Ep.1074 - ใส่ร้าย
Ep.1074 - ใส่ร้าย
ความโกรธลุกโชนในใจซูซิงฝู ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ที่มนุษย์กินคนถูกนับว่าเป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาของพันธมิตรมนุษย์!
เส้าตงเฟิงหาเรื่องกันชัดๆ
อย่างไรก็ตาม ซูซิงฝูมิอาจต่อต้านอะไรได้
เพราะท้ายที่สุดเแล้ว เขาเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล S ขณะที่อีกฝ่ายคือเลเวล SSS เมื่อเทียบกันแล้ว ตัวเขาเหมือนมดที่พร้อมถูกบดขยี้ได้ตลอดเวลา
ตอนนี้ซูซิงฝูได้แต่ภาวนา ว่าเส้าตงเฟิงจะไม่รีบฆ่าเขา เพราะขอเวลาอีกไม่นาน ไป๋หลีก็จะตามมาสมทบกับเขาในภายหลัง
ทว่าในเวลานั้นเอง เส้าตงเฟิงเอ่ยปากออกมา “แต่เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้ซะทีเดียว คุณสามารถเลือกจ่ายค่าปรับได้ โดยการมอบแกนมิติอีกหลายแห่งที่เพิ่งซื้อมา แล้วครั้งนี้ฉันจะยอมปล่อยไป แต่ถ้ายังอยากซื้อขายมิติอีกในอนาคตแบบไม่เกิดปัญหา นับจากนี้ไป ทุกครั้งหลังจากถอนแกนมิติออกมา คุณต้องมอบให้กับทางเราครึ่งหนึ่ง”
เมื่อซูซิงฝูได้ยินประโยคนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
ที่แท้นี่คือกับดักที่เปลี่ยนสถานะผู้บริสุทธิให้กลายเป็นผิดบาป!
ซูซิงฝูได้ทำการแลกเปลี่ยนล็อตใหญ่หลายครั้ง จากนั้นมิติที่ซื้อมาก็ล่มสลายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีการดังกล่าว ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำได้
เพราะการทำเช่นนั้น จำเป็นต้องใช้เรือสมบัติของจ้าวเหนือหัว เพื่อเดินทางไปดูดซับแกนมิติจากเบื้องล่าง แล้วค่อยนำมันออกมา แต่ทำแบบนั้นต้องใช้เวลา เพราะมีของเหลวพลังงานคอยปกป้องอยู่รอบๆ
แต่พอเส้าตงเฟิงพบการกระทำของซูซิงฝู และระยะเวลาเพียงสั้นๆที่มิติล่มสลายลง เขาก็ตระหนักได้ทันที ว่าซูซิงฝูอาจไม่ได้มีจ้าวเหนือหัวอยู่เบื้องหลัง แต่คาดว่าน่าจะทำสัญญากับสัตว์ยักษ์มิติมากกว่า
หากเป็นไปได้ เส้าตงเฟิงก็อยากแย่งชิงสัตว์ยักษ์มิติของอีกฝ่ายมาอยู่หรอก แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก
ดังนั้น เส้าตงเฟิงเลยได้แต่เลือกวิธีนี้ ตั้งใจแบล็กเมล์ซูซิงฝู
ตั้งแต่ทำข้อตกลงครั้งล่าสุดกับจ้าวเหนือหัวอันผิง แล้วบรรลุเงื่อนไข เส้าตงเฟิงก็ไม่อาจได้รับผลประโยชน์จากอันผิงได้อีก
แต่ไม่นานโชคก็หล่นทับเขาอีกครั้ง มีแกะอ้วนอย่างซูซิงฝูมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน นี่ไม่ต่างจากเนื้อหวานฉ่ำตกลงจากฟ้า
แม้แค่เส้าตงเฟิงคนเดียวก็มากพอแล้ว แต่อีกฝ่ายยังนำลูกน้องมาอีกเป็นสิบคน กำลังรบดังกล่าว เป็นอะไรที่กดดันซูซิงฝูเป็นอย่างมาก
ยังไงก็ตาม ในเวลานั้นเอง บังเกิดเงาสีขาวสว่างวาบ หญิงสาวที่ครอบครองความงามปานล่มเมือง ปรากฏตัวขึ้นข้างกายซูซิงฝู
“ท่านผู้ใหญ่ไป๋!”
ซูซิงฝูราวกับพบพระผู้ช่วยให้รอดชีวิต ร่ำไห้ออกมา
ช่วงเวลานี้ เส้าตงเฟิงมองไป๋หลี หัวใจในอกเริ่มเต้นแรง
ไม่ใช่เพราะหน้าตาของไป๋หลีเท่านั้นที่ทำให้เขาใจเต้น แต่มันรวมไปถึงกลิ่นอายของไป๋หลีด้วย
เนื่องจากมีโล่พลังสมาธิคอยปกคลุมร่างของไป๋หลีตลอดเวลา ทำให้เวลาส่วนใหญ่มักไม่มีใครสนใจเธอ แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอปฏิบัติต่อผู้อื่นในฐานะศัตรู คนเหล่านั้น จะสามารถรับรู้ได้ถึงความน่าหวาดกลัวของเธอ
“สัตว์ยักษ์มิติ!” เส้าตงเฟิงอุทานผ่านพลังสมาธิ
เบื้องหน้าเขา คือสัตว์ยักษ์มิติในคราบมนุษย์ แถมความแข็งแกร่งดูเหมือนจะมากกว่าเส้าตงเฟิงหลายเท่า
“เส้าตงเฟิง บุกมาถึงนี่คิดหาที่ตายหรือ?” ไป๋หลีกล่าวอย่างเฉยเมย
“แกรู้จักฉัน?” เส้าตงเฟิงจำไม่ได้ว่าเคยเจอไป๋หลี
เส้าตงเฟิงมีปัญหากับฉินเฟิง ทว่านับตั้งแต่ฉินเฟิงได้รับรางวัลจากงานประลองเพื่อสันติภาพ ไป๋หลีไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลย
ทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ฉินเฟิงย่อมถ่ายทอดมันให้ไป๋หลีฟัง เส้าตงเฟิงหน้าตาเป็นอย่างไร ไป๋หลีเคยได้ข้อมูลมาก่อนแล้ว
สำหรับซูซิงฝู ฉินเฟิงจงใจไม่พูดถึงความบาดหมางระหว่างเขากับเส้าตงเฟิง มิฉะนั้นซูซิงฝูจะกังวลมากเกินไป สุดท้ายผลลัพธ์จากดีจะกลายเป็นร้าย
ด้วยเหตุนี้ ซูซิงฝูจึงไม่รู้จักเส้าตงเฟิง มีเพียงไป๋หลีที่รู้จักเขา
“แกไม่รู้จักฉัน แต่น่าจะรู้จักฉินเฟิง!” ไป๋หลีสวนกลับอย่างไม่หวั่นเกรง
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน ฉินเฟิงสามารถโค่นจ้าวเหนือหัวได้แล้ว แม้ว่ามันจะยังไม่พอที่จะสังหารจ้าวเหนือหัวอันผิง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกฝ่ายอีกต่อไป
บางที ตอนนี้อาจถึงเวลาที่ฉินเฟิงจะกลับมาผงาดในพันธมิตรมนุษย์แล้ว
ดังนั้น ไป๋หลีเลยไม่คิดเก็บงำเรื่องนี้เอาไว้
เมื่อได้ยินชื่อฉินเฟิง เส้าตงเฟิงสีหน้าแปรเปลี่ยนทันที
“นี่แกก็รู้จักฉินเฟิงด้วย?”
“แน่นอน เพราะฉินเฟิงคือมนุษย์ที่ทำสัญญากับฉัน”
เมื่อไป๋หลีเอ่ยเช่นนี้ เส้าตงเฟิงก็ฉุกคิดได้ทันที
“ที่แท้มันยังไม่ตาย!”
เส้าตงเฟิงในที่สุดก็ทราบความจริง
ไป๋หลีน่ะเป็นสัตว์ยักษ์มิติ แต่สัตว์ร้ายเช่นนี้ เกรงว่ามนุษย์ส่วนใหญ่จะเลือกทำสัญญาทาส และสัญญาทาส เมื่อเจ้าของตายลง สัตว์ร้ายก็ต้องตายตาม แต่เห็นไป๋หลียังสบายดีแบบนี้ จึงตระหนักได้ว่าฉินเฟิงยังไม่ตาย
แม้จะมีบางอย่างที่เส้าตงเฟิงคาดเดาผิดไปบ้าง แต่ผลลัพธ์โดยรวมนับว่าถูกต้อง
ไป๋หลีหัวเราะเย็นชา “ใช่ ฉินเฟิงยังไม่ตาย แต่แกกำลังจะตายในไม่ช้า!”
ใบหน้าของเส้าตงเฟิงบิดเบี้ยวทันที
ที่ปัจจุบันเขาต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉินเฟิง หากไม่ใช่เพราะฉินเฟิง เขาจะถูกอันผิงใช้เป็นข้ออ้างตัดขาดกันได้อย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อันผิงได้ยึดผลประโยชน์หลายอย่างที่ก่อนหน้านี้เคยให้เส้าตงเฟิงกลับคืนไปแล้ว--
--แต่ตอนนี้ฉินเฟิงกลับยังไม่ตาย?
เมื่อคิดได้แบบนั้น เส้าตงเฟิงก็ยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้นทันที ส่งข้อความไปหาจ้าวเหนือหัวอันผิง
ไป๋หลีตระหนักได้ถึงการกระทำของเส้าตงเฟิง แสยะยิ้มเย็น รูนมิติปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
เส้าตงเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่บาดลึกไปถึงกระดูก ดีดถอยออกมาโดยจิตใต้สำนึก ทว่าที่ข้อมือเขา เวลานี้ปรากฏรอยแยกมิติสีดำสนิท แม้ร่างถอยออกไป แต่ข้อมือไม่ถอยตาม มันถูกรอยแยกมิติสะบั้นทันที
“อ๊ากกกก!” เส้าตงเฟิงกรีดร้อง ก้มมองข้อมือตนลอยล่องในอวกาศ อุปกรณ์สื่อสารก็ถูกทำลายไปเช่นกัน
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ข้อมือนี้ยังถูกกลืนหายเข้าไปในรอยแยกมิติ ก่อนที่รอยแยกจะหุบลง เส้าตงเฟิงมิอาจรับรู้ถึงกลิ่นอายของมือเขาได้อีกเลย
ไป๋หลีคือสัตว์ยักษ์มิติ ดังนั้นมีความสามารถในการปิดซ่อนมิติได้ ชนิดที่ว่าต่อให้เป็นจ้าวเหนือหัวก็คงหาไม่เจอ
ซึ่งเท่ากับเป็นการปิดทางเลือกเส้าตงเฟิง หากเขาคิดสร้างมือขึ้นใหม่ ทำได้เพียงใช้สมบัติสวรรค์เท่านั้น
ในขณะที่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเส้าตงเฟิงอยู่ในเลเวล SSS แล้ว หากคิดสร้างมันขึ้นใหม่ จำเป็นต้องใช้สมบัติมหาศาล
ยังไงก็ตาม อาการบาดเจ็บนี้ทำให้เส้าตงเฟิงโกรธจนถึงขีดสุด!
“นังสารเลว! กล้าดียังไงถึงมาทำร้ายฉัน!” เส้าตงเฟิงคำรามเกรี้ยวกราด
สีหน้าของไป๋หลีเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เดิมเธอแค่ต้องการมอบบทเรียนให้เิส้าตงเฟิงแค่นั้น แต่พอถูกด่าแบบนี้ เธอก็เริ่มโกรธบ้างแล้ว
“คุณออกไปก่อน” ไป๋หลีเหยียดมือออก ผลักซูซิงฝูหายเข้าไปในช่องว่างมิติที่เชื่อมต่อกับมิติบลูสตาร์ ส่งซูซิงฝูกลับไป
ความแข็งแกร่งของซูซิงฝูต่ำเกินไป หากเธอกับเส้าตงเฟิงสู้กันจริงๆ เธอจะไม่สามารถดูแลเขาได้ ถ้าเขาอยู่จะทำให้เธอโจมตีได้ไม่เต็มที่
ซูซิงฝูเมื่อถูกผลักกลับมา ก็รีบเข้าไปหาฉินเฟิงในเมืองเฟิงหลีทันที
แม้ไป๋หลีจะมีความแข็งแกร่งเลเวล SSS แต่ศัตรูก็เป็นผู้ใช้พลังเลเวล SSS เช่นกัน แถมยังเป็นเจ้าหน้าที่ของพันธมิตรมนุษย์ หากคนๆนั้นเรียกกำลังเสริมมาปิดล้อมไป๋หลี เธอจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พลังการรับรู้ของซูซิงฝูก็แผ่ไปทั่วเมืองเฟิงหลี และตระหนักได้ในทันทีว่าฉินเฟิงอยู่ในวิลล่า
เขารวบรวมเสียงผ่านกำลังภายใน และร้องคำรามออกไป
“ท่านประธาน! ท่านผู้ใหญ่ไป๋กับผู้ใช้พลังเลเวล SSS เส้าตงเฟิงกำลังต่อสู้กัน!!”
ฉินเฟิงที่กำลังหลับใหลลืมตาตื่นขึ้นทันที
หลังจากหลับไปเจ็ดวันเจ็ดคืน ร่างกายและจิตใจของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์ ที่ยังคงหลับต่อไป เพียงเพื่อฝึกฝนเทคนิคหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ เสริมสร้างพลังสมาธิแก่ตนเอง
แต่ซูซิงฝูได้ปลุกเขาจากห้วงนิทรา
เมื่อฉินเฟิงลืมตาตื่น ความโกรธลุกโชนในจิตใจเขาทันที
