บทที่ 11: วิ่ง เจ้าอ้วน วิ่ง~
บทที่ 11: วิ่ง เจ้าอ้วน วิ่ง~
มีลูกศิษย์จำนวนมากบนชั้นสองของอาคารฝึก
หวังเต็งสแกนบริเวณโดยรอบและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันทีเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคย
มันเป็นเจ้าก้อนไขมันที่ว่องไว!
ในขณะนี้ เหมือนกับครั้งที่แล้ว เขากำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง
เจ้าอ้วนนี่เป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลาง ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจที่หวังเต็งจะไม่เคยเห็นเขาที่ชั้นหนึ่ง นั่นก็เพราะเขามาถึงชั้นสองแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ เจ้าอ้วน!”
หวังเต็งทักทายอีกฝ่ายราวกับว่าเขาเป็นเพื่อนเก่า
เจ้าอ้วนหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียง การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที “แกมาได้ยังไงเนี่ย!”
เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจหวังเต็งและเมินหวังเต็งไป อย่างไรก็ตาม เขาก็เริ่มวิ่งให้เร็วขึ้นแทน
หวังเต็งมองดูเขาวิ่งเหมือนคนบ้า ชายคนนี้ไม่รู้ว่าเขากำลังดรอปค่าคุณสมบัติไว้ข้างหลังเขา และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้หวังเต็งมีความสุข
เขาใช้ฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐานและวิ่งตามหลังเจ้าอ้วนไป และเก็บรวบรวมค่าคุณสมบัติทั้งหมดของเจ้าอ้วนตลอดทาง
ความเร็ว*6
ความเร็ว*7
ฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐาน*3
ความเร็ว*6
…
หลังจากที่กลายเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลาง เจ้าอ้วนมีคุณสมบัติดรอปมากขึ้น ยิ่งมีมีพลังมากขึ้นเท่าไหร่ ฟองสบู่คุณสมบัติก็จะยิ่งดรอปออกมามากขึ้นอย่างงั้นหรอ?
หวังเต็งคิดกับตัวเอง
ในกรณีนี้ เขาก็จะสามารถเก็บคุณลักษณะเพิ่มเติมได้จากชั้นสองอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนที่นี่ก็เป็นศิษย์ยักสู้ขั้นกลาง
เขาเชื่อว่ามันจะใช้เวลาไม่นานสำหรับเขาที่จะฝ่าฟันและกลายเป็นศิษย์นักสู้ชั้นสูง จากนั้นเขาก็จะเข้าใกล้การเป็นนักสู้ขึ้นอีกก้าวหนึ่ง
“ทำไมนายถึงตามติดฉันขนาดนี้กัน? นายอยากมีปัญหานักรึไง?”
เสียงที่ขุ่นเคืองของเจ้าอ้วนที่อยู่ข้างหน้าดึงหวังเต็งออกจากหวงความคิดของเขา
“ฮ่าฮ่า การฝึกคนเดียวมันสนุกตรงไหน? ทำไมเราไม่ลองมาแข่งกันดูล่ะ? มาดูกันว่าใครจะสามารถวิ่งครบสิบรอบได้ก่อนกัน? นายคิดว่าไง? นายต้องการที่จะแข่งไหม?” หวังเต็งถาม
เจ้าอ้วนต้องการปฏิเสธหวังเต็ง แต่จู่ๆเขาก็คิดขึ้นมาได้ ดังนั้นเขาจึงตอบไปว่า “ได้ แต่ถ้านายแพ้ นายจะต้องอยู่ให้ห่างจากฉันและปล่อยให้ฉันได้ฝึกคนเดียว”
“ตกลง!”
หัวงเต็งตกลงและพูดต่อว่า “แล้วถ้านายแพ้ล่ะ?”
“พูดเป็นเล่น! ฉันจะไปแพ้ได้ยังไง!” เจ้าอ้วนกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนายคิดที่จะเดิมพัน งั้นฉันก็ต้องได้รับอะไรที่เท่าเทียมสิ การแข่งขันต้องยุติธรรม ถูกไหม?” หวังเต็งกล่าว
“นายต้องการอะไร?” เจ้าอ้วนขมวดคิ้วและถาม
“ง่ายมาก ถ้านายแพ้ นายก็จะต้องร้องเพลง” เราจะทำตามสัญญา“นายคิดว่าไง?” หวังเต็งถาม
“ได้ ตราบใดที่นายชนะ ฉันก็จะยอมร้องเพลงอะไรก็ได้เพื่อนาย และไม่ต้องพูดถึง” เราจะทำตามสัญญา“เพลงเดียวเลย แม้แต่เพลงส้นตีนแบบนี้อีกสิบเพลงฉันก็จะร้องให้นายฟัง” เจ้าอ้วนตบหน้าอกของเขาและตกลง
หวังเต็งหัวเราะเยาะในหัวใจของเขา สิบเพลง? นายจะต้องได้ร้องมันอย่างแน่นอน
“มีตัวจับเวลาอยู่ด้านข้าง เดี๋ยวฉันจะไปหาคนมาช่วยเป็นกรรมการ”
เจ้าอ้วนเดินไปข้างหนึ่งหลังจากที่เขาพูดจบ และพูดสองสามประโยคกับศิษย์ที่กำลังฝึกอยู่ เขากำลังขอความช่วยเหลือจากศิษย์คนนั้น
ศิษย์คนนั้นพยักหน้าและเดินตามเจ้าอ้วนกลบมาที่ด้านข้างของลู่วิ่ง
“พวกนายทั้งสองสามารถเตรียมตัวก่อนได้ เมื่อฉันตะโกนว่า 'เริ่ม' นายก็เริ่มวิ่งได้เลย” ศิษย์ที่ยืนข้างนาฬิกาบอก
ทั้งสองพยักหน้า
เจ้าอ้วนเริ่มเตรียมตัววิ่ง เขาเขย่าขาเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ แต่ในท้ายที่สุด มันก็มีเพียงไขมันของเขาเท่านั้นที่สั่นอย่างรุนแรง
ศิษย์คนอื่นๆมารวมตัวกันรอบๆลู่วิ่งเมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังจะแข่งขันกัน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นไขมันของเจ้าอ้วนสั่นไหว
“เจ้าอ้วนคนนี้เลือกที่จะเรียนฟุตเวิร์คและความเร็วทั้งๆที่เขาอ้วน ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่”
“แต่พูดตรงๆนะ เขาก็มีความสามารถอยู่จริงๆ เขาเร็วกว่ากระต่ายเมื่อเขาวิ่ง”
…
เมื่อได้ยินการสนทนาจากด้านข้าง เจ้าอ้วนก็รู้สึกพึงพอใจกับตัวเอง
หวังเต็งยิ้ม เขาลอกเลียนการกระทำของเจ้าอ้วน โดยยืนอยู่นิ่งๆอยู่ตรงจุดนั้น ในเวลาเดียวกัน เขาก็ถามอย่างเป็นกันเองว่า “เจ้าอ้วน นายมีชื่อว่าอะไร?”
“ฉันชื่อหวู่เหลียง!” คนอ้วนชี้ไปที่จมูกของเขาและพูดว่า “นายจะต้องจำชื่อนี้ไว้ เพราะนายจะได้รู้ไงว่าใครกันที่เอาชนะนาย”
หลังจากที่เขาพูดเสร็จแล้ว เขาก็ถามต่อไปว่า “แล้วนายล่ะ?”
“ฉันชื่อหวังเต็ง อย่าลืมร้องเพลง” เราจะทำตามสัญญา“หลังจากที่นายแพ้ล่ะ!” หวังเต็งยิ้มและกล่าว
“ชิ!” หวู่เหลียงกลอกตาดูถูกเหยียดหยาม
ทันใดนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านข้าง
“พร้อมแล้ว… เริ่มได้!”
หวังเต็งและเจ้าอ้วนกำลังคุยกัน แต่ทันทีที่เสียงเตือนดังขึ้น พวกเขาทั้งสองก็รีบวิ่งออกไปพร้อมๆกัน
สีหน้าของคนที่ดูอยู่ข้างๆเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งคู่เคลื่อนไหวเร็วราวกับสายฟ้า และในทันทีทันใด พวกเขาก็อยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตรแล้ว
พวกเขารักษาความเร็วสูงไว้ในขณะที่วิ่งต่อไป พวกเขาไม่สนใจที่จะออมแรงของพวกเขาไว้สำหรับการดิ้นรนสุดท้าย
นี่เป็นการแข่งขันแบบจับเวลา และพวกเขาก็กำลังแข่งขันกันโดยมีเดิมพัน นอกจากนี้ ผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ก็ยังมีพละกำลังเหลือเฟือ ดังนั้นการวิ่งสิบรอยจึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับพวกเขา
หวู่เหลียงอาจอ้วนก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ช้าเลย ในบรรดาคนที่เฝ้าดูอยู่ มันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถวิ่งไล่ตามพวกเขาได้ทัน
และนี่คือเหตุผลที่ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที
ตามคาด เจ้าอ้วนวิ่งออกไปราวกับสายลม
นี่คือคำอุทานในใจของใครหลายคน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามองไปที่หวังเต็ง พวกเขาดูตกใจเป็นพิเศษ
พวกเขาเข้าใจความสามารถของเจ้าอ้วนดี ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับในความเร็วของเขาแม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจก็ตาม อย่างไรก็ตาม หวังเต็งนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ และมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเพิ่งกลายมาเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลาง
ทว่าความเร็วของศิษย์นักสู้ขั้นกลางของหวังเต็งนั้นก็น่าทึ่งมาก
เดี๋ยวก่อนนะ ในทันทีพวกเขาก็นึกขึ้นได้ว่าหวู่เหลียงเองก็เพิ่งกลายมาเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางเหมือนกัน!
เขาเพิ่งมาถึงชั้นสองเมื่อวานนี้
เพราะฉะนั้นแล้ว คนสองคนนี้ก็ล้วนเป็นมือใหม่ทั้งคู่!
มือใหม่สมัยนี้โหดกันทุกคนเลยหรอ?
อย่างงั้นแล้วคนอย่างพวกเขาก็ควรจะทำตัวอย่างไรดี?
มันเป็นเรื่องจริงที่คนรุ่นใหม่จะเก่งกว่าคนรุ่นเก่า
คลื่นแห่งความเศร้าโศกพุ่งทะลุหัวใจของเหล่าศิษย์นักสู้ขั้นกลาง
“น้องใหม่คนนี้อ่อนแอกว่าหวู่เหลียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ใครบางคนแสดงความคิดเห็น
“มันยากที่จะพูด แม้ว่าเขาจะมาทีหลัง แต่ระยะห่างระหว่างเขากับเจ้าอ้วนก็ยังคที่ นายไม่ได้สังเกตหรอว่าเขาอยู่หลังเจ้าอ้วนไม่ถึง 20 เมตรด้วยซ้ำ”
“เฮ้ ถ้านายไม่พูด ฉันก็คงจะไม่สังเกต”
พวกเขามองไปที่หวังเต็งด้วยความประหลาดใจ เมื่อพวกเขาสังเกตดูหวังเต็งดีๆ พวกเขาก็สามารถบอกได้ว่าหวังเต็งนั้นดูไม่เหนื่อยเลย
อันที่จริง หวังเต็งยังไม่ได้ทุ่มทุกอย่างของเขาลงไป สาเหตุที่เขาวิ่งตามหวู่เหลียงนั้นก็เป็นเพราะเขาต้องการที่จะเก็บฟองสบู่ที่ดรอปออกมาจากหวู่เหลียงนั่นเอง
นอกจากนี้ จุดประสงค์เดิมของการแข่งนี้ก็คือการให้หวู่เหลียงดรอปฟองสบู่ออกมาใหมากที่สุด
เขาได้รับความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับบั๊กของเขาแล้ว ถ้าเขาต้องการให้ 'มอนสเตอร์ตัวเล็ก' เหล่านี้ดรอปฟองสบู่ค่าคุณสมบัติเพิ่มขึ้น เขาก็จำเป็นจะต้องทำให้พวกมันฝึกฝนให้หนักขึ้น หรือ…
เขาสามารถโจมตีพวกเขา ยิ่งเขาโจมตีพวกมันมากเท่าไหร่ ฟองสบู่ค่าคุณสมบัติก็จะยิ่ดรอปมากขึ้นเท่านั้น!
เขาได้รับความคิดนี้มาจากตอนที่เขาโจมตีวัยรุ่นที่ดูน่ากลัว อย่างไรก็ตาม สมมติฐานนี้ก็ยังต้องการการยืนยัน
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถไปไล่ท้าตีคนอื่นมั่วๆได้
เพื่อกำจัดหวังเต็ง หวู่เหลียงก็ได้ให้ความสำคัญกับการแข่งขันครั้งนี้เป็นพิเศษ เขาใช้ความพยายามทั้งหมดที่เขามี และนั่นก็ทำให้มันมีฟองสบู่ดรอปออกมามากมาย
ฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐาน*2
ความเร็ว*5
ความเร็ว*6
ฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐาน*4
ความเร็ว*7
…
หวังเต็งรู้สึกว่าเขากำลังเล่น 'Temple Run' และฟองสบู่ค่าคุณสมบัตินั้นก็เหมือนกับเหรียญทอง
เขาเกือบจะได้ยินเสียงเอฟเฟ็คเมื่อเก็บฟองสบู่
ขณะที่หวังเต็งวิ่งและรวบรวมฟองสบู่ค่าคุณสมบัติ ค่าคุณสมบัติของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รู้สึกเหนื่อยตลอดทาง แต่เขากลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
และนี่ก็คือเหตุผลที่เขากล้าที่จะท้าเจ้าอ้วนแข่ง
เมื่อผู้ชมเห็นหวังเต็งเผยรอยยิ้มที่มุมริมฝีปาก การแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
ไอ้นี่มันไม่ได้กำลังแข่งขัน แต่มันกำลังจูงหมูเดินต่างหาก!
และระยะห่างของพวกเขาก็คือระยะห่าของโซ่จูง
หวู่เหลียงไม่ได้สังเกตเห็นอะไรแปลกๆ เขาเห็นเพียงแค่ว่าหวังเต็งมักจะล้าหลังเขาเสมอ เขามองย้อนกลับไปและหัวเราะ “นี่เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ฉันบอกนายแล้วว่านายไม่ใช่คู่แข่งของฉัน ทำไมนายถึงทำให้ตัวเองขายหน้าด้วยกันนะ!”
ฟิ้วว
ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างๆหนึ่งก็วิ่งผ่านเขาไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าอ้วนหยุดนิ่งไป ปากของเขาอ้าลงและตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น เขาไม่สามารถพูดอะไรได้
“ไอ้เหี้ย!”