Ep.1070 - รวมพลจ้าวเหนือหัว
Ep.1070 - รวมพลจ้าวเหนือหัว
จ้าวเหนือหัวไซเร็นตกใจกับคำขอนี้ หันมามองฉินเฟิง
ฉินเฟิงย่อมได้ยินคำที่ถ่ายทอดผ่านพลังสมาธิของอสูรโลหิตเช่นกัน แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาหันไปสบตากับไซเร็น
ใช้เวลาสังเกตเพียงลมหายใจเดียว ฉินเฟิงก็สามารถระบุได้ทันที ว่าจ้าวเหนือหัวไซเร็น คือเผ่ามนุษย์รัตติกาล
ไม่เพียงแค่นั้น แต่จ้าวเหนือหัวไซเร็น ให้ความรู้สึกต่างออกไป ไม่เหมือนจ้าวเหนือหัวคนอื่นๆ
อย่างพลังชีวิตของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตที่ปลดปล่อยออกมา ให้ความรู้สึกกดดันสิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่าตลอดเวลา เป็นการข่มว่าข้าคือผู้เหนือกว่านะ เหมือนเสือกำลังจ้องมองกระต่าย กระต่ายจะรู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ ซึ่งกลิ่นอายเสือ รุนแรงมากพอให้กระต่ายฉี่ราด
ทว่ากลิ่นอายของจ้าวเหนือหัวไซเร็น กลับให้ความรู้สึกที่เงียบสงบมาก
ณ ขณะนี้ จ้าวเหนือหัวไซเร็นมองมาที่ฉินเฟิง แต่ไม่แสดงออกถึงท่าทีสนอกสนใจใดๆ เพราะฉินเฟิงยังอยู่ในสภาพร่างกายมนุษย์ไม่ใช่พลังงาน เขาเป็นเพียงผู้ใช้พลังเลเวล SSS ไซเร็นถึงขั้นคิดว่าอสูรโลหิตคงกล่าวล้อเล่น แต่ก็ไม่ปฏิเสธคำขอ สะบัดข้อมือออกไป ดาบสั้นในมือเขา กรีดตัดอากาศไปยังทิศทางของฉินเฟิง
พริบตาต่อมา ปราณดาบได้ถูกส่งออกไป
แต่ดวงตาของไซเร็น ไม่เคยละสายตาจากร่างของอสูรโลหิตเลย
“เอาล่ะ ฉันฆ่ามันให้แล้ว เพราะงั้นตอนนี้นาย … เอ๋?”
คำพูดที่กำลังถ่ายทอดผ่านพลังสมาธิของไซเร็นหยุดลง ณ จุดนี้เขาไม่จำเป็นต้องมอง เพียงใช้พลังสมาธิ ก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
อำนาจทำลายล้างจากการสะบัดดาบของไซเร็นน่าหวาดกลัวมาก มันไร้เงาราวกับล่องหน กลายเป็นปราณดาบพุ่งไปยังทิศทางของฉินเฟิง
แม้เป็นแค่การโจมตีอย่างไม่ใส่ใจของจ้าวเหนือหัว แต่น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้พลังเลเวล SSS
มันคืออำนาจทำลายล้างที่น่ากลัวเกินกว่าจะจินตนาการ หากไม่ใช่ระดับจ้าวเหนือหัว ย่อมไม่มีใครสามารถต้านทานได้
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงการโจมตีของจ้าวเหนือหัว เขาไม่รอช้า ยกมีดกษัตริย์ครามขึ้นมา อัดฉีดกำลังภายในลงไป ปลดปล่อยมหากาพย์วิญญาณสะบั้น
วิญญาณเต่ายักษ์ผุดพรายออกมา เผชิญหน้ากับการโจมตีของไซเร็น จากนั้นสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
ตูมมมม!
พลังงานของทั้งสองฝ่ายเกิดการระเบิด กวาดกระจายไปรอบๆอย่างบ้าคลั่ง
ฉินเฟิงพยายามยืนหยัดต้านทานมัน
ทว่าผลพวงจากแรงปะทะ ส่งผลให้รอยแยกมิติที่อยู่เบื้องหลังฉินเฟิงแหลกเป็นเสี่ยงๆ ตึกรามต่างๆบนเมืองลอยฟ้า ก็ล่มสลายลงเช่นกัน
สองพลังงานอันยิ่งใหญ่ประสานงานกัน อำนาจทำลายม้วนตลบขึ้นไปบนฟากฟ้า โล่พลังงานพังทลายลงทันที
รังสีคมมีดกับปราณดาบ พุ่งหายไปในจักรวาล ดวงดาวที่อยู่ห่างไกลออกไป ถูกลูกหลงจากกระบวนท่านี้ สับแยกออกเป็นสองส่วน
พลังที่ไซเร็นและฉินเฟิงปลดปล่อยออกมา รุนแรงมากพอที่จะสะบั้นดวงดาวได้
ซึ่งนี่มากพอแล้วที่จะใช้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของไซเร็น
แต่ภายใต้สถานการณ์นี้ ไซเร็นรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะฉินเฟิงดูเหมือนสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้แบบสบายๆ
เพราะอย่างไรเสีย ในสายตาของจ้าวเหนือหัว สุดท้ายฉินเฟิงเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล SSS เท่านั้น
แม้รอดพ้นมาได้ แต่เวลานี้ฉินเฟิงเริ่มระวังตัวแล้วเช่นกัน ถึงกำลังภายในของเขาจะได้รับการฟื้นฟูจากการช่วงชิงพลังงานของอสูรโลหิตในสามเมืองลอยฟ้าก่อนหน้านี้ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเหนือหัวถึงสองคน กำลังภายในแค่นี้ยังไม่พอ หากไซเร็นตัดสินใจว่าจะเป็นคนลงมือสังหารอสูรโลหิต ฉินเฟิงจะยอมหลบหนีไปอย่างไม่ลังเล
ก็อย่างที่เคยบอกไป จ้าวเหนือหัวมีทั้งเข้มแข็งอ่อนแอปะปนกัน ไม่ต้องกล่าวถึงความจริงที่ว่าอสูรโลหิตได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจากการต่อสู้เมื่อ 30 ปีก่อน พลังงานในร่างกายเขาไม่เพียงพอ ยิ่งรีดเร้นออกมา พลังชีวิตยิ่งเหือดหาย
ทว่าสำหรับไซเร็น เขาแข็งแกร่งมาก ฉินเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้!
อย่างไรก็ตาม จ้าวเหนือหัวไซเร็นไม่ทราบถึเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ที่ว่าพลังของอสูรโลหิตลดทอนลงจนเกือบหมดแล้วจากการต่อสู้กับฉินเฟิง
“น่าสนใจดีนี่!” ไซเร็นกล่าวผ่านพลังสมาธิ
แต่เจ้าตัวไม่ได้ลงมืออีกต่อไป บรรยากาศรอบด้านคล้ายถูกแช่แข็ง อสูรโลหิตกับฉินเฟิงเองก็ไม่มีใครเคลื่อนไหว
ภายในเมืองลอยฟ้า ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ แต่แล้วในตำแหน่งที่ทั้งสามยืนอยู่ พลังสมาธิที่แผ่เข้ามาจากระยะไกล กลับสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน
“หนีเร็ว! อสูรโลหิตอยู่ที่นี่!”
“นั่นจ้าวเหนือหัวไซเร็น! ท่านออกมาช่วยขัดขวางจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต!”
“ว่าแต่เมื่อกี้มันการโจมตีแบบไหนกัน?”
ผู้ใช้พลังหลายคนตกใจกลัว เปิดช่องว่างมิติหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่กล้าพอจะอยู่ต่อ รับชมการต่อสู้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว การห้ำหั่นกันระหว่างจ้าวเหนือหัว ยากนักที่จะได้เห็นกับตา
อย่างเช่นเมื่อ 30 ปีก่อนก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องร้ายๆซะทีเดียว การต่อสู้ในครั้งนั้นทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจยิ่ง หากคุณได้รับชมการต่อสู้ระหว่างจ้าวเหนือหัวกับตาตัวเอง ไม่เพียงใช้เป็นเรื่องคุยโม้โอ้อวดได ้ แต่มันคือการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเช่นกัน ที่สามารถยืนหยัดอยู่ภายใต้แรงกดดันของจ้าวเหนือหัวได้
ยังไงก็ตาม แม้พวกเขาไม่กลัวตาย แต่เมืองลอยฟ้าทนไม่ไหวอยู่ต่อไป มันพังทลายลง หลายคนละทิ้งเมืองลอยฟ้าและเข้าสู่จักรวาลอย่างรวดเร็ว แต่พลังสมาธิยังคงแผ่ออกมา ให้ความสนใจกับที่นี่
ในชั่วพริบตา เมืองลอยฟ้าก็กลายเป็นว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ข้างในอีกเลย
และในตอนนั้นเอง ช่องว่างมิติพลันปรากฏขึ้น จากนั้นแสงสีทองสาดประกายออกมา พร้อมร่างสูงใหญ่ 1,000 เมตร
“จ้าวเหนือหัวเฉียนมู่!”
สมาชิกพันธมิตรองค์กรมืด เมื่อเห็นอีกฝ่ายต่างร้องอุทานออกมา
ยังไม่พอ อีกด้านหนึ่ง กะโหลกใหญ่ผุดขึ้นในอวกาศที่ว่างเปล่า อ้าปากของมัน ก่อตัวเป็นช่องว่างมิติ
ด้วยเอกลักษณ์ดังกล่าว สามารถช่วยคุณระบุได้ทันทีว่าผู้มาเยือนอีกคนเป็นใคร
จ้าวเหนือหัวปีศาจเสพวิญญาณ!
จ้าวเหนือหัวปีศาจเสพวิญญาณ คือรากเหง้า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดที่คอยช่วยให้เผ่าปีศาจเสพวิญญาณ พัฒนาไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ณ จุดนี้ กล่าวได้ว่าจ้าวเหนือหัวของพันธมิตรองค์กรมืดทั้งสี่ ได้มาอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว
ทุกสายตาต่างจับจ้องด้วยความตื่นเต้น
จ้าวเหนือหัวเฉียนมู่มองไปยังร่างทั้งสองที่ย่อขนาดลงเหลือแค่ความสูงของมนุษย์ธรรมดาในเมืองลอยฟ้า สุดท้ายสายตาตกลงบนมนุษย์เพียงคนเดียวที่ยังมีกายเนื้อมิใช่จ้าวเหนือหัว ก่อนแสดงท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยออกมา
“ซวนเฟิง? เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ฉินเฟิงเพิ่งช่วยภารกิจเฉียนมู่เมื่อครึ่งเดือนก่อน อีกฝ่ายเลยยังไม่ลืมเลเวล SSS ที่ทรงพลังผู้นี้
“ท่านผู้ใหญ่ ผมมาเพื่อสังหารอาชญากรในประกาศจับของพันธมิตรองค์กรมืด!”
ฉินเฟิงกล่าวออกมาอย่างชอบธรรม สายตาตกลงบนร่างของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต
ช่วงเวลานี้ จ้าวเหนือหัวทั้งสี่ต่างตกตะลึง ผู้ใช้พลังที่อยู่ไกลออกไป คล้ายถูกทุบตีด้วยคำพูดนี้จนสับสนมึนงง
แต่ไม่นาน บางคนก็เริ่มฉุกคิดได้
“เมื่อสามสิบปีก่อน ตอนจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตหลบหนีไป ดูเหมือนว่าพันธมิตรองค์กรมืดจะออกหมายจับเขาจริงๆ”
“แต่ใครเล่าจะสามารถสังหารจ้าวเหนือหัว? ทำไปแล้วได้ประโยชน์อะไร? พวกเราไม่เหมือนกับพันธมิตรมนุษย์นะ ไม่ได้มีรางวัลอะไรมอบให้”
“สังหารอาชญากรจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต อย่ามาล้อเล่นกันดีกว่า ช่างน่าหัวเราะให้ฟันร่วง”
ผู้ใช้พลังจากองค์กรมืดส่วนใหญ่ ไม่เชื่อคำพูดของฉินเฟิง
ทว่า ณ จุดนี้ อสูรโลหิตในที่สุดเอ่ยปากว่า “ที่แท้เจ้าชื่อซวนเฟิง เรื่องในวันนี้ข้าจะไม่ถือสา ตอนนี้เจ้าต้องการอะไร จงเอ่ยมันออกมาตรงๆ”
แม้จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตจะไม่ได้อธิบายอะไรให้มันชัดเจน แต่เห็นได้ชัดว่า ประโยคนี้ คือเครื่องยืนยันแล้ว ว่าอสูรโลหิตกำลังก้มหัวให้ฉินเฟิง
จ้าวเหนือหัวยอมจำนนต่อตัวตนทรงอำนาจเลเวล SSS เรื่องเช่นนี้ มันน่าเหลือเชื่อนัก
แต่นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา