ตอนที่ 450 พลังอวตารร้อยวิถี
ตอนที่ 450 พลังอวตารร้อยวิถี
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ยู่ฉางตงบินลงมาจากหุบเขาวู่เซียนก่อนที่จะเดินทางมาเพียงลำพัง ตัวเขาไม่รู้เรื่องที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าถูกโจมตีมาก่อน ดังนั้นยู่ฉางตงจึงไม่คิดที่จะรีบร้อนอะไร ด้วยพลังอวตารดอกบัวสามกลีบที่ตัวเขามีในตอนนี้ยู่ฉางตงไม่ได้วางแผนที่จะทำอะไรมาก ตัวเขาวางแผนที่จะออกจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ได้ยินใครหลายคนพูดถึงข่าวลือของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ในตอนนี้ไม่มีใครในโลกสนใจผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอีกต่อไป ยู่ฉางตงเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน ดังนั้นยู่ฉางตงจึงตัดสินใจที่จะพักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมใกล้ๆ กับเมืองศักดิ์สิทธิ์ซะก่อน ตัวเขาอยากที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ
หลังจากที่ใช้เวลาสืบข่าวไปกว่าครึ่งวัน ยู่ฉางตงก็พอจะรู้เรื่องหยาบๆ มา อาจารย์ของตัวเขาได้กวาดล้างเจ็ดสำนักใหญ่ไปด้วยพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ไม่ว่าข่าวลือที่ได้ฟังมาจะเกินจริงไปหรือไม่ ยู่ฉางตงก็จะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเองเมื่อกลับมายังศาลาปีศาจลอยฟ้า สิ่งที่ยู่ฉางตงอยากที่จะรู้มากที่สุดก็คือศาลาปีศาจลอยฟ้ายังคงอยู่รอดมาไหม ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเจอคนรู้จักในที่แห่งนี้
ก่อนหน้านี้ยู่ฉางตงเคยพบกับเด็กสาวมาก่อน เมื่อในอดีตยู่ฉางตงเคยเดินเล่นรอบเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์กับผู้ที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่มาก่อน ตัวเขาเคยพักค้างคืนอยู่ในคฤหาสน์ของเจ้าชายแห่งพลัง และในครั้งนั้นยู่ฉางตงก็ได้พบกับนางเข้า ตัวเขาไม่รู้เลยว่าทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงยังยึดติดอยู่กับศาลาปีศาจลอยฟ้าเช่นนี้
ดาบยืนยาวที่อยู่ด้านหลังของยู่ฉางตงยังคงปล่อยประกายแสงสีแดงออกมา ฉินรู่ปิงที่เห็นแบบนั้นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้
ยู่ฉางตงหันกลับมาก่อนที่จะพูดขึ้น “อย่าคิดใฝ่สูงไปเลย ยิ่งคิดสูงเท่าไหร่ในตอนที่เจ้าล้มก็จะเจ็บมากเท่านั้น ลาก่อน” ถ้าหากยู่ฉางตงก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธไปตรงๆ เด็กสาวคนนี้ก็คงจะมีแต่เจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีผู้ฝึกยุทธคนไหนกล้าที่จะท้าทายผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ผู้ฝึกยุทธทุกคนได้แต่เฝ้ามองดูยู่ฉางตงเดินจากไป สายตาของทุกคนต่างเกรงขามและความชื่นชม นี่เป็นวิถีของผู้ใช้ดาบที่แท้จริงที่ควรทำ
แม้แต่เสี่ยวเอ้อ ผู้ที่เป็นคนธรรมดาก็ยังคาดไม่ถึง คนธรรมดาต้อยต่ำอย่างเขาถูกผู้ฝึกยุทธดูถูกเหยียดหยามมาโดยตลอด พวกเขาทำเหมือนกับเสี่ยวเอ้อคนนี้ไม่ใช่คนด้วยซ้ำไป ในทางกลับกันดาบปีศาจกลับปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงคนธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธทั่วไปกับดาบปีศาจแล้ว ดาบปีศาจยังดูเป็นมิตรและนอบน้อมกว่ามาก
“เหมือนข้ากำลังฝันไปเลยจริงๆ ข้าได้คุยกับดาบปีศาจยู่ฉางตง!”
“เขาไม่ใช่ปีศาจอย่างที่ใครว่าไว้เลย ชายคนนี้ก็เป็นแค่สุภาพบุรุษผู้ถ่อมตัว...นี่สิคือวิถีสุดยอดแห่งดาบที่แท้จริง”
“สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ข่าวลือกันว่าดาบปีศาจเป็นพวกที่ฆ่าคนเป็นผักปลาดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ข่าวลือจากผู้ที่อิจฉาเขา”
“คนพวกนั้นช่างไร้ยางอายจริงๆ ข้าอยากที่จะเห็นจริงๆ ว่าดาบปีศาจจะทำให้โลกยุทธภพเปลี่ยนแปลงไปแบบไหน”
...
ข่าวของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้บดบังข่าวลือทุกอย่างเกี่ยวกับการแยกดอกบัวทองคำ ข่าวที่ว่าแพร่กระจายกันทั่วดินแดนอย่างที่เรียกได้ว่าเกินความคาดหมายของทุกคน
ไกลออกไป ณ มณฑลเหลียง สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของสำนักอเวจีในตอนนี้กำลังเตรียมผู้คนเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับผู้คนจากรั่วหลี่ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องทุกอย่างกลับจบลงในค่ำคืนเดียว
ยู่เฉิงไห่ไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ตัวเขามองไปยังสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ ผู้ซึ่งเป็นสาวกผู้ที่เชื่อถือได้มากที่สุด “ฮั๊วจงหยาง เจ้าเป็นคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุด ใครกันที่เป็นผู้ปล่อยข่าวลือนี่?”
“เจ้าสำนัก พวกเราได้สั่งให้สมาชิกทุกพื้นที่ค้นหาแหล่งข่าวลือที่ว่า มีแต่การมีอยู่ของพลังอวตารเก้ากลีบเท่านั้นที่จะทำให้เรื่องทุกอย่างสมเหตุสมผล ไม่มีทางเลยที่เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ถ้าหากขาดพลังอันยิ่งใหญ่แบบนั้น” ฮั๊วจงหยางตอบกลับมา
ไป่ยู่ชิงที่อยู่ใกล้ๆ ก็แสดงความเห็นออกมาเช่นกัน “ศาลาปีศาจลอยฟ้าถูกโจมตีในขณะที่พวกเราต้องต่อสู้กับคนของรั่วหลี่ นี่เป็นเรื่องบังเอิญจนเกินไป เรื่องนี้จะต้องมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังแน่”
ฮั๊วจงหยางพูดต่อ “การล่าถอยไปอย่างกะทันหันของชนเผ่าอื่นคงเป็นเพราะข่าวลือเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับพวกเรา ในตอนนี้พวกเราก็หันกลับมาสู้กับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็ยังขมวดคิ้ว ตัวเขาดูไม่ค่อยมีความสุขมากนัก ยู่เฉิงไห่เดินไปรอบๆ ห้อง ตัวเขาดูกระสับกระส่ายและไม่สบายใจ “แล้วสถานการณ์ของศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นยังไงบ้าง?” ไม่สำคัญแล้วว่าตัวเขาจะพิชิตโลกทั้งใบในตอนนี้ได้ การปรากฏตัวของผู้ฝึกยุทธดอกบัวเก้ากลับจะกลายเป็นกุญแจสำคัญของแผนการตัวเขา
ฮั๊วจงหยางพูดตอบกลับมา “พวกเรายืนยันได้แล้วว่าการโจมตีของเจ็ดสำนักใหญ่ล้มเหลวไป ม่านพลังของภูเขาทองเองก็ได้รับการฟื้นฟู พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ...ผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบมีพลังมากกว่าที่พวกเราคิดมาก”
“...” ยู่เฉิงไห่ไม่พอใจเท่าไหร่เมื่อได้ยินว่าผู้เป็นอาจารย์ของเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ยู่เฉิงไห่ผิดหวังมากที่สุดก็คือการต่อสู้ในอนาคตมากกว่า ตัวเขาจะไปสู้กับราชวงศ์ของจักรพรรดิได้ยังไงกัน? ยู่เฉิงไห่สามารถซ่อนตัวอยู่ในมณฑลทั้งเก้าได้ แต่ถ้าหากตัวเขาต้องการที่จะปกครองดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่ ตัวเขาก็ต้องสู้กับเหล่าราชวงศ์ในไม่ช้าก็เร็ว ในเวลานั้นตัวเขาจะต้องทำยังไงถ้าหากอาจารย์ของเขาเข้ามาเกี่ยว ลำพังตัวเขาจะรับมือกับพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ยังไงกัน? ยู่เฉิงไห่ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเขาควรทำอะไร
ฮั๊วจงหยางดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ยู่เฉิงไห่คิด “ท่านเจ้าสำนัก มณฑลเหลียงอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเราแล้ว ทำไมท่านไม่...ซ่อนตัวอยู่ที่มณฑลชิงหรือมณฑลหยางซะล่ะ?”
เมื่อสถานการณ์ที่มณฑลเหลียงสงบลง ตำแหน่งที่ยู่เฉิงไห่คงอยู่จะต้องถูกเปิดเผยอย่างง่ายดายแน่
ยู่เฉิงไห่ขมวดคิ้ว ตัวเขาหยุดเดินก่อนที่จะพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ข้าน่ะหรอ? ซ่อนตัว?”
เจ้าสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจำเป็นที่จะต้องซ่อนตัวอย่างงั้นเหรอ?
ฮั๊วจงหยางที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเขาพูดผิดไป “มัน...มันก็แค่ข้อเสนอแนะเท่านั้น”
“ไม่ว่าจะเป็นมณฑลทั้งเก้าของดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่หรือใกล้ๆ กับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็แล้วแต่...ข้าเชื่อว่าดินแดนทั้งหมดจะต้องถูกควบคุมโดยสำนักอเวจีในไม่ช้า ตอนนี้มีสถานการณ์อะไรที่พวกเราจะต้องเกรงกลัวกัน?” ยู่เฉิงไห่ถามออกมา
“ที่มณฑลจิงเต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งพืชพรรณหุบเขาอันลึกลับ รวมไปถึงพลังของเขตแดนพลัง การที่จะตีที่นั่นให้แตกได้ไม่ใช่เรื่องง่าย” ฮั๊วจงหยางตอบกลับมา
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นพยักหน้า “ถ้าหากเป็นแบบนั้นข้าจะเป็นคนที่คอยดูแลในตอนที่บุกโจมตีมณฑลจิงเอง”
“ยอดเยี่ยมจริงๆ ท่านเจ้าสำนัก...เมื่อท่านลงมือด้วยตัวเอง ไม่มีสิ่งไหนที่พวกเราสำนักอเวจีจะพิชิตไม่ได้ ข้ายินดีที่จะเป็นผู้นำทางท่านไปยังมณฑลจิงในวันพรุ่งนี้เอง” ฮั๊วจงหยางพูดขึ้น
“พี่จงหยาง ท่านน่ะทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด ข้าจะเป็นคนไปแทนท่านเอง” ไปยู่ชิงพูดขึ้น
“ข้าคิดว่าพวกท่านทั้งคู่คงจะเหนื่อยกันมากแล้ว ข้าจะเป็นคนรับหน้าที่นี้เอง” ดีชิงพูดขึ้น
“ไม่ ไม่ ไม่ พวกท่านทั้งสามทำงานหนักกว่าข้ามาก นอกจากนี้ข้ายังเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุด มันถูกต้องแล้วที่ข้าจะรับหน้าที่ควบคุมรถม้าเอง” หยางเยียนพูดแทรกขึ้น
ยู่เฉิงไห่เหลือบมองไปที่สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก่อนที่จะพูดออกมา “ให้ฮั๊วจงหยางมากับข้า พวกเจ้าที่เหลือจงอยู่ปกป้องมณฑลเหลียงซะ ถ้าหากยอดฝีมือรั่วหลี่ปรากฏตัวเมื่อไหร่ พวกเจ้าก็สังหารมันซะ ไม่ว่าเจ้านั่นจะมาอย่างสันติหรือขอความเมตตาอะไรก็แล้วแต่ก็อย่าได้สน”
“รับทราบเจ้าสำนัก” ไปยู่ชิง, ดีชิง และหยางเยียนตอบรับพร้อมกัน
ฮั๊วจงหยางรู้สึกยินดีเล็กน้อยเมื่อได้รับคำสั่งใหม่ ตัวเขาโค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นข้าจะเตรียมการเป็นอย่างดีเอง...”
“ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้น”
“ท่านเจ้าสำนักหมายความว่าอะไรกัน?”
“พวกเราจะไปกันเลย” ยู่เฉิงไห่หันมามองทิศที่มณฑลจิงตั้งอยู่
“ครับ ท่านเจ้าสำนัก!”
...
ณ ศาลาตะวันออกของศาลาปีศาจลอยฟ้า หลังจากที่พักผ่อนไปสองวัน สภาพจิตใจของลู่โจวก็ฟื้นคืนมาเล็กน้อย พลังวิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เองก็ได้รับการเติมพลังขึ้นมาเช่นกัน ในเวลานี้ตัวเขารู้สึกประหลาดใจ อยู่ดีๆ การแจ้งเตือนที่ลู่โจวได้รับแต้มบุญถึง 1,500 ก็แจ้งเตือนขึ้น
ยู่ฉางตงฆ่าใครอีกแล้วอย่างงั้นเหรอ? หรือว่าเป็นหมิงซี่หยินกัน?
ย้อนกลับไปที่หุบเขาฤดูร้อน หมิงซี่หยินเคยจัดการกับผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบได้ในตอนที่ตัวเขามีพลังอวตารดอกบัวสามกลีบเพียงเท่านั้น ลู่โจวไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกศิษย์ของตัวเขาจะจัดการกับศัตรูผู้ที่มีพลังอวตารแข็งแกร่งกว่าตนถึง 2 ขั้นได้ เห็นได้ชัดว่าหมิงซี่หยินได้ปกปิดพลังความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ลู่โจวก็เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้
ลู่โจวได้เรียกหน้าแต้มบุญที่มีขึ้นมา
แต้มบุญ: 102,300
ดูเหมือนว่าตัวเขาจะได้แต้มบุญมากว่า 60,000 แต้มจากการต่อสู้ในครั้งนี้ เมื่อเทียบกับรางวัลที่ตัวเขาได้มาจากในอดีต รางวัลในครั้งนี้มันก็เป็นเหมือนกับรางวัลแจ็คพอตขนาดใหญ่
ครั้งนี้ก็เหมือนกับครั้งก่อนๆ ลู่โจวไม่รีบที่จะซื้ออวตาร ตัวเขาตัดสินใจที่จะเสี่ยงโชคกับการจับฉลากนำโชคซะก่อน หลังจากที่จับฉลากติดต่อกันกว่าหลายสิบครั้งลู่โจวก็ได้รับแต่รางวัลปลอบใจ ตัวเขารู้สึกได้ทันทีว่าโอกาสในการออกรางวัลของการจับฉลากมันมียากขึ้น ลู่โจวจำได้ว่าตัวเขาเคยได้รับพลังอวตารเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตัวเขาก็ไม่เคยได้รับรางวัลใหญ่อะไรอีก
หลังจากที่พิจารณาไปครู่หนึ่งลู่โจวก็เลือกที่จะซื้อพลังอวตารร้อยวิถี
“ติ้ง! ใช้ 100,000 แต้มบุญ ซื้อพลังอวตารร้อยวิถีสำเร็จ”
“ติ้ง! ได้รับพลังอวตารร้อยวิถีใหม่ ได้รับพลังอวตารดอกบัว 1 กลีบทันที”
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย