ตอนที่ 6 การฝึกตนที่ใช้งานได้และไม่ได้ใช้งาน
ตอนที่ 6 การฝึกตนที่ใช้งานได้และไม่ได้ใช้งาน
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ลู่สุ่ยก็เดินกลับไปที่ห้องของเขา
การออกแบบภายในห้องนั้นเรียบง่ายมาก ไม่มีการตกแต่งอะไรเพิ่มเติมซึ่งแตกต่างจากชีวิตในชาติที่แล้วของเขามาก
ย้อนกลับไปตอนที่มู่เซี่ยได้ย้ายเข้ามา เธอมักจะเก็บของในห้องของเขาเสมอ
ลู่สุ่ยนั่งไขว่ห้างพร้อมกับตัมภีร์ธรรมดาในมือโดยไม่ได้คิดเรื่องนี้อีกต่อไป
มันคือ "การก่อตัวของสวรรค์และโลก" ซึ่งเขาได้มาจากศาลาคัมภีร์ทิเบต
เขาตัดสินใจที่จะฝึกมันในคืนนี้
เมื่อเขาเปิดคัมภีร์ เขาเห็นสัญลักษณ์แปลกๆบางอย่าง ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าไม่มีใครสามารถเข้าใจคัมภีร์เล่มนี้ได้
มีคนเคยคิดว่าคัมภีร์เล่มนี้ต้องใช้การแกะตัวอักษร และสัญลักษณ์ต่างๆผสมกันไป เมื่อจัดลำดับอักษรถูกต้องถึงจะเข้าใจความหมายที่อยู่ในนี้ได้
คนอื่นๆคิดว่าคัมภีร์เล่มนี้จะมีผู้ที่เหมาะสมจริงๆเท่านั้นถึงจะอ่านได้อย่างเข้าใจ
แต่ทั้งสองอย่างที่บอกมานั่นก็ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด
สิ่งที่บันทึกไว้ในคัมภีร์เล่มนี้คือสิ่งที่คนเขียนเท่านั้นสามารถเข้าใจได้
เหตุผลที่ลู่สุ่ยสามารถเข้าใจคำเหล่านั้นได้เป็นเรื่องที่แปลกมาก เมื่อเขาเจอกับคัมภีร์เล่มนี้ครั้งแรก มันมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกซึ่งเขาไม่สามารถอธิบายได้อยู่ภายในใจ
'การก่อตัวของสวรรค์และโลก' ถูกแบ่งออกเป็นวิธีการฝึกฝนสองประเภท อย่างแรกคือการฝึกตนเชิงรุก และอย่างที่สอง การฝึกตนที่ไม่ได้ใช้งาน
ที่เรียกว่าการฝึกตนเชิงรุกนั้นไม่มีอะไรนอกจากการฝึกฝนทางกายภาพ เมื่อถูกฝึกตนโดยใช้วิธีนี้ การก่อตัวของพลังหยินและหยางทั้งห้าองค์ประกอบจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ หลังจากที่รูปแบบการก่อตัวถูกเปิดใช้งาน ทอง ไม้ ดิน น้ำ และไฟ จะถูกผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัวของธาตุทั้งห้า
เมื่อพลังของธาตุทองเต็ม มันจะพาผู้ฝึกเข้าสู่ขอบเขตขั้นที่สองโดยทันที
มันก็เหมือนกันกับองค์ประกอบอื่นๆ เมื่อพลังแห่งธาตุทั้งเจ็ดถูกดูดซับอย่างเต็มที่ ผู้ฝึกตนจะได้รับการเลื่อนระดับไปโดยอัตโนมัติดังนี้
ผู้ฝกตึนบางคนสามารถฝึกตนให้อยู่ในขั้นสูงสุดได้โดยใช้วิธีนี้
ส่วนวิธีการฝึกตนที่ไม่ได้ใช้งานคือการเฝ้าดูรูปแบบการก่อตัวของสวรรค์และโลกและระลึกถึงมัน ในขั้นตอนนี้มันจะรวบรวมพลังของสวรรค์และโลกเข้ากันโดยอัตโนมัติ
เมื่อพลังของสวรรค์และโลกถึงขีดจำกัด จะสามารถใช้รูปแบบสวรรค์และรูปแบบโลกได้เพื่อแสดงถึงการก่อตัวของสวรรค์และโลก
เมื่อรูปแบบสวรรค์และโลกถูกใช้งานอย่างสมบูรณ์ มันจะสามารถควบคุมทุกสิ่งในโลกได้
เมื่อบรรลุถึงความสามารถนี้แล้ว มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในหลายๆด้าน
อย่างไรก็ตาม คัมภีร์เล่มนี้นั้นยังไม่สมบูรณ์ และมีข้อบกพร่องมากมายในช่วงท้ายๆ แม้จะฝึกฝนได้ในช่วงแรกๆของคัมภีร์นี้แต่ช่วงหลังนั้นจะไม่สามารถฝึกได้
การฝึกตนที่ไม่ได้ใช้งานนั้นเป็นรูปแบบทั่วไป แต่ลู่สุ่นได้ปรับเปลี่ยนเพื่อให้เขาสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกมาได้
เขาต้องยอมรับว่าผู้ที่เขียนรูปแบบสวรรค์และโลกเป็นปีศาจอย่างหรืออะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลู่สุ่ยก็เริ่มอ่านที่คัมภีร์
สัญลักษณ์แปลกๆ เหล่านั้นดูเหมือนจะเคลื่อนที่ด้วยตัวมันเอง ดูเหมือนว่าพวกมันเองก็กำลังอ่านไปพร้อมกับเขา
เมื่อมองดูคัมภีร์ ลู่สุ่ยเริ่มอ่านและเขียนอักษรรูนในอากาศด้วยมือข้างเดียว เมื่อเขาพลิกหน้า อักษรรูนที่เขาแสดงก็ตกลงกับพื้น
เนื่องจากการฝึกตนของเขาอยู่ในระดับที่สอง เขาจึงสามารถใช้พลังของเขาเพื่อแสดงอักษรรูนออกมาได้
ขณะที่เขาพลิกดูหน้าต่างๆ ลู่สุ่ยก็ดึงอักษรรูนที่ดูแล้วมีความเกี่ยวข้องกันออกมาทีละตัวๆ
หลังจากที่เขาอ่านเจ็ดหน้าแรกเสร็จ อักษรรูนทั้งเจ็ดก็ปรากฏขึ้นรอบๆตัวเขา
เมื่อมาถึงจุดนี้ลู่สุ่ยได้วางคัมภีร์ไว้ด้านข้าง เขาต้องเริ่มวิธีการฝึกฝนเชิงรุกก่อน เขาไม่จำเป็นต้องอ่าน 'การก่อตัวของสวรรค์และโลก' ตลอดทั้งคืนก็ได้
หลู่สุ่ยไม่ได้อ่านคัมภีร์สวรรค์และโลกอีก เขาเพ่งสายตาไปที่อักษรรูรอบตัวเขา เขาค่อยๆแตะอักษรรูนเหล่านั้นเบาๆ
เขาหลับตาขณะสัมผัสอักษรรูนเหล่านั้น
เมื่อหลับตาลง อักษรรูนรอบๆก็เริ่มส่องแสง พวกมันเริ่มขยายและสร้างเสริมซึ่งกันและกันโดยที่มันเชื่อมต่อเข้าหากัน เมื่อพวกมันเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ มันก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของลู่สุ่ย
ลู่สุ่ยกำลังนั่งอยู่อย่างสงบรอให้อักษรรูนมาถึงเขาเพื่อดูดซับมัน
พวกมันขึ้นมาที่เสื้อผ้าของเขาแล้วค่อยๆกระจายตัวออกไป ก่อนที่มันจะเริ่มรวมตัวกันบนฝ่ามือของลู่สุ่ย
ในที่สุดพวกมันก็รวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างฝ่ามือทั้งสองของเขา
เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากที่อักษรรูนเชื่อมต่อกันเสร็จ มีอักษรรูนบางตัวร่วงอยู่ที่พื้น
ลู่สุ่ยยังคงนั่งนิ่งๆอยู่บนพื้นโดยที่หลับตา
แม้จะดูเหมือนว่าเขาหลับไปแล้ว
แต่อันที่จริงเขาเข้าใจ รับรู้ และควบคุมการผสมผสานของอักษรรูนอยู่ ไม่มีโอกาสแก้ตัวในขั้นตอนที่ ถ้าผิดพลาดเพียงนิดเดียวเขาจะไม่สามารถเข้าใจคัมภีร์เล่มนี้ได้อีก
ถ้ามันผิดพลาด มันจะไม่เพียงแค่ทำลายความก้าวหน้าในการฝึกตนของเขา แต่ยังทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลงไปอีก
หลังจากผ่านไปเกือบทั้งคืน ก็ไม่มีอักษรรูนอยู่บนพื้นอีกแล้ว และไม่มีร่องรอยของอักษรรูนบนร่างของลู่สุ่ยด้วยเช่นกัน
อักษรรูนทั้งหมดถูกรวบรวมเป็นรูปแบบอยู่บนฝ่ามือของเขา
มันเป็นรูปแบบขนาดเล็กที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของธาตุทั้งเจ็ด
เมื่อมันก่อตัวแล้ว ลู่สุ่ยก็ลืมตาขึ้น
เขาเปิดและลากรูปแบบของธาตุทั้งเจ็ดด้วยมือเดียว
“เอาล่ะ… ได้เวลาดูดซับพลังแล้ว”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ขาดแคลนพลัง แต่เขาก็ยังต้องใช้เวลาในการดูซับรูปแบบนี้
ส่วนการที่จะบอกเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสในตระกูลรู้ เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
และเขาไม่เคยบอกพวกเขาในชีวิตชาติที่แล้วเช่นกัน
ถ้าลู่สุ่ยแจ้งให้พวกเขาทราบ เขาจะออกจากตระกูลลู่ได้หรือไม่?
พวกเขายังจะปล่อยให้เขาไปหย่าอีกหรือไม่?
เป็นไปไม่ได้
เขาจะไม่แจ้งคนในตระกูลเด็ดขาดไม่ว่าใครก็ตาม
หลังจากตรวจสอบเวลาแล้วลู่สุ่ยก็เห็นว่าเป็นเวลาตีห้าแล้ว แต่เนื่องจากการฝึกฝนของเขาอยู่ในระดับที่สอง การไม่นอนทั้งคืนไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
เขากำลังวางแผนที่จะออกไปข้างนอกและอ่าน 'รูปแบบสวรรค์และโลก' ต่อ
เมื่อลู่สุ่ยเดินออกไปจนถึงศาลา เขาพบสาวใช้ยืนอยู่นอกลาน นั่นเป็นคนที่เขาคุ้นเคยอยู่แล้ว
เมื่อมองไปที่สาวใช้คนนี้ ลู่สุ่ยอยากจะถามพ่อแม่ของเขาว่าในครอบครัวลู่มีคนใช้เพียงคนเดียวหรือเปล่า?
‘ทำไมคนใช้คนนี้ถึงได้อยู่ในทุกๆที่เลยนะ?’
เมื่อลู่สุ่ยเข้าไปนั่งอยู่ในศาลา ฉีซี่ก็เดินไปหาเขา เธอถือขนมสองจานและชาอีกหนึ่งถ้วย
“นายน้อย ข้าเตรียมขนมไว้ให้ท่านแล้ว”
ลู่สุ่ยพยักหน้าและบอกว่า “ช่วยข้าหาของบางอย่างที่มีพลังโลหะ เช่น แร่ธาตุหรือน้ำอมฤตหน่อย แล้วก็ข้าต้องการน้ำอมฤตทำจากธาตุไม้ แต่ไม่จำเป็นต้องดีมากก็ได้ แค่อยู่ในระดับสองก็เพียงพอแล้ว”
ฉีซี่ก้มศีรษะของเธอ
“ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะนายน้อย”
เธอเดินออกไปตรงบริเวณลาน
เธอไม่ได้ถามนายน้อยของเธอว่าจะเอาไปทำอะไร เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะต้องถาม
ลู่สุ่ยกำลังดื่มชาและกินขนมในขณะที่เขาอ่านการก่อตัวของสวรรค์และโลกอยู่
สำหรับพลังของทองคำและคุณสมบัติของธาตุไม้ เขาต้องการดูว่าวิธีการนี้จะได้ผลหรือไม่ เขาต้องการรู้ด้วยตัวเองว่าอีกนานแค่ไหนเขาถึงจะเข้าสู่ขอบเขตระดับที่สามได้
***ปล.หากไม่เข้าใจตรงไหนอ่านตรงหน้าแรกของนิยายก่อนนะครับ***