204 - สร้างรากฐานกลายเป็นนักรบ
204 - สร้างรากฐานกลายเป็นนักรบ
'ทัวร์ดื่มด่ำ' ที่เอี้ยนลี่เฉียงเตรียมไว้สำหรับลู่เป่ยซินไม่ได้จำกัด เฉพาะคฤหาสน์อันยิ่งใหญ่ของเย่เซียวเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นเอี้ยนลี่เฉียงได้พาลู่เป่ยซินไปเยี่ยมบ้านสองสามแห่งในเมืองผิงซี พวกเขา 'แสดงความเห็นอกเห็นใจ' ต่อครอบครัวที่สูญเสียลูกและมอบเงินสิบเหรียญให้กับแต่ละตระกูลด้วยความปรารถนาดี
เมื่อเห็นครอบครัวเหล่านั้นที่สูญเสียลูกสาวและเห็นความเจ็บปวดจากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวลู่เป่ยซินก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
เมื่อนางฟังเหตุการณ์ที่พ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนบ้านของสามัญชนเหล่านั้นเล่าถึงฉากการระบุตัวตนศพของลูกสาวของพวกเขาในตอนที่ขุดขึ้นมาจากด้านล่างของบ่อ ผลกระทบของสิ่งนี้ค่อยๆ กัดกินความเชื่อมั่นในใจของนางว่าหวังฮ่าวเฟยเป็นคนดี
ในวันที่สามเอี้ยนลี่เฉียงได้ปลอมตัวเป็นนายหนุ่มผู้มั่งคั่งและนำลู่เป่ยซินที่แต่งตัวเป็นชายหนุ่มรูปงามไปยังสถานที่ที่แออัดที่สุดในเมืองผิงซี นั่นคือ โรงน้ำชาแห่งโชคชะตาสวรรค์
ทั้งคู่แอบฟังการสนทนาทุกประเภทระหว่างผู้อุปถัมภ์ที่กำลังเพลิดเพลินกับห้องน้ำชาตลอดทั้งวัน
ในห้องน้ำชานั้น เกือบทุกคนพูดถึงคดีที่น่าตกใจที่เกี่ยวข้องกับ เย่เซียวบุตรชายของผู้ว่าการแคว้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากตอนนี้ผู้ว่าการแคว้นได้ย้ายข้อกล่าวหาทั้งหมดของคดีนั้นไปที่ตระกูลหวังของมณฑลหวงหลงผู้คนจึงเปิดโปงข้อมูลทุกประเภทไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
คนเลวสองสามคนที่สมคบคิดกับคนชาตูเพื่อทำลายและลักพาตัวเด็กหญิงในเมืองนั้นมาจากตระกูลหวัง ชายชาตูที่เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆจับได้ยอมรับว่าทุกอย่างที่เขาทำก็ล้วนแล้วแต่ทำตามคำสั่งของตระกูลหวังทั้งสิ้น
แน่นอนว่าผู้รับผิดชอบในการนำเย่เซียวหลงผิดนั้นยังคงเป็นตระกูลหวัง ไม่เพียงเท่านั้นเขายังเป็นตัวแทนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นหลังของตระกูลหวัง หวังฮ่าวเฟย
ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากสำนักงานบังคับใช้กฎหมายพวกเขาเล่าว่าคนตระกูลหวังได้สารภาพว่าหวังฮ่าวเฟยได้ส่งคนจากตระกูลของเขาไปลักพาตัวเด็กหญิงสองคนจากมณฑลหวงหลงก่อนจะส่งไปที่คฤหาสน์ของเย่เซียวเป็นการส่วนตัว...
...
ในตอนเย็น เมื่อท้องฟ้ากำลังจะมืดโรงน้ำชาก็ยิ่งแออัดมากขึ้น สีหน้าของลู่เป่ยซินนั้นดูน่าเกลียดและซีดเผือด เมื่อนางฟังการสนทนาในห้องเกี่ยวกับตระกูลหวังและหวังฮ่าวเฟยมากขึ้น ในที่สุดนางก็ทนไม่ได้แล้วรีบวิ่งออกจากโรงน้ำชา
เอี้ยนลี่เฉียงชำระเงินแล้วรีบวิ่งตามนางไป
“อะไรกัน เจ้าจะทนไม่ไหวแล้วหรือ คุณหนูลู่ เจ้ายืนยันที่จะพิสูจน์ว่าข้าผิดและต้องการเดิมพันกับข้าอีกหรือเปล่า? เจ้ายืนยันที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหวังฮ่าวเฟยมิใช่หรือ? ตอนนี้เจ้าทนไม่ได้แล้วหรือ?”
"สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องซุบซิบ แทบจะไม่สามารถถือเป็นข้อมูลได้ ... " น้ำตาของลู่เป่ยซินไหลออกมาแล้ว ถึงกระนั้นนางก็ยังกัดริมฝีปากและเถียงอย่างดื้อรั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า เมื่อกี้เจ้าบอกข้าว่ามันเป็นแค่เรื่องซุบซิบ ตกลงข้าจะพาเจ้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง?เจ้าจะรู้เมื่อเราไปถึงที่นั่น!”
สถานที่ที่เอี้ยนลี่เฉียงพาลู่เป่ยซินมาคือสถานที่พักผ่อนที่หรูหราที่สุดสำหรับผู้ชายในเมืองผิงซีนั่นคือ 'หอคอยสีชาด' ในตอนเย็นเมื่อจุดโคมไฟครั้งแรกเอี้ยนลี่เฉียงและลู่เป่ยซินก็มาถึงหอคอยสีชาด
ก่อนที่แม่เล้าจะพูดอะไรเอี้ยนลี่เฉียงก็มอบเงินห้าตำลึงให้ นางจึงยิ้มจนตาเป็นร่อง
“เรียกผู้หญิงที่เคยให้บริการกับนายน้อยหวังมาให้ข้าได้หรือไม่?”
“นายน้อยหวัง คนไหน?” แม่เล้าพยายามถามอย่างรอบคอบ
“ผู้อุปถัมภ์ของเราไม่ได้มีนายน้อยหวังเพียงแค่คนเดียวนายท่าน”
“อะไรนะ จำไม่ได้เหรอว่าข้ามากับใครเมื่อครั้งสุดท้าย?” เอี้ยนลี่เฉียงแสยะยิ้มขณะที่เขาแสร้งทำเป็นไม่พอใจ
“คุณชายโปรดระงับความโกรธด้วย! หอคอยสีชาดกำลังให้ความบันเทิงกับผู้อุปถัมภ์ทุกประเภททุกวัน ข้าคนนี้แก่ชราแล้วจึงความจำไม่ค่อยดี โปรดยกโทษให้ข้าด้วย …!”
ในความเป็นจริแม่เล้าในสถานที่ประเภทนี้จะพบปะผู้คนนับไม่ถ้วนทุกวัน เว้นเสียแต่ว่าเป็นลูกค้าประจำ เป็นไปไม่ได้ที่พวกนางจะจำลูกค้าที่มาใช้บริการที่นี่ได้
“หืม ข้ากำลังพูดถึงนายน้อยหวังฮ่าวเฟย!” เอี้ยนลี่เฉียงจงใจอุทานด้วยน้ำเสียงโกรธ
“ขอโทษด้วยคุณชาย พวกเราไม่กล้าเก็บผู้หญิงเหล่านั้นไว้ ทุกคนที่เคยรับรองนายน้อยหวังถูกขายออกไปหมดแล้ว…”
ก่อนที่แม่เล้าจะพูดจบ ลู่เป่ยซินก็หันกลับและรีบออกจากหอคอยสีชาดทันที
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงตามหานางจนพบ เขาก็มองเห็นนางกำลังกอดต้นไม้ริมแม่น้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอคอยสีชาดและร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
หลังจากสามวันเต็มๆนี่เป็นครั้งแรกที่เอี้ยนลี่เฉียงเห็นลู่เป่ยซินร้องไห้
เมื่อเขาเห็นลู่เป่ยซินเขาถามตัวเองว่าทุกอย่างที่เขาทำในช่วงสามวันนี้ช่างโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า เขาได้บดขยี้ความทรงจำที่สวยงามที่สุดของเด็กสาวจนนางเต็มไปด้วยความรู้สึกแย่หรือไม่
ลู่เป่ยซินร้องไห้ต่อไปประมาณครึ่งชั่วยามก่อนที่นางจะเริ่มสะอึกสะอื้น
“เมื่อเทียบกับผู้หญิงเหล่านั้นที่กลายเป็นโครงกระดูกเจ้าควรจะดีใจที่ตัวเองยังมีชีวิตรอดอยู่” หยานลี่เฉียงถอนหายใจอีกครั้ง “จริงๆแล้วความรู้สึกที่ถูกคนอื่นหลอกลวงของเจ้านั้นเจ้าก็คิดเสียว่ามันเป็นบทเรียนครั้งหนึ่ง
ในโลกนี้สิ่งต่าง มีทั้งสีดำและสีขาว ความชั่วและความดี ความสวยงามและน่าเกลียด สิ่งเหล่านี้คือความผันผวนของชีวิต ในช่วงชีวิตเจ้า เจ้าจะเจอคนมากมายและหลายเหตุการณ์ ไม่ใช่ทุกอย่างจะเป็นไปตามใจเจ้าได้
ดังนั้นเจ้าควรลืมเศษขยะเหล่านั้นและความสัมพันธ์ที่ไม่ดีในอดีต หลังจากนี้เจ้าก็ใช้ชีวิตให้ดีเพื่อเห็นแก่คนที่รักเจ้าอย่างสุดหัวใจ…”
เสียงสะอื้นของลู่เป่ยซินค่อยๆหยุดลงนางหันศีรษะไปรอบๆและมองเอี้ยนลี่เฉียงด้วยดวงตาที่บวมเป่ง นางคิดไม่ถึงว่าเอี้ยนลี่เฉียงที่เป็นเด็กน้อยคนหนึ่งจะสามารถพูดคำพูดที่ลึกซึ้งเช่นนี้ได้
“หากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าในสองสามวันนี้ทำร้ายจิตใจเจ้ามากเกินไปข้าก็ต้องขออภัยเจ้าด้วย!” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มอย่างไร้กังวลให้นาง
“ข้าเพิ่งส่งคนไปแจ้งคนของตระกูลลู่ให้มาที่นี่ พวกเขาจะส่งเจ้ากลับบ้านในคืนนี้เลย นายผู้เฒ่าลู่และคนอื่นๆคงกำลังเป็นห่วงเจ้าอยู่!”
ไม่กี่นาทีต่อมา รถม้าที่หรูหราก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของทั้งสองคนและพาลู่เป่ยซินกลับคฤหาสน์ตระกูลลู่
“เอี้ยนลี่เฉียง…!” ทันใดนั้นลู่เป่ยซินก็เงยหน้าขึ้นก่อนที่นางจะปีนขึ้นไปบนรถม้า นางมองเขาด้วยสายตาซับซ้อนก่อนจะพูดว่า
"ข้าเกลียดเจ้า...!"
"ฮ่าๆๆรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!"
ลู่เป่ยซินยกผ้าม่านขึ้นและเข้าไปในรถม้า
ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่เขาเฝ้าดูรถม้าค่อยๆหายไปในระยะไกล หลังจากแหงนมองท้องฟ้าแล้ว เขาก็เดินไปทางด้านตะวันตกของเมือง
...
ห้าวันต่อมา เมื่อหิมะตกหนักเอี้ยนลี่เฉียงยืนเปลือยท่อนบนในห้องใต้หลังคาของลานเล็กๆที่เขาเช่าอยู่ในหมู่บ้านอุ๋หยาง ทั้งตัวของเขาแดงราวกับว่าเขาถูกไฟไหม้
เขาเฝ้าดูพลังปราณแห่งสวรรค์และปฐพีปรากฏเป็นภาพของคันธนูสีแดงขนาดใหญ่คันหนึ่งและคันธนูสีแดงขนาดเล็กสี่คัน ภาพจมลงไปในขา แขน และกระดูกสันหลังของเขา
หลังจากนั้นไม่นานเอี้ยนลี่เฉียงก็รู้สึกว่าจุดตันเถียนของเขาระเบิด ภาพแปลกๆของหม้อขนาดใหญ่ที่หยาบกร้านมีสี่ขาก็ปกคลุมร่างกายทั้งหมดของเขาภายในตัวมันเองและจากนั้นก็จมลงไปท่ามกลางจุดฝังเข็มฉีไห่และสร้างตันเถียนขึ้นมาได้สำเร็จ
ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็ก้าวหน้าในฐานะนักรบที่แท้จริง…!