WS บทที่ 133 บริวาร PART 2
*แอ๊ด*
เมอร์ลินแง้มประตูออกมา เขาเห็นแม่มดเลอแรนก้าอยู่อีกฟากของประตู
เขาพบว่าเธอแต่งตัวดูจัดเต็มกว่าปกติ ใบหน้าของแต่งแต้มเติมสีบางอ่อนและสวมเสื้อเชิ้ตเนื้อบางนั่นทำให้เขาสามารถมองเห็นยอดถันของเธอได้อย่างชัดเจน ท่อนล่างสวมกระโปรงสีขาวที่เผยให้เห็นเรียวขาของเธอ ด้วยรูปลักษณ์ของเลอแรนก้าในวันนี้ ทำให้เมอร์ลินมองเธอด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
“เออ...พ่อมดเมอร์ลิน” เธอเผยรอยยิ้มออกมาเบา ๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง เธอได้มองรอบ ๆ อยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะหันมามองเมอร์ลินด้วยแววตาที่อยากจะเข้าใจ
เมอร์ลินขมวดคิ้วและนึกอะไรบางอย่างออก “จริงสิ แม่มดเลอแรนก้า ก่อนหน้านี้ฉันได้ขอยืมแต้มสนับสนุนของคุณไป 5แต้ม และยังไม่ได้คืนคุณเลย”
เธอส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “แค่ 5แต้มเอง คุณไม่ต้องคิดมากเหรอนะ”
“จริงสิ การสร้างคาถาเพลิงพิโรธของคุณเป็นอย่างไรบ้าง” เมอร์ลินจำได้ว่า ก่อนหน้านี้เธอได้บอกว่าจะไปทำการสร้างคาถาระดับหนึ่งขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดของเมอร์ลิน สีหน้าของเลอแรนก้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอส่ายหัวและถอนหายใจ “ฉันทำไม่สำเร็จ”
“ไม่สำเร็จเหรอ?” เมอร์ลินตกใจมา โดยปกติแล้วหากนักเวทย์สร้างคาถาล้มเหลว พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด มันจะทำให้คาถาก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบไปด้วย
แต่จากมุมมองในสายตาของเขาพบว่า เธอไม่เป็นอะไรมาก
“อันที่จริงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฉันพอจะคาดการณ์ได้อยู่แล้ว ฉันไม่ยอมแพ้แต่สุดท้ายมันก็ล้มเหลว”
เมอร์ลินไม่รู้จะปลอบเธอยังไง เขาได้แต่ฟังเธออย่างเงียบ ๆ บางทีการปล่อยให้เธอระบายความรู้สึกออกมา มันอาจจะช่วยลดความเศร้าโศกได้
ทันใดนั้นเลอแรนก้าช้อนสายตาขึ้นมามองดวงตาสีฟ้าของเมอร์ลินและถามอย่างจริงจังว่า
“พ่อมดเมอร์ลิน คุณมีเงื่อนไขเกี่ยวกับบริวารของคุณในดินแดนมนต์ดำหรือไม่?”
เมื่อเธอเห็นแววตาที่แสดงความสงสัยของเขา เธอจึงอธิบายเพิ่มเติมไปว่า
“เหล่าบริวารจะทำสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อนักเวทย์ในดินแดนมนต์ดำ โดยนักเวทย์ที่จะทำสัญญานั้นจะต้องเป็นระดับหนึ่งขึ้นไป โดยระดับหนึ่งขึ้นไปมีได้หนึ่งคน ระดับสี่ขึ้นไปมีได้สองคนและระดับเจ็ดขึ้นไปมีได้สี่คน
แม้บริวารเหล่านี้จะไม่ใช่สมาชิกของดินแดนมนต์ดำแต่พวกเขาก็สามารถได้รับสิทธิ์พิเศษเช่นเดียวกับนักเวทย์ทางการ”
เลอแรนก้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจแล้วว่า เมื่อคุณเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งเมื่อไหร่ ฉันจะเป็นบริวารของคุณ”
เมอร์ลินมองเธออย่างไม่เข้าใจ การเป็นบริวารต้องเสียเสรีภาพมากมายเพียงเพื่อสิทธิ์ต่าง ๆ ในดินแดนมนต์ดำ เห็นได้ชัดว่าทรัพยกรต่าง ๆ ของดินแดนมนต์ต่างที่เป็นที่หมายปองของพวกนักเวทย์ แม้ว่าขนาดของที่นี่จะไม่ใหญ่นักแต่ใช้ว่าจะเข้าไปง่าย ๆ
เมอร์ลินได้เงียบไปพักใหญ่ เขาได้รอมยิ้มเจ้าเลห์และกระซิบเบา ๆ ว่า “แม่มดเลอแรนก้า คุณจำไม่ได้งั้นหรือว่าผมเป็นนักเวทย์หกธาตุและคุณก็น่าจะรู้ว่ามันยากแค่ไหน่ถึงจะก้าวไปสู่นักเวทย์ระดับหนึ่ง”
เลอแรนก้าส่ายหัวและตอบว่า “ใช่ ฉันรู้ ฉันได้ลองคิดเรื่องนี้มานานแล้วและนี่เป็นการตัดสินใจของฉัน จริงอยู่ที่ฉันไม่คิดว่าคุณจะประสบความสำเร็จแต่แววตาของคุณไม่เคยแสดงความย่อท้อเลยแม้แต่ครั้งเดียวและยังเปล่งประกายด้วยความมั่นใจอยู่เสมอ
ถึงฉันจะไม่รู้ว่าคุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหนแต่ในใจลึก ๆ ของฉันบอกว่า คุณมีโอกาสที่จะทำสำเร็จ...คุณคงไม่รู้ว่านักเวทย์ที่ถูกขับไล่อย่างฉัน ครอบครัวก็ไม่สนใจใยดีและปล่อยฉันไปตามยัดถากรรม นี่จึงเป็นทางออกเดียวที่ฉันคิดได้”
หลังจากกล่าวจบเธอก็ทิ้งหน้าอกอันใหญ่โตซบไปที่เมอร์ลินอย่างอ่อนโยน เธอได้เผยนอยยิ้มอันเย้ายวนและพูดว่า “ฉันจะมอบแต้มสนับสนุนทั้งหมดให้กับคุณ ฉันมีแต้มทั้งงหมด 70แต้ม นอกจากนี้ฉันยังมีเหรียญทองที่ได้จากครอบครัว 500,000เหรียญ ฉันจะมอบให้ทุกอย่างให้คุณก่อนที่ฉันจะจากที่นี่ไป”
เมอร์ลินมองเลอแรนก้าอย่างลึกซึ้ง ด้วยเหรียญทอง 500,000เหรียญ มันสามารถแลกเป็นแต้มได้ถึง 50แต้ม หากรวมกับ 70แต้ม เขาก็จะมีแต้มทั้งหมด 120แต้ม
เมื่อรวมกับของที่เขามี 30แต้ม เขาก็จะมี 150แต้ม
ด้วยจำนวนแต้มที่มากขนาดนี้ เขาสามารถเอาไปแลกเสื้อคลุมคลุมรูนแบบเดียวกับที่โฮล์มส์มาใส่ได้
เลอแรนก้าสังเกตเห็นว่าเมอร์ลินยังลังเลอยู่ เธอจึงสูดหายใจลึก ๆ และสวมกอดเขา
“แม้แต่ร่างกายฉันก็ยินดีมอบให้คุณ” ริมฝีปากสีแดงสดจรดปลายหูของเมอร์ลินและกระซิบอย่างแผ่วเบา
*ควับ*
เมอร์ลินหันมาโอบรอบเอวของเลอแรนก้าและมองเธอด้วยแววตาที่เปล่งประกาย ริมฝีปากของเขาเผยรอมยิ้มแสนขี้เล่นออกมา เขาเปิดปากถามเธอด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“แม่มดเลอแรนก้า คุณกำลังเล่นกับไฟ...หากฉันไม่สามารถเป็นนักเวทย์ระกับหนึ่ง คุณจะสูญเสียทุกอย่างแม้กระทั่งตัวคุณเอง”
“ในบางครั้ง คุณอยู่ในสถานการณ์ที่บังคับให้เลือก คุณต้องเลือกมันไม่ว่าทางที่คุณเลือกจะถูกหรือผิดก็ตาม” เลอแรนก้ายิ้มอย่างเชิญชวน แขนอันอ่อนนุ่มได้โอบแผ่นหลังกว้างของเมอร์ลิน
จากนั้นหัวสมองของเมอริ์ลนก็ว่างเปล่า เขาประกบริมฝีปากของเธออย่างดูดดื่มในขณะที่เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขน จมูกของเขาสูดกลิ่นกายอันหอม มันยิ่งกระตุ้นให้ความอยากของเขาให้พวยพุ่งขึ้นมา
...
รุ่งเช้า
เมอร์ลินลืมตาและลุกขึ้นนั่ง เขาเกาศีรษะและยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อเห็นสภาพห้องที่เละเทะ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ นึกถึงคืนค่ำที่ร้อนแรงออก เขาหันไปมองด้านข้างและพบว่าเลอแรนก้าไม่อยู่แล้ว เธอต้องไปจัดการทำเรื่องออกจากดินแดนมนต์ดำ เธอออกไปโดยทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายอันเย้ายวนเอาไว้
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเธอแต่เขากลับรู้สึกว่าเธอให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากเชอรีสกับแอวริล ภรรยาทั้งสองของเขาจะเป็นฝ่ายให้เขาเดินเกมส์ ส่วนเลอแรนก้าเธอเป็นฝ่ายเริ่มเกมก่อนจนตัวเขาเกือบตามเธอไม่ทัน
เมอร์ลินได้หวนนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขโดยไม่รู้ตัวแต่อย่างไรก็ตาม เขาก็รีบกลับมาเป็นปกติอย่งรวดเร็ว เนื่องจากมีงานมากมายที่เขาต้องทำ
เขาต้องการปรุงยาห้ามเลือดต่อจากเมื่อวาน โดยก่อนหน้านี้มันถูกขัดโดยเลอแรนก้า ทำให้เขาต้องเริ่มกระบวนใหม่ตั้งแต่หนึ่ง
“เดอะเมทริกซ์ เริ่มต้นกระบวนการสร้างน้ำยาห้ามเลือดใหม่”
เขาเปิดการทำงานของเดอะเมทริกซ์ทันที จากนั้นเสียงหุ่นยนต์ผู้หญิงได้กังขึ้นมาในหัวของเขา
กระบวนการทำน้ำยาห้ามเลือดได้เริ่มต้น โปรดเตรียมส่วนผสมดังต่อไปนี้ หญ้าประกายฟ้า, ดอกไม้ห้วงเวลา, น้ำหมึกแกรไฟต์,...
เมอร์ลินนำส่วนผสมเหล่านั้นออกมาจากแหวน เขานำพวกมันไปผสมทีละอย่างตามคำแนะนำของเดอะเมทริกซ์
เขาได้จำจดทุกขั้นตอนไว้ล่วงหน้า มันจึงทำให้อัตราสำเร็จมีเพิ่มมากขึ้น
“เริ่มจากบดหญ้าประกายฟ้าและดอกห้วงเวลาเป็นเนื้อเดียวกันแล้วเทลงไปในหลอดแก้ว”
เมอร์ลินทำตามขั้นตอนที่เมทริกซ์บอกไว้อย่างเคร่งครัด เขาต้องพิถีพิถันทุกขั้นตอนและพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้พลาดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้และต้องควบคุมปริมาณส่วนผสมอย่างเคร่งครัด เขามั่นใจในปริมาณที่เดอะเมทริกซ์คำนวนออกมา
หลังจากใช้เวลาไป 2ชั่วโมง ไปกับการเตรียมส่วนผสม มันเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากที่สุด ขั้นตอนต่อไปเป็นการผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
“เติมน้ำหมึกแกรไฟต์และตั้งไฟไว้ครึ่งชั่วโมงและรอ”
ในขั้นตอนสุดท้าย เขาต้องเติมน้ำหมึกกราไฟต์และตั้งไฟให้ร้อน เมื่อเขาเติมน้ำหมึกตามที่เดอะเมทริกซ์ระบุไว้ ของเหลวในแก้วเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขุ่นมัว
ภายหลังจากจากจุดไฟไม่กี่วินาทีได้เกิดเสียงแหลมเล็กและกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา ดูเหมือนว่ามันจะให้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เมอร์ลินก็ดับไปและรอให้ตัวยาเย็นลง
ในระหว่างรอเขาได้ตรวจสอบบันทึกของเดอะเมททริกซ์อีกครั้ง เขาพบว่าได้ทำตามทุกขั้นตอนที่ได้ระบุไว้อย่างเคร่งครัด ยิ่งไปกว่านั้นมีเป็นสูตรที่ทำได้ง่าย ๆ ทุกอย่างจึงอยู่ในการควบคุม
2ชั่วโมงขั้นมา ตัวยาได้เย็นลงอย่างสมบูรณ์ เมอร์ลินก้มลงไปตรวจสอบตัวยาอย่างใกล้ชิด