้ตายเถอะ เสียงของเขามันช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
เจ้าอ้วนคนนี้ดูเป็นคนที่เจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มากเกินไปก็ไม่ดี และเนื่องจากหวังเต็งคิดว่านี่เป็นงานอดิเรกที่ดี ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะเล่นไปกับหวู่เหลียงอย่างช้าๆในอนาคต
เจ้าอ้วนดูจะอายุเท่ากันกับเขา แต่เขาก็เป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางแล้ว นี่หมายความว่าเขามีพรสวรรค์
เขาอาจจะกลายเป็นนักสู้ในอนาคตได้
เขาเป็นแกะอ้วนที่เต็มไปด้วยศักยภาพ และหวังเต็งก็สามารถที่จะรีดนมและตัดขนจากเขาได้ในฐานะคู่หูคู่แข่งระยะยาวของเขา!
ลูกศิษย์ที่รวมตัวกันวิ่งหนีไปด้วยความตกใจ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ห่างไกลและพูดคุยกันเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาประหลาดใจกับเสียงร้องของจ้าอ้วน พวกเขาก็ด้รับแรงบันดาลใจในการฝึกฝนเช่นกัน จากนั้นพวกเขาทุกคนก็กลับไปฝึกฝนตามเคย
และนั่นก็ทำให้มันเกิดเป็นสนามฟองสบู่
หวังเต็งเดินไปเก็บมันขึ้นมาทั้งหมดราวกับชาวนาเกี่ยวข้าว นอกจากนี้เขาก็ยังกล่าวทักทายศิษย์คนอื่นๆอีก
ความเร็ว*6
ความแข็งแกร่ง*7
ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน*3
ความแข็งแกร่ง*5
ทักษะมีดขั้นพื้นฐาน*6
…
หลังจากอัพเกรดคุณสมบัติของเขาอีกรอบ เขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าศิษย์ที่กำลัง
เมื่อศิษย์คนนั้นฝึกเสร็จ เขาก็หยุดพักผ่อน
หวังเต็งฉวยโอกาสนี้เดินไปข้างหน้า “พี่ใหญ่ เรามาดวลกันหน่อยดีไหม?”
ชายหนุ่มดูแก่กว่าหวังเต็งเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเขาจะอายุมากกว่า 20 ปีเล็กน้อย
เขาตกตะลึงครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำท้าของหวังเต็ง จากนั้นเขาก็ตอบว่า “นายคือหวังเต็งใช่ไหม?” ฉันจางเส้าหยาง”
“ฉันเห็นตอนที่นายแข่งกับหวู่เหลียงแล้ว และฉันก็สนใจในตัวนายนิดหน่อยเหมือนกัน และเนื่องจากนายมาขอฉันดวลแบบนี้ งั้นฉันก็คงจะปฎิเสธไม่ได้แล้วล่ะ”
“พี่ใหญ่จาง ให้ความกรุณาด้วย!”
ทั้งสองยืนอยู่ในที่ว่างและอยู่ห่างกัน หวังเต็งยกมือขึ้นเพื่อเชิญให้จางเส้าหยางเริ่มก่อน
“ฉันไม่ออมมือล่ะนะ”
จางเส้าหยางกำหมัดของเขาและกระทืบขาของเขา จากนั้นก็พุ่งเข้าหาหวังเต็งในทันที
ปัง ปัง ปัง…
ทั้งคู่แลกหมัดปะทะกัน หวังเต็งไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้อื่นๆ เขาเพียงใช้เท้าและทักษะหมัดของเขาเพื่อต่อสู้กับจางเส้าหยาง
ขณะที่หมัดของพวกเขาแกว่งไปมา การต่อสู้ก็ดูรุนแรงและดุเดือดขึ้น
จางเส้าหยางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเป็นคนที่ตัวใหญ่และมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
อย่างไรก็ตาม หวังเต็งยังสวมชุดกีฬาหลวมๆอยู่เลย ดังนั้นกล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาจึงจะต้องไม่เท่าไหร่อย่างแน่นอน และเมื่อดูจากรูปร่างหน้าตาของเขา เขาก็ดูเหมือนเด็กทั่วๆไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเริ่มต่อสู้อย่างจริงจังแล้ว เขาก็เต็มไปด้วยพละพลัง
นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
นอกจากนี้ความสามารถของหวังเต็งก็ยังทำให้เขาประหลาดใจเช่นกัน อนกลับไปก่อนหน้านี้ เขาก็คิดว่าหวังเต็งนั้นคงจะมีความสามารถแค่ในเรื่องของความเร็วเท่านั้น แต่ตอนนี้มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด
ทักษะหมัดของหวังเต็งไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
“ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็น... อัจฉริยะ!” จางเส้าหยางคิดกับตัวเอง
พวกเขาแลกหมัดกันไปมา อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่มีทีท่าว่าใครจะแพ้หรือชนะ
“ทักษะหมัดขั้นพื้นฐานของจางเส้าหยางนั้นมาถึงขั้นผู้สัมฤทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เพราะฉะนั้นมันจึงทำให้เขายังไม่เสียเปรียบแม้จะต่อสู้มาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม”
ศิษย์ที่ยืนอยู่ห่างออกไปต่างก็ไม่คิดว่าหวังเต็งจะสามารถรอดมาได้จนถึงตอนนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจอะไรมากในตอนที่พวกเขาเริ่มสู้กันตอนแรกๆ
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่คาดไม่ถึงก็ได้ปรากฎขึ้น ทั้งสองต่อสู้กันเป็นเวลานานโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“เป็นไปได้ไหมที่จางเส้าหยางจะยังไม่ได้ลงมืออย่างเต็มที่” มีคนงงงวย
“นายโง่หรอ? ดูจางเส้าหยางสิ เขาดูเหมือนคนที่ยังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่อย่างงั้นหรอ?” อีกคนรู้สึกพูดไม่ออก
…
“ฉันไม่สู้แล้ว ฉันไม่สู้แล้ว!”
จางเส้าหยางโบกมืออย่างรวดเร็วหลังจากที่ทั้งสองคนปะทะกันมาเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็ถอยห่างออกไปสองสามก้าว
“ทำไมนายถึงไม่อยากสู้แล้วล่ะ” หวังเต็งไม่ยอมหยุด
“ทักษะหมัดของนายอยู่ในระดับเดียวกันกับฉัน ดังั้นแม้ว่าเราจะสู้กันต่อไป แต่มันก็จะไม่มีผู้ใดแพ้หรือชนะ เพราะงั้นแล้วมันก็รังแต่จะทำให้เราเสียเวลาฝึกไปเปล่าๆ” จางเส้าหยางกล่าว
“นอกจากนี้ ถ้านายไม่ได้แข่งขันกับหวู่เหลียงก่อนหน้านี้ ฉันก็คงจะแพ้ไปแล้ว”
“เอาล่ะ อย่าพูดยกยอฉันเลย เอาไว้วันหลังเราค่อยมาสู้กันใหม่นะ” หวังเต็งตอบ
“ตกลง ฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเลยแหละหลังจากได้ต่อสู้กับนาย” จางเส้าหยางพยักหน้า
หวังเต็งไปด้านข้างเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเขา ในเวลาเดียวกัน เขาก็นับกำไรจากการดวลของเขา
ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน*23
ความแข็งแกร่ง*45
ตามที่คาดไว้ การเดาของเขาถูกต้อง การต่อสู้กับ 'สัตว์ประหลาด' จะทำให้ฟองสบู่ค่าคุณสมบัติดรอปออกมาเยอะมากขึ้น ยิ่งพวกเขาต่อสู้กันมากเท่าไร ฟองสบู่ค่าคุณสมบัติก็จะยิ่งดรอปออกมามากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าคุณสมบัติอย่างทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน พวกมันจะดรอปออกมามากเป็นพิเศษเมื่อเขาต่อสู้กัน
“นี่คือวิธีที่ถูกต้องในการใช้บั๊กของฉัน!”
ในขณะที่เดินไปรอบๆห้องฝึกซ้อม หวังเต็งก็ค่อยๆฟื้นความแข็งแกร่งของเขาพร้อมๆกับเก็บฟองสบู่ค่าคุณสมบัติจากศิษย์คนอื่นๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ความแข็งแกร่งของเขาก็ฟื้นคืนกลับมา
เขาไปที่ห้องเก็บอาวุธเพื่อหยิบดาบ จากนั้นเขาก็เดินไปหาศิษย์ที่กำลังฝึกทักษะดาบอยู่และพูดว่า “ศิษย์พี่ ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีเวลามาทดสอบฝีมือขับฉันหน่อยได้ไหม?”
“ตกลง!” อีกฝ่ายตัดสินใจแน่วแน่และพยักหน้าตอบกลับในทันที
เหล่าลูกศิษย์มาที่ลานฝึกมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เฉพาะผู้ที่มาก่อนหน้านี้เท่านั้นจึงจะรู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
“หวังเต็งกำลังท้าดวลกับคนอื่นอีกแล้ว และคราวนี้เขาก็ใช้ทักษะดาบของเขาด้วย!”
ศิษย์ที่เพิ่งมารู้สึกงง “มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ศิษย์คนนี้หน้าไม่คุ้นเคยเลย เขาเป็นเด็กใหม่อย่างงั้นหรอ?”
ศิษย์คนอื่นเริ่มอธิบายให้พวกเขาฟัง
ในอีกด้านหนึ่ง หวังเต็งและชายหนุ่มอีกคนก็ได้เริ่มต่อสู้กันแล้ว ดาบยาวของพวกเขาปะทะกันและทำให้เกิดประกายไฟ
การดวลดาบนั้นอันตรายอยูแล้วโดยธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ดีถึงขีดจำกัดของพวกเข ดังนั้นการดวลในครั้งนี้จึงอยู่ในขอบเขตที่พอเหมาะพอควร
เมื่อการต่อสู้จบลง หวังเต็งก็ได้รับฟองสบู่ค่าคุณสมบัติมามากมายตามที่คาดไว้ จากนั้นเขาก็พักผ่อนที่ด้านข้าง
ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน*26
ความแข็งแกร่ง*30
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หวังเต็งก็ไปท้าดวลกับศิษย์อีกคนที่กำลังฝึกทักษะดาบและหมัด “ศิษย์พี่ ตอนนี้ดาบของฉันกำลังกระหายการปะทะ ดังนั้นท่านช่วยตอบรับมันหน่อยจะได้ไหม?”
“เอาล่ะ ถ้าอย่างงั้นก็เข้ามา!”
ทั้งสองคนดูจริงจังเป็นพิเศษ พวกเขามีประกายในแววตาของพวกเขาเมื่อพวกเขามองกันและกัน~
…
ศิษย์คนอื่นๆรู้สึกมึนงงอีกครั้ง
หวู่เหลียงเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสงสารศิษย์ที่หวังเต็งท้าดวล
หวังเต็งคนนี้คลั่งไคล้การดวลมาก เขารู้เทคนิคการต่อสู้ทั้งหมด และผลที่ได้ก็ออกมาเสมอกันเสมอ...
เขาจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดแน่ๆ!