Ep.1068 - รังไหมโลหิต
Ep.1068 - รังไหมโลหิต
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ร่างกายของเจ้าพิเศษกว่าคนอื่นๆมาก แต่หากถูกข้าดูดกลืนเข้ามา ก็น่าจะเพียงพอกับที่จะชดเชยพลังในส่วนที่เจ้ากลืนกินเข้าไป!”
สิ้นเสียงของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต ทันใดนั้นมังกรสีเลือดนับไม่ถ้วนผุดออกมาจากร่างกายอันใหญ่โตของเขา โฉบเข้าสังหารฉินเฟิง
อาศัยพลังสมาธิ กระตุ้นเลือดภายในร่างกายของฉินเฟิงให้เกิดการระเบิดเพียงอย่างเดียว เห็นได้ชัดว่ามันไม่พอที่จะสังหารฉินเฟิงได้
ดังนั้นอสูรโลหิตเลยตั้งใจที่จะใช้เลือดของตนเอง แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายอีกฝ่าย จากนั้นจุดชนวนระเบิดร่างศัตรูให้แหลกเหลวอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ งูหน้ามนุษย์จากทางฝั่งฉินเฟิง อ้าปากกว้างอีกครั้ง ตรงเข้ากัดกินมังกรเลือดทุกตัวที่ดาหน้าเข้ามา เมื่อสูบกลืนเลือดจากพวกมัน เงื่อนไขการยกระดับความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงก็พุ่งทะลุขีดจำกัดไปอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ความแข็งแกร่งทางกายภาพยกระดับขึ้นสู่เลเวล SSS1!
การโจมตีเหล่านี้ แม้ทะลวงโล่ปราณกำลังภายใน แต่สุดท้ายก็ถูกอบิลิตี้ของฉินเฟิงปัดป้องไว้ได้อยู่ดี เมื่ออสูรโลหิตเห็นว่าฉินเฟิงไม่เพียงไม่ได้รับบาดเจ็บ แถมยังเลื่อนขั้นย่อยได้ในระหว่างต่อสู้ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด รีดเร้นพลังชีวิต ปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังยิ่งกว่าออกมา
“สังเวยโลหิต : เซ่นสังเวยสวรรค์!”
จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงปลดปล่อยพลังสมาธิของเขาอีกครั้ง คราวนี้ฉินเฟิงไม่สามารถใช้อบิลิตี้ปัดป้องได้ พลังสมาธิแทรกซึม แผ่ขยายไปในร่างกาย เลือดของฉินเฟิงเกิดการระเบิดจากภายในอีกครั้ง
ตูม!
ตามร่างของฉินเฟิง ปรากฏหลุมเลือดหลายรู ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครา
แต่ไม่นาน สถานการณ์ดังกล่าวก็คลี่คลาย ร่างกายเริ่มรักษาตัวเองโดยอัตโนมัติ กลับมามีสภาพดีเหมือนเดิม
ยังไม่พอ คราวนี้มันเร็วกว่าครั้งก่อนซะอีก
“ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าเจ้าจะสามารถทำแบบนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ การดูดซับพลังงานอย่างไรย่อมมีขีดจำกัด ไหนจะเรื่องความเจ็บปวดยามสูบมันเข้าไปอีก เจ้าจะทนไปได้อีกซักกี่ครั้ง?”
ร่างกายของจ้าวเหนือหัวอยู่ในรูปแบบพลังงาน ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ ตรงกันข้าม ฉินเฟิงยังคงมีเลือดเนื้อ เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่รู้สึกเจ็บปวด?
จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตจุดชนวนระเบิดเลือดในร่างกายของฉินเฟิงอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ายฉินเฟิงก็โจมตีตอบโต้ไปหลายครั้งเช่นกัน
ท่ามกลางจักรวาล รังสีแสงทมิฬกับสีเลือดพุ่งฉวัดเฉวียนสวนกันไปมา หนึ่งทำลายล้างหนึ่งกลืนกินอย่างต่อเนื่อง
ฉินเฟิงนับไม่ได้แล้วว่าเลือดของเขาถูกจุดชนวนไปกี่ครั้ง อาจหลายสิบหรือถึงร้อยแล้วล่ะมั้งจำไม่ได้
แต่ระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด เลเวลขั้นย่อยของฉินเฟิงกลับค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่ในเลเวล SSS1 เวลานี้มาถึง SSS3 แล้ว
ซึ่งความเร็วในการยกระดับนี้ มันน่ากลัวมาก
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดหมาย เพราะขณะที่ฉินเฟิงกลืนกินเลือดของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตเข้าไป มันก็เหมือนกับเป็นการกลืนกินทรัพยากรระดับจ้าวเหนือหัวโดยตรง!
ความเจ็บปวดจากหลายทิศทางไม่ว่าจะเป็นจากการซึมซับพลังงานหรือถูกโจมตี รุมเร้าฉินเฟิงจนสับสนมึนงง ซึ่งถึงจุดนี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงใกล้มาถึงขีดจำกัดแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน มนุษย์เอ๋ย บอกตามตรงว่าเจ้าทำให้ข้าประทับใจจริงๆ” จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตหัวเราะลั่น เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ลดทอนลงของฉินเฟิง ร่างเงางูเหลือมหน้าคนเดิมมี 9 ตอนนี้เหลือแค่ 1
เนื่องจากพลังสมาธิของฉินเฟิงอยู่แค่เลเวล SSS เท่านั้น เขาเลยไม่สามารถอดทนได้ในระยะยาว
เมื่อไหร่ที่ฉินเฟิงไม่สามารถปลดปล่อยพลังพิเศษดูดกลืนได้ นั่นแหละคือเวลาตายของเขา
นี่คือสิ่งที่จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตเชื่อมั่น
ทว่าในตอนนั้นเอง ฉินเฟิงกลับไม่รีดเร้นพลังสมาธิเพื่อเรียกใช้งานงูหน้าคนที่มีพลังพิเศษดูดกลืน เพื่อโจมตีอสูรโลหิตอีกต่อไป แต่ยกมือขึ้น และชักมีดเล่มใหญ่ออกมาแทน
หนังสัตว์ร้ายที่รัดมีดเอาไว้ถูกคลายออก รูปลักษณ์ของมีดใหญ่เผยโฉม ปรากฏวัสดุสีเขียวขุ่นห่อหุ้มอยู่เหนือตัวมีด ซึ่งเห็นๆอยู่ว่าดูธรรมดามาก แต่กลับสามารถก่อให้เกิดบรรยากาศหนักอึ้งกดดัน
“นี่มัน …” อสูรโลหิตเป็นถึงจ้าวเหนือหัว เขาได้พบได้เห็นสิ่งต่างๆมามากมาย ดังนั้นตระหนักได้แทบจะในทันที ว่ามีดเล่มนี้ ทำมาจากวัสดุของสัตว์ร้ายระดับจ้าวเหนือหัว
สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจมาก
มนุษย์ตรงหน้าผู้นี้ มีต้นกำเนิดมาจากที่ใดกันแน่? ต่อให้เป็นลูกหลานของจ้าวเหนือหัว ก็ไม่มีทางที่จะครอบครองอาวุธเช่นนี้ได้ เพราะใครกันที่จะยอมสละสมบัติมั่งคั่งถึงเพียงนี้จากมือตนเอง?
นั่นเป็นไปไม่ได้เลย
เพียงแต่ว่าช่วงเวลานี้ พลังสมาธิของฉินเฟิง ได้ถ่ายทอดออกมาเช่นกัน
“จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต พลังงานในร่างของคุณตอนนี้ มันลดลงเหลือครึ่งเดียวแล้วใช่ไหม? ในเมื่อเป็นแบบนั้น ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าคุณจะต้านทานคมมีดของผมได้ซักกี่เล่ม!”
เมื่อประโยคนี้จบลง มีดกษัตริย์ครามในมือก็ถูกง้างขึ้นฟ้า
ชั่ววินาทีนั้น จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตสัมผัสได้ถึงอันตราย!
“มหากาพย์วิญญาณสะบั้น!”
ข้างในมีดกษัตริย์คราม อัดแน่นไปด้วยกำลังภายใน บนมีดกษัตริย์คราม ร่างเงาวิญญาณผุดพราย ภายใต้การอัดฉีดโดยกำลังภายใน ตัวของมันเริ่มพองขึ้น
มิใช่ใดอื่น เป็นวิญญาณของเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัว!
จากนั้น มันกระโจนเข้าใส่ร่างของอสูรโลหิต ราวกับว่าพร้อมตกตายไปด้วยกัน
แม้อธิบายเช่นนั้น แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่การทุ่มโจมตีจนตัวตายซะทีเดียว เพราะในเวลานี้ วิญญาณของเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัวมันอยู่ในรูปแบบรังสีคมมีด
เดิมที ฉินเฟิงมีขนาดตัวเล็กมากๆถึงมากที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบกับอสูรโลหิตแล้ว ตัวเขาไม่ต่างจากฝุ่น
แต่ตอนนี้ วิญญาณเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัวถูกฟาดฟันออกไปพร้อมมีดกษัตริย์คราม ตัดข้ามผ่านห้วงจักรวาล พลังงานอันทรงพลานุภาพถูกปลดปล่อยออกมา กวาดกลืนไปทั่วดวงดาว
และคุณสมบัติของเหล็กตัดดารา ก็ติดตามมันไปด้วยเช่นกัน
“ไม่เข้าท่าแล้ว!”
จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตรีดเร้นความคิดว่าจะทำอย่างไรดี เวลานั้นฉุกคิดได้ถึงบางสิ่ง วินาทีถัดมา เสื้อคลุมสีเลือดพลันโบกสะบัด ปกคลุมเหนือร่างกาย จากเดิมที่มันมีขนาดเล็ก เวลานี้เริ่มใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บดบังทั้งจักรวาล ทานรับการมาเยือนของเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัว
ตูมมมมม!
ชุดคลุมเลือดเกิดอาการปั่นป่วนรุนแรง ระลอกคลื่นกระจัดกระจายไปทั่ว สีหน้าของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก
เพราะแม้เขาจะสามารถหยุดยั้งวิญญาณเต่ายักษ์ได้ แต่พลังงานในร่างกาย กลับลดฮวบๆไปถึง 1 ใน 3 ซึ่งเท่ากับว่าหากฉินเฟิงปลดปล่อยท่าวิญญาณสะบั้นอีกสี่ที อสูรโลหิตจะถึงแก่ความตาย
ประเด็นก็คือ การโจมตีเมื่อครู่ แฝงพลังของเหล็กตัดดารามาด้วย เช่นนี้หากปล่อยให้อาวุธที่หลอมเหล็กตัดดารา ฟาดฟันโดนแกนมิติที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย คงมิแคล้วร่างระเบิดแหลกเหลว
และจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิต ก็จะถูกฉินเฟิงสังหาร!
“ข้าไม่เชื่อหรอก ว่ากระบวนท่าเช่นนี้ เจ้าจะสามารถปลดปล่อยมันได้อีกครั้ง!” อสูรโลหิตคำรามเกรี้ยวกราด จากนั้นกวาดพลังสมาธิ รวบเอาเลือดที่กระจายตัวออกไปกลับมาอย่างรวดเร็ว ฟื้นฟูกำลังของเขา
ในใจของจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตหลงคิดว่าตัวเองคงโชคดี ฉินเฟิงน่าจะไม่สามารถสำแดงพลังแบบเมื่อครู่ได้อีกแล้ว
แต่เกรงว่าจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตคงผิดหวัง
บนมีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิง กำลังภายในถูกอัดฉีดลงไปอีกครั้ง!
“ฮู้มมมม!!!”
วิญญาณเต่ายักษ์จ้าวเหนือหัวปรากฏอีกครา กระโจนเข้าหาเขา
อสูรโลหิตแผดเสียงลั่น แต่ครั้งนี้ร่างกายของเขากลับหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นรังไหมสีเลือดขนาดใหญ่
มหากาพย์วิญญาณสะบั้นฟาดฟันลงบนมัน
หึ่ง!
เปลือกนอกของรังไหมสีเลือดนี้ละลายลงอย่างรวดเร็ว แห้งเหือดไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นสีแดงโปร่งแสง
แต่ข้างในสีแดงนี้ หากเพ่งมอง คุณจะสามารถเห็นจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตได้อย่างชัดเจน เวลานี้ร่างกายของเขาสูงเพียงสองเมตร เทียบเท่ากับความสูงของมนุษย์ปกติ เจ้าตัวยกแขนขึ้นเหนือหัว กรีดมือที่เหมือนกับกรงเล็บสีเลือดลากลงมาเป็นทางยาว
วินาทีต่อมา รอยแยกมิติปรากฏขึ้นภายในรังไหม
จากนั้น จ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตก็กระโดดเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ตูมมมม!
กระบวนท่าวิญญาณสะบั้นทะลวงรังไหมเข้ามา จากนั้นฟันลงบนรอยแยกมิติ ตัดแหวกตามรังสีคมมีด ลากยาวออกไปหลายหมื่นเมตร
“จะหนีไปไหน!”
ฉินเฟิงไม่รู้หรอกว่าจ้าวเหนือหัวอสูรโลหิตกำลังหนีไปที่ใด แต่ในครั้งนี้ ฉินเฟิงจะไม่ยอมปล่อยให้เขาหลุดมือไป
ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงทะยานแหวกอวกาศ ส่งเสียงหวีดหวิว กระโจนตามเข้าไปในรอยแยกมิติ