ตอนที่แล้วตอนที่ 4 ยกเลิกการหมั้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 การฝึกตนที่ใช้งานได้และไม่ได้ใช้งาน

ตอนที่ 5 การก่อตัวของสวรรค์และโลก


ตอนที่ 5 การก่อตัวของสวรรค์และโลก

หลังจากทายาแล้ว ลู่สุ่ยก็นั่งลงบนพื้น จากนั้นเขาใช้เทคนิดบางอย่างที่เขามีดูดซับพลังของยาอย่างรวดเร็ว

ซึ่งจะทำให้เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นานฉี่ซี่ก็กลับมาที่ลานว่างอีกครั้ง เธอยืนอยู่หน้าศาลาและพูดว่า

“นายน้อยผู้อาวุโสลำดับสามฝากข้ามาบอกว่ามีอะไรบางอย่างจะอธิบายให้ท่านฟัง”

ลู่สุ่ยลืมตาและพูดว่า

"ว่ามาได้เลย"

“ผู้อาวุโสลำดับสามให้นายน้อยไปที่ศาลาพระคัมภีร์ทิเบตเพื่อรับการฝึกอบรม หลังจากนั้นสองสามวัน นายน้อยต้องไปที่แม่น้ำเทียนฉีซึ่งมันจะช่วยเร่งการฝึกตนได้ ผู้อาวุโสลำดับสามต้องการให้นายน้อยได้รับประสบการณ์เหล่านี้”

ลู่สุ่ยยืนขึ้นและเดินออกจากศาลาไปตามทางลานกว้างโดยมีฉีซี่เดินตามหลัง

“ผู้อาวุโสลำดับสามพูดอะไรอีกหรือเปล่า”? ลู่สุ่ยถามพลางเดินไปข้างหน้า

“ผู้อาวุโสลำดับสามยังบอกด้วยว่าจะมีผู้ฝึกตนจำนวนมากที่ไปที่แม่น้ำเทียนฉีดังนั้น…”

ฉีซี่ลังเลที่จะพูดให้จบประโยค

“พูดต่อสิ…” ลู่สุ่ยกล่าวอย่างเงียบ ๆ

“ผู้อาวุโสลำดับสามขอให้นายน้อยอย่าทำตัวน่าขายหน้าด้วย” ฉีซี่กระซิบ

ลู่สุ่ยยิ้มเล็กน้อย แม่น้ำเทียนฉีมีเวลาเข้าไปได้อย่างจำกัดเนื่องจากเวลาเปิดปิดทำการ ดังนั้นผู้ที่เข้าไปได้มักจะมาจากตระกูลใหญ่ๆ

ตระกูลลูมีฐานะมากพอที่จะส่งคนไปที่นั่นได้มาก แต่มีแค่ลู่สุ่ยเพียงคนเดียวที่ได้ไป

แต่ด้วยชื่อเสียงของเขา เขาจะเป็นแค่คนงี่เง่าตอนที่อยู่ที่นั่นแล้ว

ก่อนหน้านี้ เขาคิดมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาเลยไม่ได้สนใจอะไรมาก

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบลู่สุ่ย แต่ก็ไม่มีใครกล้าฆ่าลู่สุ่ยได้ เพราะในโลกแห่งการฝึกตน ไม่มีใครสามารถต่อต้านความโกรธของผู้อาวุโสสุงสุดได้

เขาจำได้ว่าผู้อาวุโสสูงสุดได้พยายามเพื่อเขาครั้งหนึ่งในชาติที่แล้ว ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเขาโชคดีที่ได้สมบัติบางอย่างมาเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์ของเขา

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากคู่ต่อสู้ของเขาและเกือบตาย

เหตุการณ์นั้นทำให้ผู้อาวุโสลำดับสามตกใจ โดยเฉพาะผู้อาวุโสสูงสุด

วันรุ่งขึ้น กองกำลังทั้งหมดของผู้ฝึกตนเหล่านั้นได้ถูกทำลายไป

ทุกคนรู้ว่าการให้เขาไปที่แม่น้ำเทียนฉีเป็นเรื่องน่าอาย แต่การไม่ส่งใครไปก็น่าเสียดายเช่นกัน

สิ่งที่พวดเขาทำได้ก็คือการไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้างใดๆ

เนื่องจากอาการบาดเจ็บในชาติก่อนและปัจจัยอื่นๆ ทำให้เขาไม่สามารถไปที่แม่น้ำเทียนฉีได้

ไม่นานหลังจากนั้นลู่สุ่ยก็มาถึงศาลาพระคัมภีร์ทิเบต เมื่อเขากำลังจะเดินเข้าไปในศาลา ฉีซี่ถามอย่างเร่งรีบ “นายน้อย คืนนี้ท่านอยากกินอะไร”?

ลู่สุ่ยพูดอย่างสบายๆโดยไม่หยุดเดิน “อะไรก็ได้”

“ได้เลยนายน้อย”

หลังจากนั้น ลู่สุ่ยก็ก้าวเข้าไปในศาลาคัมภีร์ทิเบต ไม่มีใครรู้ว่าเขาชอบกินอะไร เพราะเขาจะชอบตอบว่า “อะไรก็ได้”

ศาลาคัมภีร์ทิเบตแบ่งออกเป็นห้าชั้น ลูกน้องของตระกูลลู่เช่น เจิ้นหวู่และเจิ้นหลิง สามารถใช้สามชั้นแรกได้ การเข้าถึงขึ้นในแต่ละชั้นนั้นอยู่กับความสามารถ แม้แต่สาวใช้ก็มีสิทธิ์เข้าไปในชั้นแรกได้

ตั้งแต่ชั้นที่สี่เป็นต้นไป มีเพียงบางคนของตระกูลลู่เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ โดยปกติแล้ว ชั้นที่ห้าจะ เปิดใช้ได้เฉพาะสมาชิกของตระกูลลู่เท่านั้น

ย้อนกลับไปตอนนั้น แม้แต่สมาชิกผู้หญิงในตระกูลเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปบนชั้นห้า แต่กฎนี้มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ถึงอย่างนั้น ตระกูลลู่ก็เป็นกลุ่มคนหัวโบราณที่ไม่สามารถเปลี่ยนวิธีคิดของพวกเขาได้

เมื่อลู่สุ่ยก้าวเข้าไปในศาลาคัมภีร์ทิเบต ชายชราคนหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา เขาทักทายด้วยความเคารพ “นายน้อย”

หลู่สุ่ยเหลือบมองชายชราโดยคิดว่าเขาดูคุ้นๆ แต่เขาจำชื่อเขาไม่ได้ “เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าไหม”?

ชายชรากล่าวทันที “ผู้อาวุโสลำดับสามบอกว่านายน้อยต้องจดบันทึกการฝึกฝนด้วย แล้วฝึกฝนต่างๆผ่านคัมภีร์”

ลู่สุ่ยไม่ตอบ เขาเดินไปที่ชั้นห้าโดยเดินผ่านชายชราไป

การฝึกฝนและเทคนิคการต่อสู้ที่นี่ทรงพลังจริงๆ แน่นอนว่าศาลาคัมภีร์ทิเบตยังมีอย่างอื่นอีกเช่นรูปแบบต่างๆและเครื่องมือในการสกัดบางอย่าง

เมื่อลู่สุ่ยมาถึงชั้นสี่ เขาเห็นชายชรากำลังอ่านหนังสืออยู่

ชายชรารู้สึกได้ว่ามีคนกำลังใกล้เข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นและพยักหน้าเพื่อทักทายลู่สุ่ย

ลู่สุ่ยไม่สนใจเขาและเดินตรงไปที่ชั้นห้า

ชายชรามองไปที่ชั้นห้าซึ่งเรียกว่าพื้นที่น้ำวน เขาส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจ “เขารีบร้อนเกินไปหน่อย การฝึกฝนชั้นที่สี่นั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับความสามารถของเขาในตอนนี้”

เขาได้รับคำสั่งให้ดูว่าลู่สุ่ยจะอยู่บนชั้นสี่หรือไม่

ดูเหมือนว่านายน้อยของพวกเขาไม่เคยเปลี่ยนไป เขายังคงหุนหันพลันแล่นมากและไม่รู้ว่าจะเขาต้องทำตัวอย่างไร

เมื่อเขากำลังจะบอกเรื่องนี้ เขาเห็นลู่สุ่ยลงมาจากชั้นห้า

ชายชราตกตะลึงแล้วเขาคิดว่า 'เร็วมาก…'

นี่…เขาเข้าไปฝึกแล้วเหรอ?

ไม่นานจากนั้น ชายชราก็คิดอะไรบางอย่างได้และส่ายหัว

ลู่สุ่ยไม่ได้เลือกที่จะฝึกอย่างจริงจัง

ดูเหมือนเขาจะหยิบคัมภีน์ขึ้นมาโดยไม่ได้คิดอะไร คัมภีร์เล่มนั้นเป็นคัมภีร์ที่ลึกลับที่สุดและในเวลาเดียวกันก็เป็นคัมภีร์ที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในตระกูล

เป็นคัมภีร์ที่ไม่มีใครเข้าใจ

อันที่จริงเขาสามารถฝึกในคัมภีร์ “พื้นที่สวรรค์และพิภพ” ได้โดยไม่ต้องอ่านด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากผู้อาวุโสลำดับสามขอให้เขาเลือกคัมภีร์มาหนึ่งเล่ม เขาจึงเลือกมาแบบไม่ได้สนใจอะไร

เมื่อลู่สุ่ยลงมาถึงชั้นหนึ่ง ชายชราที่ทักทายเขาเข้ามาหาเขาและถามอย่างเร่งรีบว่า “นายน้อย ท่านได้เลือกคัมภีร์หรือเปล่า?”

แม้ว่าเขาจะยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความเร็วที่ลู่สุ่ยเลือกคัมภีร์เล่มนี้ แต่สิ่งที่เขาสนใจมากกว่านั้นคือว่าลู่สุ่ยจะบอกชื่อคัมภีร์ให้เขารู้หรือไม่ เนื่องจากลูสุ่ยดูไม่ได้สนใจเขาตั้งแต่แรก

เขายังคงจำนิสัยของนายน้อยได้ ซึ่งเขาเป็นคนชอบอวด

ไม่มีใครสามารถแก้นิสัยนี้ของเขาได้

ทันใดนั้น มีคัมภีร์ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาขณะที่เขากำลังคิดว่ามันคือคัมภีร์อะไร จากนั้นลู่สุ่ยก็พูดว่า “ข้ารีบ เร็วๆหน่อย”

เขาต้องรีบกลับไปทายาเป็นรอบที่สองและไม่ควรที่จะปล่อยเวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์

เขาต้องใช้ยาตัวนี้เพื่อที่ไม่ให้เอวของเขาเจ็บปวดอีกครั้ง

ชายชรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและยอมให้ใช้คัมภีร์เล่มนี้ได้ แต่เมื่อเห็นชื่อคัมภีร์ เขาก็ขมวดคิ้ว “เอ่อ นายน้อย วิธีการฝึกฝนนี้…มันไม่น่าจะช่วยได้”

แน่นอนว่าลู่สุ่ยทำเป็นไม่สนใจ

หลังจากจดการยืมคัมภีร์ไปแล้ว ลู่สุ่ยก็กลับไปที่ศาลาของตัวเองเพื่อทายารักษาอาการบาดเจ็บ

ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสลำดับสามที่ยืนดูอยู่ก็รู้สึกงงๆ

แต่เขาก็ทำแค่หัวเราะแล้วเดินจากไป

เขารู้สึกว่าท่าทางของลู่สุ่ยเปลี่ยนไป เขาคิดว่าในที่สุดลู่สุ่ยก็เป็นผู้ใหญ่และตัดสินใจอะไรได้บ้างแล้ว

แต่เขาก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง

เขาเลือกคัมภีร์ 'การก่อตัวของสวรรค์และโลก'

หลังจากค้นคว้าคัมภีร์มาหลายปี ตระกูลลู่ได้ข้อสรุปว่า 'การก่อตัวของสวรรค์และโลก' ไม่ใช่คัมภีร์ที่มีเทคนิคอะไรอยู่เลย

หลายๆคนได้ศึกษารูปแบบรวมทั้งผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเองก็ร่วมศึกษาคัมภีร์เล่มนี้ด้วย

'เขาสามารถฝึกฝนโดยใช้คัมภีร์เล่มนี้ได้จริงๆงั้นหรือ'?

เขาเป็นคนประหลาด

ลู่กู่และหลินยิ่น ตงเฟ่ยที่รู้เรื่องนี้ก็ถอนหายใจออกมา เมื่อไหร่ลูกชายของเขาจะพัฒนาตัวเองได้สักทีนะ?

พวกเขาไม่ได้ขอให้ลู่สุ่ยแข่งขันกับคนอื่น แต่พวกเขาต้องการให้ลู่สุ่ยเติบโตเป็นผู้ใหญสักทีเท่านั้นเอง

ลูกชายของพวกเขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไป การพึ่งพาแต่น้ำอมฤตจะไม่ช่วยอะไรในการฝึกตนของเขาเองในอนาคต

'เขาจะสามารถข้ามขั้นที่สองไปได้ในชีวิตที่เหลืออยู่มั้ยนะ'?

ลู่สุ่ยที่ไม่รู้ว่ามีหลายๆคนกำลังคิดมากเรื่องของเขาอยู่ เขายังคงทายาและกินยาอยู่ในศาลา

โดยทีไม่มีใครสนใจอาการบาดเจ็บของเขาเลยสักคน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด