บทที่ 7: รวบรวมขน…
บทที่ 7: รวบรวมขน…
หลังจากฝึกทักษะดาบมาระยะหนึ่งแล้ว หวังเต็งก็วางดาบกลับเข้าไปในห้องเก็บอาวุธ จากนั้นเขาก็หันไปจดจ่ออยู่กับทักษะหมัดของเขา
ศิษย์ที่ฝึกทักษะดาบส่ายหัวเมื่อเห็นสิ่งนี้ ศิลปะการต่อสู้นั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ
หวังเต็งควรเลือกหนึ่งทักษะแทนการฝึกฝนสองทักษะในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่อย่างงั้นท้ายที่สุดแล้ว เขาก็จะไม่เก่งอะไรเลยสักอย่าง
“น้องใหม่คนนี้ฝึกฝนหนักก็จริง แต่เขาโง่ไปหน่อย”
หวังเต็งไม่รู้ว่ามีคนเรียกเขาว่าโง่ในใจ
แม้ว่าเขาจะฝึกทักษะดาบเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เขาก็รู้สึกว่าความเข้าใจของเขาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย และผลลัพธ์มันก็ไม่เลว
เขาหันกลับมาและเห็นร่างสูงและมีกล้ามยืนอยู่ด้านข้างโดยเอาแขนไขว้กันที่หน้าอก
ดูเหมือนว่าเขาจะยืนอยู่ตรงนั้นมาระยะหนึ่งแล้ว
“อาจารย์ ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมท่านไม่ส่งเสียงอะไรเลยล่ะ ท่านทำให้ฉันกลัวนะ”
นี่คือครูผู้สอนที่สอนหวังเต็งเมื่อเย็นวานนี้ ตอนนี้เขากำลังจ้องมองไปที่หวังเต็งอย่างตั้งใจจนหวังเต็งรู้สึกขนลุก
“หนุ่มน้อย ฉันได้เฝ้าดูนายมาระยะหนึ่งแล้ว ทักษะหมัดของนายนี่ไม่เลวเลย” ผู้สอนยกนิ้วให้หวังเต็ง
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
หวังเต็งรู้สึกเขินอาย เขากล่าวต่อ “อาจารย์ ฉันชื่อหวังเต็ง ท่านจะให้ฉันเรียกท่านว่ายังไงดี?”
“ฉันชื่อเผิงไห่ นายไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าอาจารย์หรอก เรียกฉันว่าพี่เผิงก็ได้” เผิงไห่กล่าว
“พี่เผิง” หวังเต็งตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นเขาก็ถามว่า “พี่เริ่มฝึกมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่กัน?”
“ฉันเริ่มฝึกตั้งแต่อายุยี่สิบกว่า แต่ฉันก็ยังเป็นแค่ศิษย์นักสู้ชั้นสูง และทั้งหมดที่ฉันทำได้ก็คือการฝึกฝนให้หนักขึ้นเท่านั้น” เผิงไห่อารมณ์เสียเล็กน้อย
เมื่อได้ยินแบบนี้หวังเต็งก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอึดอัดใจหรอก หวังเต็ง นายน่ะฉลาด ตราบใดที่นายฝึกหนักพอ ฉันก็เชื่อว่านายจะสามารถกลายเป็นนักสู้ได้ภายในสามปี” เผิงไห่ให้กำลังใจเขา
สามปี?
ไม่สิ สามวันก็พอ!
นี่คือสิ่งที่หวังเต็งคิด อย่างไรก็ตาม เขาก็ทำเพียงแค่พยักหน้าและตอบว่า “ศิษย์พี่เผิง ฉันจะตั้งใจฝึก”
“ตกลง ฉันจะไปที่ชั้นสามเพื่อฝึกซ้อม วันนี้จะมีศิษย์นักสู้ชั้นสูงอีกคนที่คอยชี้แนะนาย แน่นอน หากนายมีคำถามอะไร นายก็สามารถมาถามฉันได้เลย” เผิงไห่กล่าว
“ช่างเป็นรุ่นพี่ผู้น่ายกย่องจริงๆ!”
หวังเต็งอุทานเมื่อเห็นเขาเดินขึ้นชั้นสาม
เหล่าลูกศิษย์เริ่มเข้ามากันมากขึ้นเรื่อยๆ และทำให้สถานที่แห่งนี้ดูมีชีวิตชีวา
“พี่ใหญ่”
“อรุณสวัสดิ์ รุ่นพี่”
“พี่ใหญ่ วันนี้คุณดูดีมาก!”
…
เพื่อนๆทักทายกันก่อนเริ่มการฝึกส่วนตัว เวลาเป็นสิ่งมีค่าสำหรับทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจเสียเวลาได้แม้แต่วินาทีเดียว
หวังเต็งจ้องไปที่เหล่าลูกศิษย์และทันใดนั้น มันก็หึ้วามรู้สึกว่าพวกเขาดูเหมือนลูกแกะเดินสองขา
“เยี่ยม!” มุมปากของหวังเต็งยกขึ้นเล็กน้อย
เมื่อแกะอ้วนพอแล้ว เขาก็จะสามารถฆ่าพวกมันได้ เดี๋ยวก่อนนะ เขาต้องไม่ฆ่าแกะคุณภาพดีพวกนี้สิ เขาต้องหวงแหนพวกมันเพื่อที่เขาจะได้เก็บขนจากพวกมันอย่างต่อเนื่องต่างหาก
เมื่อทุกคนเริ่มฝึกฝนกันอย่างขยันขันแข็ง ฟองสบู่ค่าคุณสมบัติทุกประเภทก็เริ่มดรอปออกมา ในไม่ช้าล็อบบี้ก็ได้กลายเป็นทะเลฟองสบู่และหวังเต็งก็ว่ายอยู่ในนั้นอย่างมีความสุข
“ฉันรักขนแกะ ขอเก็บขนหน่อย…”
เขาไม่กล้าร้องเพลงนี้ออกมาดังๆ เพราะกลัวว่าเขาจะถูกทุบตีจนตาย ดังนั้นเขาจึงร้องมันในใจและรวบรวมฟองสบู่ไปอย่างเงียบๆ
ในตอนนี้ การแจ้งเตือนก็เปลี่ยนไป:
ดรอปความแข็งแกร่ง*2, ความเร็ว*6. คุณได้เก็บมันขึ้นมาแล้ว ความแข็งแกร่งและความเร็วของคุณเพิ่มขึ้น!
ดรอปทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน*2 คุณได้เก็บมันขึ้นมาแล้ว ทักษะหมัดขั้นพื้นฐานของคุณเพิ่มขึ้น!
ดรอปความรู้แจ้ง*1 ร่างกาย*3 คุณได้เก็บมันขึ้นมาแล้ว ความรู้แจ้งและร่างกายของคุณเพิ่มขึ้น!
…
เมื่อเทียบกับเมื่อคืนก่อน วันเสาร์นี้ก็มีผู้คนมากกว่ามาก
หวังเต็งประเมินจำนวนฟองสบู่ต่ำเกินไป หรือมากกว่านั้น อาจกล่าวได้ว่าเขาประเมินเหล่าศิษย์ต่ำไป
ยิ่งเหล่าลูกศิษย์ฝึกฝนมากเท่าไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะดรอปฟองสบู่ก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
มันเหมือนกับการรีดนมวัว เรายิ่งเรารีดมันมากเท่าไหร่ น้ำนมก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้น
ทั้งวันผ่านไปเช่นนั้นและหวังเต็งก็กลายเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลาง
ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และร่างกายของเขาทั้งหมดได้ไปถึงมาตรฐานของศิษย์นักสู้ขั้นกลางแล้ว ตอนนี้เขาเป็นศิษย์นักสู้ชั้นกลางที่แท้จริงแล้ว
นอกจากนี้ ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน และฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐานของเขาก็ยังได้ไปถึงข้นผู้สัมฤทธิ์แล้ว!
ตามความชำนาญ ความเข้าใจในเทคนิคการต่อสู้ก็สามารถแบ่งออกเป็นขั้นๆอันได้แก่: ความเข้าใจขั้นพื้นฐาน, ขั้นผู้ชำนาญ, ขั้นผู้สัมฤทธิ์, ขั้นผู้สัมฤทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่, ขั้นผู้เชี่ยวชาญ...
ในขั้นผู้ชำนาญ ศิษย์นักสู้จะสามารถปลดปล่อยพลังของเทคนิคการต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ ส่วนขั้นผู้สัมฤทธิ์นั้นย่อมเหนือกว่าเป็นพิเศษ โดยมันจะมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเป็นอย่างน้อย
และถ้าเขาไปถึงขั้นผู้สัมฤทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่หรือแม้กระทั่งขั้นผู้เชี่ยวชาญ พลังของเทคนิคการต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
นอกจากนั้น หวังเต็งก็ยังได้รับทักษะมีดขั้นพื้นฐานและผลักดันมันจนไปสู่ขั้นผู้ชำนาญแล้ว
สรุปแล้ววันนี้ก็เป็นวันเก็บเกี่ยวที่ดี
เมื่อถึงตอนเย็น ศิษย์ทุกคนต่างก็รู้สึกหิวโหยหลังจากฝึกฝนมาทั้งวัน พวกเขาเก็บสัมภาระและค่อยๆออกจากล็อบบี้ฝึก
หวังเต็งกำลังทบทวนผลกำไรของเขาอยู่ในมุมเงียบ
เขาถือดาบเหล็กสีดำไว้ในมือและเคลื่อนที่ไปรอบๆโดยผสมผสานทักษะดาบเข้ากับฟุตเวิร์ค เขาฟาดฟันดาบยาวของเขาไปมาในอากาศ
ในขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มที่ฝึกทักษะดาบก็เพิ่งเดินออกมาจากห้องเก็บอาวุธ
ขณะที่เขาเดินผ่านหวังเต็ง เขาก็ได้เผลอไปเหลือบมองหวังเต็งโดยไม่ได้ตั้งใจ
“นี่… นี่…”
นี่เขาบ้าไปแล้วรึเปล่านะ กรามของเขาแทบจะร่วงลงไปกับพื้นในขณะที่เขาขยี้ตาอย่างบ้าคลั่ง เขาสงสัยว่าเขากำลังมองเห็นภาพหลอน
“เขาไม่ได้อยู่ในขั้นผู้ชำนาญเท่านั้น แต่นี่... แต่นี่มันขั้นผู้สัมฤทธิ์! นี่มันขั้นผู้สัมฤทธิ์อย่างแน่นอน!”
ทักษะดาบของเขายังคงอยู่ในขั้นผู้ชำนาญเท่านั้น และแม้ว่าเขาจะยังไปไม่ถึงขั้นผู้สัมฤทธิ์ แต่เขาก็เข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง
แล้วนี่มันเป็นไปได้อย่างไร? ในตอนเช้า เมื่อเขามองไปที่หวังเต็ง ทักษะดาบของเขาก็ยังดูหยาบและกากมาก
และนี่มันก็เพิ่งจะผ่านไปได้เพียงวันเดียวเท่านั้น แต่เขาก็ได้มาถึงขั้นผู้สัมฤทธิ์แล้ว!
นี่มันเป็นเรื่องตลกอย่างงั้นหรอ? นี่มันเป็นเรื่องตลกใช่ไหม?
มันมีอัจฉริยะเช่นนี้ในโลกนี้จริงๆหรอ?
เขาเริ่มสงสัยในตัวเอง ในตอนเช้าเขาเยาะเย้ยหวังเต็งและเรียกหวังเต็งว่าโง่ และเมื่อนึกย้อนกลับไปอีกครั้ง นี่มันก็ตลกร้ายชัดๆ
“นี่มันบ้าไปแล้ว! บ้าไปแล้ว !!”
เด็กหนุ่มส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นขณะที่เขาเดินออกไปจากล็อบบี้ฝึกอย่างหดหู่
หวังเต็งไม่ได้สังเกตเห็นการดำรงอยู่ของชายคนนั้น เขาจดจ่ออยู่กับการฝึกทักษะดาบ ทักษะมีด ทักษะหมัด และฟุตเวิร์คอย่างเต็มที่ หลังจากการฝึกจบลง เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ
“ฟู่วว!”
เขาถอนหายใจยาว หวังเต็งวางอาวุธกลับเข้าไปในห้องเก็บอาวุธ
ล็อบบี้เกือบจะว่างเปล่าเมื่อเขาเดินไปที่ลานจอดรถใต้ดิน ระหว่างทาง เขาก็เรียกหน้าต่างค่าคุณสมบัติออกมาดู
ความรู้แจ้ง: 28
ร่างกาย: 52
ความแข็งแกร่ง: 455
ความเร็ว: 185
เทคนิคการต่อสู้: ทักษะหมัดขั้นพื้นฐาน (ผู้สัมฤทธิ์), ฟุตเวิร์คขั้นพื้นฐาน (ผู้สัมฤทธิ์), ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน (ผู้สัมฤทธิ์), ทักษะมีดขั้นพื้นฐาน (ผู้ชำนาญ)
“วันนี้ฉันพัฒนาไปได้ไกลจริงๆ!” หวังเต็งยิ้มอย่างมีความสุขขณะขับรถกลับบ้าน
ณ บ้าน หลี่ซิ่วเหม่ยกำลังทำอาหารตามปกติ หวังเต็งสามารถได้กลิ่นเนื้อหอมฟุ้งลอยออกมาจากห้องครัว ขณะที่ท้องของหวังเต็งก็เริ่มส่งเสียงคำราม
“แม่ครับ วันนี้แม่ทำเมนูอะไรหรอ ทำไมกลิ่นมันหอมจัง!” เขาเดินเข้าไปในครัวแล้วถาม
“พ่อของลูกขอให้แม่ซื้อเนื้อสัตว์อสูรดาราให้กับลูกเป็นพิเศษ” หลี่ซิ่วเหม่ยยิ้มและตอบ
“จริงหรอ? นี่พ่อลงทุนขนาดนั้นเลยอย่างงั้นหรอ?” นั่นเป็นสิ่งที่หวังเต็งไม่คาดคิด
สัตว์อสูรดารานั้นเป็นสัตว์ที่กลายพันธุ์เนื่องจากอิทธิพลของพลังฟอร์ส และเนื่องจากพลังนั้นถือกำเนิดมาจากจักรวาลและดวงดาว สัตว์เหล่านี้จึงถูกเรียกว่าสัตว์อสูรดารา
เนื้อของพวกมันมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ธรรมดาๆทั่วไปแล้ว มันก็มีราคาที่สูงเป็นอย่างมาก
“มันมีกลิ่นที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ”
เขามองไปที่เนื้อตุ๋นบนโต๊ะและเริ่มน้ำลายไหล หวังเต็งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เขาหยิบเนื้อชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าไปในปากของเขา
“โอ้พระเจ้า นี่มันอร่อยมาก”
“ลูกเป็นผีที่อดอยากหิวโหยหรอ? ดูร่างกายที่มีแต่กลิ่นเหงื่อเหม็นอับของลูกสิ ไป ไปอาบน้ำก่อนค่อยลงมากิน” หลี่ซิ่วเหม่ยไล่เขาออกจากห้องครัว