243 - แผนการของฮวง
แผนการของฮวง
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดว่าตัวเองเป็น ซือถู อันหลาน? เจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะมอบสื่งต่างๆพวกนี้ให้ข้า!”สือฮ่าวเย้ยหยัน เขาไม่ได้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลย
ในตอนแรกผู้อาวุโสที่สวมชุดสีเงินน้ำต้องการที่จะกำจัดฮวง แต่เขากลับเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วในตอนนี้
เขาจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อก่อนจะพูดว่า“เจ้าสามารถสงสัยข้าได้มันเป็นเรื่องสมควรแล้ว แต่ข้าก็มีวิธีพิสูจน์เรื่องนี้เพราะข้ามาจากตระกูลจักรพรรดิ! แม้ว่าสายเลือดจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ยังเพียงพอที่จะร้องขอราชโองการจากบรรพบุรุษโบราณ!”
เมื่อคนที่นี่ได้ยินดังนั้นพวกเขาก็ตกใจกันหมด ตอนแรกพวกเขาคิดว่าผู้อาวุโสคนนี้ตั้งใจที่จะหลอกฮวงเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดเขาถึงกลับจริงจังขึ้นมา?
“ข้าเคยได้ยินมาว่าสายเลือดของตระกูลจักรพรรดิ์มีจำนวนน้อยมากและยากที่จะสร้างผู้สืบสกุล อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะสมรสกับตระกูลใดหากมีผู้สืบเชื้อสายในท้ายที่สุดสายเลือดของตระกูลของพวกเขาก็จะได้รับการสืบทอดเสมอ แต่ทำไมสายเลือดของเจ้าจึงอ่อนแอนัก” สือฮ่าวถามด้วยความสงสัย
เขามองข้ามประเด็นหลักโดยสิ้นเชิงแต่สนใจประเด็นนี้มากกว่า
เป็นเพราะในตอนนั้นเขาได้ต่อสู้กับใครบางคนจากตระกูลสาขาและสายเลือดของพวกเขาอ่อนแอเป็นอย่างมาก สิ่งนี้ไม่ตรงกับ 'ทฤษฎีสายเลือด' ที่เขารู้ในภายหลัง
ใบหน้าของผู้อาวุโสคนนั้นจากที่เป็นสีเขียวก็กลายเป็นสีแดงน่าเกลียดมาก
“ เด็กน้อยเจ้าสามารถใช้สิ่งนี้เย้ยหยันข้าได้ แต่ข้าเชื้อเชิญเจ้าด้วยความจริงใจ เจ้าไม่เพียงไม่รู้สึกขอบคุณแต่ยังทำท่าทางอวดดีโดยไม่เจียมตัว
หากเจ้าต้องการข้าสามารถขอราชโองการจากบรรพบุรุษโบราณออกมาได้เดี๋ยวนี้ เจ้าจะสามารถสร้างตระกูลของตัวเองและไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้กับตระกูลจักรพรรดิใดๆ!”
“นั่นไม่จำเป็นเพราะว่าข้าไม่สนใจเลย เจ้าคิดว่าทุกคนจะอ่อนแอเหมือนกับตระกูลราชสีห์ผู้กล้าหรือ? พวกเจ้าคิดจะให้ข้าอ่อนน้อมนั้นเป็นไปไม่ได้ เมื่อถึงเวลาข้าจะสังหารบรรพบุรุษโบราณของพวกเจ้าให้หมดเอง!” สือฮ่าวกล่าวอย่างเฉียบขาดเสียงของเขาดังก้องและทรงพลังอย่างมาก
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนมึนงง เจ้าหนูนี่มันบ้าจริงๆ! เขายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ยังไม่สามารถก้าวเข้าสู่อาณาจักรแห่งความเป็นอมตะได้
แต่ตอนนี้เขาประกาศว่าจะสังหารอันหลาน ซือถูและคนอื่นๆ? เขาประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปแล้ว!
สือฮ่าวไม่ได้ให้ความสนใจกับทุกคน แต่ก้มหน้ามองลงไปที่ราชสีห์ผู้กล้าที่อยู่ในมือกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรกับมันดี
เขาพูดกับตัวเองว่า“หัวสิงโตทอดเหรอ? น่าจะใช้ได้ส่วนซี่โครงข้าจะย่างให้สุกสักเจ็ดในสิบส่วนเนื้อคงนุ่มน่าดู”
ราชสีห์ผู้กล้าถูกทำให้อับอายทันที นี่เป็นการหยามเกียรติกันมากเกินไป
ดวงตาของมันเย็นชาขึ้นเรื่อยๆมันรวบรวมพลังจนถึงขีดสุดพร้อมที่จะระเบิดออกมา
เป็นเพราะมันมาถึงระดับที่สมบูรณ์ของอาณาจักรแห่งความว่างเปล่ามานานแล้ว พร้อมที่จะสามารถบุกเข้าไปในอาณาจักรแยกตนเองได้ทุกเวลา
อย่างไรก็ตามเพื่อประโยชน์ในการสร้างร่างกายสีทองให้สำเร็จมันได้ระงับตัวเองมาโดยตลอดโดยต้องการรอจนกว่าจะได้รับการโจมตีจากสิบแปดฝ่ามืออรหันต์เสียก่อนถึงจะก้าวเข้าสู่อาณาจักรบ่มเพาะที่สูงขึ้น
มันต้องการที่จะเสริมสร้างรากฐานเต๋าให้แข็งแกร่งจนถึงขีดสุด
แต่ตอนนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นต้องข้ามขั้นตอนนั้นแล้ว?
ฮ่อง!
ทันใดนั้นพลังของสิงโตสีทองก็ปะทุขึ้นทันที รัศมีพลังของมันเต็มไปด้วยความดุร้าย ขนสีทองทั้งหมดตั้งชี้ชันขึ้นแม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่บางคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังรู้สึกตกใจ
หลังจากนี้มันจะเป็นผู้ฝึกฝนอาณาจักรแยกตนเองที่แข็งแกร่งมากที่สุดเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่น
“เจ้าทนงี่เง่าและขี้ขลาดมานานก็เพื่อจะปะทุขึ้นมาในตอนนี้?” สือฮ่าวยังคงสงบนิ่งเขาไม่สนใจเรื่องนี้เลย
ในขณะนี้เขาเพียงยกฝ่ามือขึ้นมันเป็นประกายเหมือนหยกปลดปล่อยแสงสีทองจางๆออกมา ฝ่ามือของเขาฟาดลงมาทันทีและจากนั้นรัศมีอันทรงพลังที่ราชสีห์ผู้กล้าสร้างขึ้นก็ถูกเขาทำให้กระจัดกระจายโดยตรง!
เพียงแค่ฝ่ามือเดียวและสิงโตสีทองที่บุกเข้าไปในอาณาจักรแยกตนเองก็ถูกตีกลับสู่ร่างเดิม มันกระอักเลือดออกมาไม่หยุดร่างกายแตกสลายพร้อมจะกลายเป็นฝุ่นไปได้ทุกเมื่อ
“เจ้า…” ราชสีห์ผู้กล้าตกใจและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ฮวงคนนี้แข็งแกร่งเกินไปมันไม่สามารถไล่ตามทันได้แล้วตลอดชั่วชีวิตนี้
มันทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว จนถึงขนาดที่ว่าไม่ลังเลก้าวเข้าสู่อาณาจักรบ่มเพาะที่สูงกว่า แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังไม่เพียงพอ จากการโจมตีครั้งเดียวของฝ่ายตรงข้ามอาณาจักรบนเพราะของมันก็ตกลงมาทันที!
ทุกคนต่างตื่นตระหนกโดยเฉพาะผู้ฝึกฝนรุ่นเยาว์ ในตอนแรกพวกเขาต่างฮวงล้อเลียนอย่างสนุกปาก ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
“อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น เอาอย่างนี้ก็แล้วกันข้าจะให้โอกาสเจ้าลองอีกครั้ง!” สือฮ่าวกล่าวอย่างใจเย็น
“เจ้า…” ราชสีห์ผู้กล้ารู้สึกอับอายและโกรธเกรี้ยว มันไม่เคยคิดเลยว่าในวันหนึ่งของชีวิตมันจะถูกคนรุ่นเดียวกันข่มเหงรังแกถึงขนาดนี้
โฮ่ว!
เสียงคำรามดังขึ้นแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด ขนสีทองของมันตั้งชันขึ้นทุกเส้น รัศมีสีทองที่กระจายออกมาสามารถเขย่าสวรรค์ได้ มันกำลังทะลุทะลวงเข้าสู่อาณาจักรแยกตนเองอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเมื่อมันรู้สึกว่าพลังของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างถึงที่สุดจนสามารถฉีดร่างกายของฮวงออกจากกันได้อย่างง่ายดาย ในที่สุดมันก็ได้รับการโจมตีอย่างรุนแรงอีกครั้ง
พลังอันแข็งแกร่งของมันกระจัดกระจายด้วยฝ่ามือข้างเดียวจากสือฮ่าวและอาณาจักรบ่มเพาะของมันตกลงมาทันที
ศัตรูให้โอกาสมันได้ขึ้นสู่จุดสูงสุด แต่มันก็ยังไม่ใช่คู่ของเขา สิ่งนี้ทำให้มันรู้สึกท้อแท้และหนาวสั่นไปถึงข้างใน!
สัตว์ประหลาดตัวนี้น่ากลัวแค่ไหน? ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้แม้แต่ผู้ที่มาจากตระกูลจักรพรรดิก็ไม่สามารถต่อต้านได้อย่างแน่นอน
“เฮ้อ!”
สือฮ่าวถอนหายใจเบาๆ เมื่อเขาเห็นสิงโตสีทองเขานึกถึงเพื่อนเก่าคนหนึ่งซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานเมื่อครั้งยังเด็ก ราชสีห์เก้าหัวที่อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์นั่นเอง
ย้อนกลับไปตอนนั้นเมื่อพวกเขายังเด็กได้ทำสิ่งไร้สาระมากมายที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคราบน้ำตา ตอนนี้เขาอยากกลับไปที่หมู่บ้านหินผาและเยี่ยมสหายเก่าเหล่านั้น!
“ตอนนี้ข้าจะไม่กินเจ้าชั่วคราว” สือฮ่าวกล่าว นี่ไม่ใช่ความเมตตาแต่เป็นเพราะเขามีแผนอื่น
เขาต้องการใช้มันเพื่อสร้างสิงโตทองคำเก้าหัวให้สำเร็จ
จากนั้นเขามองไปที่ทุกคนที่อยู่บนฝั่งและพูดว่า“เราเสียเวลาไปพอสมควรแล้วมาจัดการเรื่องต่างๆกันดีกว่า”
“มีแค่เจ้าคนเดียว แต่ยังกล้าอวดดีอีกเหรอ!” มีคนพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวจากคำพูดเหล่านี้
“ ดูเหมือนจะมีผู้ยิ่งใหญ่อาณาจักรปลดปล่อยตนเองที่ไล่ตามข้ามาไม่น้อย หากมองด้วยสายตาก็คงราวๆหกสิบเจ็ดสิบคนที่นี่ร่วมกับพวกที่อยู่ในป่าน่าจะราวๆสองสามร้อยคน
การสังหารพวกเจ้าทั้งหมดคงทำให้ข้าได้รับคุณูปการจากการรบมากพอสมควรเลย” สือฮ่าวกล่าว
"บังอาจ!" ใบหน้าของผู้อาวุโสในชุดคลุมสีเงินมืดคล้ำลงทันที
เนื่องจากการโน้มน้าวใจไม่ได้ผลเขาจึงไม่สามารถรักษาหน้าได้อีกต่อไป ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะเลิกทำเรื่องไร้สาระใดๆอีก
"บังอาจ? บังอาจมารดาเจ้า!” สือฮ่าวด่ากลับโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเอง
“ เจ้าเป็นเพียงแค่เด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! ถึงแม้ว่าความสามารถของเจ้าจะไม่เลว แต่เจ้าก็ยังเด็กเกินไป
ตอนนี้เจ้ากล้าคุยโตโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย? ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่ในสระแห่งการเกิดใหม่นี้เจ้าคงตายไปนานแล้ว!” มีคนพูดอย่างเย็นชาและมีท่าทางดูถูกอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ! แต่อย่าห่วงเลยจะมีวิญญาณมากมายเดินทางไปกับเจ้าด้วยในครั้งนี้” สือฮ่าวกล่าวอย่างใจเย็นไม่มีความรีบร้อนใดๆ
“แย่แล้วรีบถอย!” ผู้อาวุโสที่สวมชุดสีเงินสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างเขาคำรามออกมาอย่างรวดเร็ว
มีไม่กี่คนที่เดาได้ว่าสือฮ่าวต้องการทำอะไร พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าฮวงจะบ้าคลั่งขนาดนี้ ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านต้องการที่จะหลบหนีไปให้ได้ไกลมากที่สุด!
"วิ่ง! อย่าหันกลับไปวิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้!” มีคนกรีดร้องออกมา ไม่ใช่แค่เพื่อเตือนผู้คนบนภูเขาหินเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนผู้ฝึกฝนที่ซ่อนตัวอยู่ในระยะไกล
อย่างไรก็ตามพวกเขาจะมีเวลาเพียงพอหรือ? บางคนเริ่มตื่นตระหนก!
สือฮ่าวเงยหน้าขึ้นมองไปในทิศทางของสัตว์ร้ายโบราณตัวนั้น เขาจ้องตรงไปที่มันเผยให้เห็นรัศมีพลังที่แปลกประหลาด
บนภูเขาหินอีกด้านหนึ่งยังมีป้ายหินสลักคำว่า 'อันดับสองภายใต้สวรรค์' โซ่เส้นหนาพันรอบมันทอดยาวไปทั่วขุนเขา
สัตว์ร้ายโบราณตัวนี้ลักษณะภายนอกของมันเหมือนจระเข้โบราณที่ด้านหลังมีปีกศักดิ์สิทธิ์มีเขามังกรอยู่บนหัว ร่างกายทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเงินเต็มไปด้วยรัศมีที่สั่นสะท้านวิญญาณ
หากใครจ้องมองมันจะรู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณของพวกเขากำลังแตกสลาย!
นี่เป็นสัตว์ร้ายโบราณที่ไม่มีใครเทียบได้ ในอดีตไม่มีใครกล้ามองตรงไปที่มันทำได้เพียงแค่เหลือบมองและก็ต้องหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่