193 - หวนคืนสู่ย่านโรงตีเหล็กอีกครั้ง
193 - หวนคืนสู่ย่านโรงตีเหล็กอีกครั้ง
พวกเขาออกจากโรงเตี๊ยมหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จและแยกย้ายกันไป
เอี้ยนลี่เฉียงเตรียมพร้อมที่จะกลับไปที่หมู่บ้านอู๋หยางก่อนเพื่อเก็บของแล้วจะออกจากเมืองผิงซีในช่วงบ่าย
เขาต้องไปยังมณฑลหวงหลงเพื่อพบกับเอี้ยนเต๋อชางเนื่องจากเอี้ยนเต๋อชางจะนำมีดคูกรีชุดหนึ่งไปส่งที่ย่านโรงตีเหล็กของมณฑลหวงหลงในวันพรุ่งนี้
ถ้าหากพวกเขาได้พบกันที่ย่านโรงตีเหล็กแล้วเอี้ยนเต๋อชางก็จะไม่เดินทางมาที่เมืองผิงซีอย่างแน่นอน
หลังจากเดินจากที่พักไปไม่ถึงหนึ่งลี้เอี้ยนลี่เฉียงก็พบกับกลุ่มคนบนถนนสายหลัก
กลุ่มคนพวกนี้มีไม่ต่ำกว่าสองสามร้อยคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พวกเขาร้องไห้และสวมชุดไว้ทุกข์สีขาว
พวกเขาแบกโลงศพไว้บนหลังพร้อมกับโปรยกระดาษเงินกระดาษทองก่อนจะมุ่งหน้าไปสำนักงานบังคับใช้กฎหมาย
ที่เดินนำหน้าสุดคือผู้สูงอายุสองคนที่มีผมสีเทา ชายชราเดินด้วยไม้เท้าโดยมีเด็กอีกสองคนคอยประคอง
อีกคนหนึ่งคือหญิงชราที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด ดวงตาของนางบวมแดงจากการร้องไห้ นางคร่ำครวญเสียงดังขณะที่เดินไปข้างหน้า
“โอ้ ลูกสาวของข้า! เจ้าตายอย่างอนาถนัก! ตั้งแต่ที่เจ้าหายตัวไปเมื่อสองปีก่อน แม่มักจะฝันว่าเจ้าหนาว แม่เพิ่งรู้ว่าเจ้าถูกนายน้อยผู้ว่าการฆ่าทิ้งแล้วโยนลงไปในบ่อน้ำ! วันนี้แม่มาที่นี่เพื่อพาเจ้ากลับบ้าน…!”
“เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้? ยังมีความยุติธรรมอยู่ในเมืองผิงซีหรือไม่? สวรรค์ท่านยังมีดวงตาอยู่อีกหรือ…!” น้ำตายังไหลอาบแก้มของชายชราที่อยู่ข้างๆ เขาชี้นิ้วไปบนท้องฟ้าพร้อมกับสาปแช่งออกมาด้วยความโกรธแค้น
“บุตรชายของผู้ว่าการกำลังสมคบคิดกับชนเผ่าอื่นเพื่อทำลายล้างสามัญชน! ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน! สวรรค์พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่…?!!” ผู้คนมากมายต่างกำลังร้องไห้พร้อมกับโปรยกระดาษเงินกระดาษทองไปด้วย
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้เดินเข้ามา ทุกคนบนถนนสายหลักก็หลีกทางให้ ทุกคนยังคงนิ่งเงียบเมื่อมองดูกลุ่มนี้เดินไปที่สำนักงานบังคับใช้กฎหมาย เกือบทุกคนกำลังพูดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
แม้แต่ปลัดอำเภอที่ลาดตระเวนตามท้องถนนก็ทำได้เพียงยืนเงียบๆเมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มคน พวกเขาไม่ได้ขัดขวางเส้นทางของคนพวกนี้
ท้ายที่สุดปลัดอำเภอเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาเช่นเดียวกับสามัญชนในเมือง พวกเขาต่างก็มีมโนธรรมและความเห็นอกเห็นใจเช่นกัน
เอี้ยนลี่เฉียงยืนอยู่ข้างถนน เขาทำได้เพียงคร่ำครวญในความเงียบ
หลังจากที่กลุ่มคนผ่านไป เอี้ยนลี่เฉียงก็เดินต่อไปและเลี้ยวเข้าถนนอีกสายหนึ่ง หลังจากเดินได้ไม่ถึงสองลี้ เขาก็วิ่งไปชนกลุ่มคนที่ร้องไห้คร่ำครวญอยู่เต็มถนนอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขาก็กำลังแบกโลงศพไปทางสำนักงานบังคับใช้กฎหมาย...
เกือบทุกตระกูลไม่ว่าจะในหรือนอกเมืองที่มีเด็กผู้หญิงหายตัวไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาต่างก็รีบมาที่สำนักงานบังคับใช้กฎหมายเมื่อทราบเรื่องของเมื่อคืน
เมืองผิงซีทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่น่าสังเวช คนทั้งเมืองโศกเศร้าและความคับข้องใจ เอี้ยนลี่เฉียงเห็นผู้คนร้องไห้คร่ำครวญพร้อมกับตะโกนเรียกหาคนในครอบครัวตลอดทาง
หากเย่เทียนเฉิงยังคงนั่งในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้อย่างปลอดภัยหลังจากนี้ ย่อมแสดงว่าอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่หมดทางเยียวยาแล้ว
……….
“ไม่เจอกันนานเลยนะพี่ใหญ่ทั้งสอง…!”
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงกระโดดลงจากรถม้า สายตาของทหารทั้งสองที่ยืนเฝ้าตรงทางเข้าย่านโรงตีเหล็กของมณฑลหวงหลงเต็มไปด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมาที่นี่วันนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากคำทักทายของเอี้ยนลี่เฉียง ทั้งคู่ก็ตอบรับในที่สุด
“อ๊ะ! นายน้อยเอี้ยน นายน้อยกลับมาแล้ว...!” ทหารทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นและรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่เอี้ยนลี่เฉียงอยู่ที่ย่านโรงตีเหล็กเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ความสัมพันธ์ของเขากับทุกคนนั้นยอดเยี่ยมและทุกคนก็รักเขาเหมือนกับคนในครอบครัว
ในตอนที่เขาสอบได้อันดับหนึ่ง ทุกคนในย่านโรงตีเหล็กต่างมีความสุขกับเขา ทหารสองคนไม่คิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะกลับมาที่นี่ในช่วงฤดูหนาวอย่างนี้
“พี่ใหญ่ทั้งสองข้าซื้อของมามากมายรบกวนพวกท่านช่วยขนลงมาด้วย…?”
"ได้สิ!"
ทหารทั้งสองหัวเราะอย่างร่าเริง พวกเขาเดินตามหลังรถม้าพร้อมกับคนขับรถม้าก่อนจะเปิดประตูรถแล้วหยิบของที่อยู่ด้านในออกมาหลายหีบ
มันประกอบไปด้วยสุราสี่ไห แต่ละขวดหนักประมาณห้าสิบจิน เชือกเส้นหนาที่ทำจากฟางมัดไหสุราไว้อย่างแน่นหนาเหมือนตาข่าย
ในยุคที่ปราศจากโฟมหรือพลาสติก นี่คือวิธีขนส่งไหสุราในระหว่างการเดินทาง แม้ว่าจะดูล้าสมัย แต่ก็มีประสิทธิภาพมาก ไหสุรายังคงไม่เสียหายแม้จะเกิดการชนกันอยู่บ้างระหว่างทาง
เอี้ยนลี่เฉียงซื้อเหล้าชั้นดีมาจากเมืองผิงซี ตอนที่มาที่นี่เขาขนส่งมันมาทางเรือก่อนจะว่าจ้างรถมาให้ส่งมาที่นี่อีกต่อหนึ่ง
“ที่มันสุราตระกูลเหลียว” จมูกของทหารคนหนึ่งกระตุกเมื่อพวกเขาขนไหสุราออกจากรถม้า
“ข้ารู้ว่าทุกคนที่นี่ชื่นชอบสุรา ดังนั้นข้าก็เลยซื้อพวกมันมาจากเมืองผิงซี ช่วงนี้อากาศหนาวโชคดีที่สุราพวกนี้มาทันเวลาจะได้ใช้เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับพี่น้องทุกคน !” เอี้ยนลี่เฉียงหัวเราะ
“ไม่นึกเลยว่านายน้อยจะยังนึกถึงพวกเรา…” ทหารทั้งสองยิ้มออกมาด้วยความสุข
“แน่นอน ข้าจะลืมพวกท่านทุกคนได้อย่างไร” เอี้ยนลี่เฉียงกล่าว เขาเดินไปยกเหล้าขึ้นมาสองไห
“นายน้อย ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของเรา!”
“เกรงใจไปแล้วพี่ใหญ่ มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนอุ้มไป!” เอี้ยนลี่เฉียงยกไหสุราทั้งสองขึ้นและเดินไปที่ทางเข้าของย่านโรงตีเหล็กพร้อมกับถามว่า
“ลุงเฉียนอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“แน่นอน ปรมาจารย์เฉียนเพิ่งกลับจากตัวเมืองมาไม่ถึง 2 ชั่วยามดังนั้นเขาจึงยังไม่ทันได้ออกไปอีก…”
“ทำไม ลุงเฉียนไม่ได้ไปดื่มในเมืองช่วง 2-3 วันนี้หรือ?”
“นายน้อย เราไม่กล้าตอบคำถามนั้น ท่านก็ถามปรมาจารย์เฉียนเอาเองเถอะ”
ไม่ไกลจากทางเข้าของย่านโรงตีเหล็ก เขาเห็นทหารอีกสองสามคนที่มีใบหน้าที่คุ้นเคย เมื่อทหารเหล่านั้นเห็นว่าเอี้ยนลี่เฉียงปรากฏตัวอยู่ที่นี่พวกเขาก็มีสีหน้าแปลกใจมาก
แต่ทันทีที่พวกเขาเห็นของที่เอี้ยนลี่เฉียงถืออยู่ พวกเขารู้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงได้นำของฝากจากเมืองผิงซีมาให้ทุกคน พวกเขาตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นแล้วรีบวิ่งเข้าหาเอี้ยนลี่เฉียงทันที
“นายน้อยเอี้ยนกลับมาแล้ว! ทุกคนนายน้อยเอี้ยนกลับมาแล้ว…!”
ทหารสองสามคนตะโกนในขณะที่วิ่งไปข้างหน้า หลายคนในย่านโรงตีเหล็กต่างก็วิ่งออกไปทักทายเอี้ยนลี่เฉียง
“อ๊ะ อันดับหนึ่งของผู้เข้าแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของมณฑลชิงไห่มาแล้ว…!”
“ตอนนี้ท่านมีเมียกี่คนแล้วนายน้อย? ฮ่าฮ่าฮ่า!!”
หลังจากต่อสู้และวางแผนในเมืองผิงซีเป็นเวลาสองสามเดือนเอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกราวกับว่าเขาได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้ง
เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและเป็นมิตรของผู้คนในย่านโรงตีเหล็ก ความรู้สึกอบอุ่นก็ไหลเวียนอยู่ในหัวใจของเขา ขณะที่เขาทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มที่สดใส
เมื่อมาถึงที่พักและยังไม่เห็นเฉียนซู เอี้ยนลี่เฉียงก็สอบถามผู้คนที่อยู่ข้างๆจนได้ความว่าเขาอยู่ในโรงตีเหล็ก หลังจากนั้นเขาก็ขอตัวจากทุกคนและเดินไปที่โรงตีเหล็กด้วยตัวคนเดียว
ย่านโรงตีเหล็กมีอัตราการใช้ถ่านหินสูง จึงมีที่สำหรับเก็บถ่านหินโดยเฉพาะ ไม่ไกลจากโรงตีเหล็ก, มีโกดังขนาดใหญ่สำหรับเก็บถ่านหินเป็นการเฉพาะ
โกดังขนาดใหญ่นั้นเรียกว่าลานถ่านหิน ลานถ่านหินตั้งอยู่ด้านข้างของย่านโรงตีเหล็ก ซึ่งค่อนข้างห่างไกลดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยินความวุ่นวาย
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงอยู่นอกโรงเก็บถ่านหิน เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของเฉียนซู ก่อนที่เขาจะเข้าไปด้วยซ้ำ
“เจ้าคนแซ่หวัง เจ้าทำบ้าอะไร! เจ้ากล้าดียังไงที่เอาถ่านแบบนี้เข้ามา? ดูถ่านห้าแสนจินนี่สิ ครึ่งหนึ่งถูกบดขยี้เหมือนทรายละเอียด หนึ่งในสามของถ่านที่เหลือมีสีน้ำตาลปนเหลือง
เจ้าคิดจะฉ้อราษฎร์บังหลวงก็ทำให้มันแนบเนียนกว่านี้หน่อย ตอนนี้เจ้ากำลังทำให้ข้าขายหน้าไปด้วย?!"
เพียงแค่ฟังเสียงนั้นเพียงอย่างเดียวเอี้ยนลี่เฉียงก็สามารถจินตนาการถึงสีหน้าที่โกรธจัดของเฉียนซู แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่มีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่นี่แต่ก็ไม่มีใครในย่านโรงตีเหล็กที่ไม่หวาดกลัวเฉียนซู
“ข้าทำผิดต่อท่าน ปรมาจารย์เฉียน!” เสียงสะอื้นดังขึ้น "แต่ข้าไม่มีเจตนาจะหลอกลวงท่าน ในตอนที่ฤดูหนาวใกล้เข้ามาท่านก็รู้ดีว่าราคาถ่านหินจะพุ่งสูงขึ้น
อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดดินถล่มบนภูเขาเสี่ยวหลงและไม่สามารถขนถ่านหินออกมาได้ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ ที่อื่นๆในมณฑลก็ไม่สามารถรับมือกับความต้องการได้
ไม่เพียงแค่นั้นแต่ราคาของถ่านหินยังแพงขึ้นอีกด้วย เมื่อต้นเดือนนี้มันแพงขึ้นกว่าสองเท่าของราคาเมื่อก่อนแล้ว จนมาถึงตอนนี้ราคาก็แพงขึ้นกว่าเดิมมากกว่าห้าเท่าเสียอีก!”
“เจ้าคิดว่าข้ากำลังพูดเล่นอยู่เหรอ ของพวกนี้มีราคาเท่าไหร่มีหรือข้าจะไม่รู้”
“ปรมาจารย์ที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง หากข้ากล้าอมเงินแม้แต่เหรียญทองแดงเดียวท่านก็สามารถจับข้าไปตัดคอได้เลย…”
"อืม แล้วเราจะได้เห็นกันว่าเจ้าจะรักษาศีรษะไว้ได้หรือไม่.."
เอี้ยนลี่เฉียงอยู่นอกโกดังถ่านหินครู่หนึ่ง เขารอจนทั้งสองคนพูดจบก่อนจะกระแอมและเดินเข้าไป
"ลุงเฉียน ผู้จัดการหวัง..."
คนสองคนที่ยืนอยู่ในลานถ่านหินหันศีรษะกลับมาทันทีและดูเหมือนจะตกใจมาก โดยเฉพาะเฉียนซู เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมาที่นี่
“นายน้อยเอี้ยน…” หวังเต๋อฟาฝืนยิ้มให้กับเอี้ยนลี่เฉียง
“อา ลี่เฉียง เหตุไฉนเจ้าจึงมาที่นี่ได้”
“ไม่เจอกันนานแล้วข้าก็เลยมาเยี่ยมท่านเท่านั้น!”