ตอนที่แล้วบทที่ 9: แกจะมาสั่งสอนเพื่อนฉันได้ยังไงกัน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 11: วิ่ง เจ้าอ้วน วิ่ง~

บทที่ 10: สายตาแห่งความรักจากพ่อ


บทที่ 10: สายตาแห่งความรักจากพ่อ

ทันทีที่หวังเต็งและเพื่อนๆออกจากผับ พนักงานก็มองดูความยุ่งเหยิงบนพื้นและหันไปถามชายวัย 30 ปีสวมชุดสูท

“ผู้จัดการ เราจะปล่อยพวกเขาไปอย่างนั้นหรอ?”

ชายในชุดสูทจ้องไปที่พนักงานที่ถามคำถามและตอบอย่างโกรธจัด “ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ? นายอยากให้พวกเขาอยู่ที่นีต่อรึยังไง?”

“แกนี่ไม่ได้ช่างสังเกตเลย!”

“เฉากังเป่าเอ๋อนั้นเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางและพี่ชายของเขาก็เป็นศิษย์นักสู้ขั้นสูง”

“ส่วนอีกฝ่ายก็ล้วนมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยโดยมีทรัพย์สินมากกว่าร้อยล้าน และที่สำคัญที่สุด มันก็มีศิษย์นักสู้สองคนในหมู่พวกเขา และไม่ต้องพูดถึงฝีมือของเขาเลย หนึ่งในนั้นจะต้องเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางอย่างแน่นอน”

“เขากลายเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางตั้งแต่อายุยังน้อย แกรู้ไหมว่านั่นหมายถึงอะไร?”

“มันหมายความว่าเขามีโอกาสที่จะกลายเป็นศิษย์นักสู้ขั้นสูงยังไงล่ะ ไอ้โง่! ถ้าแกต้องการรนหาที่ตายงั้นก็อย่าดึงฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย”

พนักงานพูดไม่ออก วินาทีต่อมา เขาก็เริ่มชื่นชมผู้จัดการของเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ… ผู้จัดการของเขาได้ตรวจสอบภูมิหลังของคนเหล่านี้มาก่อนแล้วนี่เอง

ไม่น่าแปลกใจเลนยที่เขาจะสามารถกลายมาเป็นผู้จัดการได้ในขณะที่เขาเป็นเพียงคนงานระดับล่างที่ไม่มีความสำคัญใดๆ

ทันทีที่พวกเขาพบกับปัญหา ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็เปรียบได้ดังกลางวันและกลางคืน

“งั้นตอนนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปดีละผู้จัดการ” พนักงานขอคำแนะนำอย่างสุภาพในทันที

“ขอเวลาสักครู่ มันไม่ใช่ว่าเฉากังเป่าเอ๋อบอกว่าเขาจะเรียกกำลังเสริมมาหรอ? เมื่อดูจากความแค้นที่เขามีแล้ว เขาก็น่าจะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน และเขาก็อาจจะทำข้าวของพังเสียหายอีกครั้ง ซึ่งความเสียหายที่พวกมันทำก็จะไม่สามารถประเมินค่าได้”

“ไอ้เวรนั่น ทำไมมันต้องไปยั่วยุชาวบ้าชาวเมืองเขาด้วยกันนะ? นายเชื่อไหมว่ามันจะไม่สามารถแก้แค้นได้หรอก”

“และแม้ว่าพี่ชายของมันจะมาเอง แต่มันก็จะไร้ประโยชน์” ชายในชุดสูทเริ่มสาปแช่งพวกที่ก่อปัญหา

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อว่า “เราจะโทษความสูญเสียทั้งหมดไปให้พวกมัน ในขณะเดียวกันเราก็จะต้องทำการปกป้องผับแห่งนี้เอาไว้ด้วยเช่นกัน พววกเรามีหลักฐานแล้ว ดังนั้นพวกมันก็จะต้องไม่มีทางดิ้นได้อย่างแน่นอน และเดี๋ยวฉันจะทำสำเนาในภายหลังและส่งให้เจ้านายของเราผ่านวีแชท”

“และเนื่องจากเรื่องนี้เชื่อมโยงกับเหล่าศิษย์นักสู้ คนปกติอย่างเราจึงไม่สามารถจัดการกับมันได้ และเราก็ทำได้แค่ให้เจ้านายเป็นคนตัดสินใจเท่านั้น”

หลังจากที่หวังเต็งและคนอื่นๆออกไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปที่อื่นต่อ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะกลับบ้าน

เมื่อถึงเวลา 22.00 น. พวกเขาทั้งหมดก็กลับถึงบ้าน

หวังเต็งไม่ได้ไปที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน หลังจากนั้น เขากลับไปท่องอินเทอร์เน็ตที่บ้านและพลิกดูข้อมูลต่างๆเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในยุคแห่งศิลปะการต่อสู้ของเขา

สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้เป็นการเตือนเขา

เขาเพิ่งพบกับกลุ่มอันธพาล อย่างไรก็ตาม ความสามารถของหนึ่งในอันธพาลนั้นก็ได้ใกล้เคียงกับศิษย์นักสู้ขั้นกลางแล้ว

หากเขาไม่รวบรวมคุณสมบัติอย่างบ้าคลั่งในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาก็จะไม่สามารถจัดการเรื่องในวันนี้ได้ และมันก็อาจจะนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่

แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเผลอไปมีปัญหากับนักสู้ที่แท้จริงในอนาคต?

อีกฝ่ายก็จะทำลายเขาและครอบครัวโดยการสะบัดนิ้วยังไงล่ะ

เขาไม่เคยต้องการที่จะต้องมาสัมผัสกับบทเรียนจากชีวิตที่แล้วของเขาอีกครั้ง

เมื่อหวังเต็งเกิดใหม่ เขาก็รู้สึกได้ถึงอันตรายในใจ และตอนนี้ลางสังหรณ์นั้นก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นแล้ว

เขาจะต้องกลายเป็นนักสู้ตัวจริงให้เร็วที่สุด

ศิษย์นักสู้... แม้แต่ศิษย์นักสู้ขั้นสูงก็ยังไม่พอ เขาจะสามารถปกป้องตัวเองได้เพียงบางส่วนเท่านั้น แม้ว่าเขาจะกลายเป็นนักสู้ตัวจริงแล้ว

23.00 น. หวังเต็งอาบน้ำเสร็จและเตรียมจะนอน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งนาฬิกาปลุกเพราะพรุ่งนี้เขาต้องตื่นแต่เช้า

เมื่อเขาเปิดโทรศัพท์ เขาก็สังเกตเห็นว่าเขาได้รับข้อความสองข้อความบนวีแชท

แม้ว่ามันจะยังคงเป็นปี 2009 ในโลกนี้ แต่วีแชทก็มีแล้วและมันก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทุกคนจะโพสต์เรื่องราวต่างๆลงบนวีแชทของพวกเขาเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรทำ

มันมีผู้ติดตามจำนวนมากในหมู่นักสู้ พวกเขาเป็นที่นิยมอย่างมาก และนี่ก็เป็นเพราะว่านักสู้นั้นสามารถเข้าสู่ทวีปซินหวู่ผ่านรอยแยกมิติได้

ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงสามารถถ่ายภาพทิวทัศน์อันน่าทึ่งและสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆมากมายในทวีปซินหวู่ และรวมถึงความงามที่แปลกใหม่ของที่นั่น...

ทุกวันนี้การโพสต์ภาพเสื้อผ้า ,กระเป๋า และรถยนต์หรูหรานั้นมันธรรมดาเกินไปแล้ว!

เทรนด์ไฮคลาสและมีสไตล์ตอนนี้คือการโพสต์ภาพถ่ายจากต่างโลก!

หวังเต็งมองไปที่ข้อความทั้งสองของเขา อันหนึ่งถูกส่งมาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว

“พี่หวังเต็ง ฉันถึงบ้านแล้วนะ จากไป่เว่ย”

มันมีอีโมติคอนน่ารักอยู่ท้ายประโยคด้วย

นอกจากนั้นข้อความอีกอันก็ถูกส่งมาเมื่อสามนาทีที่แล้ว

“พี่หวังเต็ง ฉันกำลังจะนอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์. จากไป่เหว่ย”

เธอได้เพิ่มอิโมติคอนหลับในตอนท้ายไปด้วย

“ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงดูสุภาพจัง? ฉันเข้าใจข้อความของเธอที่เธอบอกว่ากลับถึงบ้านแล้ว แต่ทำไมเธอถึงได้ส่งข้อความมาหาฉันว่าจะนอนแล้วกัน?” หวังเต็งมีสีหน้าแปลกๆบนใบหน้าของเขา

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ข้อความนี้ถูกส่งเมื่อสามนาทีที่แล้ว ดังนั้นเธอก็คงจะนอนไปแล้วใช่ไหม

โอ้ มันถูกส่งมาเมื่อสี่นาทีที่แล้วแล้ว

เขาตัดสินใจที่จะไม่ตอบกลับเธอเพราะเกรงว่ามันอาจจะไปรบกวนการนอนของเธอได้

หวังเต็งเลื่อนดูโพสต์ของเพื่อนสองสามคน มันไม่มีอะไรกระตุ้นจินตนาการของเขา ดังนั้นเขาจึงวางโทรศัพท์ลงและหลับตาเพื่อพักผ่อน

ภายในหนึ่งนาที การหายใจของเขาก็สงบลงและเข้าสู่การนอนหลับอย่างสนิท

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ในห้องเจ้าหญิงสีชมพู ไป่เว่ยกำลังรออยู่เป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ความผิดหวังปรากฏบนใบหน้าของเธออย่างควบคุมไม่ได้

“ชิ!” เธอขว้างโทรศัพท์ของเธอและเกือบจะเป็นบ้า หลังจากกลิ้งไปมาบนเตียงของเธอสองสามครั้ง เธอก็รู้สึกหงุดหงิด

วันรุ่งขึ้น วันอาทิตย์

หวังเต็งตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เขาก็ออกจากบ้านภายใต้สายตาที่พึงพอใจของพ่อของเขา

“ในที่สุด ฉันก็สามารถหลุดพ้นจากสายตานั่นได้สักที”

หลังจากที่รถสปอร์ตขับออกไปได้สักระยะแล้ว หวังเต็งก็สั่นกลัว

“นี่อาจจะเป็นสายตาแห่งความรักจากพ่อในตำนาน?”

“... ยังไงก็เถอะ นั่นมันโครตน่ากลัวเลย!”

หลังจากนั้นไม่นาน หวังเต็งก็มาถึงสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน

ฟองสบู่บางส่วนกระจัดกระจายอยู่บนสนามหญ้าและทางเดินในสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ เขาเก็บมันขึ้นมาระหว่างทางและเดินเข้าไปในอาคารฝึก

ศิษย์บางคนกำลังฝึกซ้อมอยู่ในล็อบบี้ฝึกอบรมที่ชั้นหนึ่ง

หวังเต็งมองไปรอบๆชั่วครู่ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเดียวกับเมื่อวาน

หวังเต็งมีความประทับใจอย่างลึกซึ้งต่อพวกเขา เขาคิดว่าเขามาเร็วแล้ว แต่คนพวกนี้ก็ยังมาเร็วกว่าเขาด้วยซ้ำ พวกเขาฝึกฝนหนักจริงๆ

อย่างไรก็ตาม บนเส้นทางแห่งความพากเพียรนี้ ฉัน หวังเต็ง ก็จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้

หวังเต็งเดินเข้าไปทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ  นอกจากนี้เขาก็ยังรวบรวมฟองสบู่ที่พวกเขาดรอปออกมาอีกด้วย

ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน*1

ฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐาน*1

ความแข็งแกร่ง*3

ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน*2

ความเร็ว*5

“นี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี! ฉันมีความสุขมากจริงๆ!”

หลังจากรวบรวมคุณสมบัติแล้ว หวังเต็งก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว เขายังคงเดินตรงขึ้นยังบันไดชั้นสอง

การกระทำของเขาดึงดูดความสนใจของลูกศิษย์สองสามคน

ชายหนุ่มผู้ฝึกทักษะดาบของเขาเตือนเขาอย่างใจดีว่า “ตามกฎของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ ศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนชั้นสองนะ”

" ฉันรู้ ขอบคุณสำหรับการเตือนความจำ“หวังเต็งหันกลับมาและยิ้มตอบ      ” แต่พอดีเมื่อวานฉันได้กลายป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางแล้วน่ะ”

เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง

เขาโอ้อวดอย่างสงบและสะบัดแขนเสื้อโดยไม่ทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง

ชายหนุ่มที่ฝึกทักษะดาบชะงักไปในทันที

“เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?” เขาถามลูกศิษย์คนอื่นๆอย่างไม่เชื่อ

“เจ้าเด็กนี่เพิ่งมาเมื่อวานไม่ใช่หรอ?”

เหล่าลูกศิษย์ไม่ได้ตอบเขาโดยตรง พวกเขากลับตอบคำถามด้วยคำถามแทน

“นั่นไม่ถูกต้อง เขาเพิ่งมาเมื่อคืนวันศุกร์ ฉันเห็นเขา” จู่ๆลูกศิษย์อีกคนก็พูดขึ้น

“เขากลายเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางหลังจากฝึกได้สองวันอย่างงั้นหรอ? นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกัน!”

“นั่นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เขาจะต้องฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาก่อนก่อนที่เขาจะมายังสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้อย่างแน่นอน ดูเขาสิ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นลูกของคนรวย คนจนต้องพยายามอย่างหนัก ในขณะที่คนรวยได้เรียนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็ก ครอบครัวของเขาจะต้องมีอิทธิพลมากอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงสามารถเรียนศิลปะการต่อสู้ไดตั้งแต่ยังเด็ก”

ทุกคนเห็นด้วยกับคำอธิบายนี้

ไม่มีใครเชื่อว่ามันจะมีใครบางคนในโลกนี้ที่สามารถเปลี่ยนจากคนที่อ่อนแอและไร้ประโยชน์ไปเป็นศิษย์นักสู้ขั้นเริ่มต้นและจากนั้นก็ไปเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางได้ภายในสองวัน

สิ่งนี้มันเป็นไปไม่ได้

คำว่าอัจฉริยะไม่เพียงพอที่จะบรรยายถึงบุคคลดังกล่าว สิ่งที่สามารถบรรยายถึงบุคคลเช่นนี้ได้นั้นมีเพียงคำว่า สัตว์ประหลาด เท่านั้น!

แน่นอนว่านั่นไม่รวมคนที่โกงและมีบั๊กแบบนี้!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด