ตอนที่ 371 -372: ฉินเจิ้งและเฉินจื่อเหยา, บรรยากาศของคนรวย
ตอนที่ 371 ฉินเจิ้งและเฉินจื่อเหยา
“โอ้ ไม่ใช่กู้ม่านหรอกหรือ?” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเมื่อกู้ม่านหันกลับมา เธอเสแสร้งและจงใจพูดให้กู้ม่านดูตลก ผู้หญิงคนนั้นก็คือ ‘ซูซินหลาน’ เธอเป็นภรรยาของเจ้าของโรงงานที่กู้ม่านเคยทำงาน ครอบครัวของเธอเป็นคนรวย ดังนั้นเธอจึงมักคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นโดยเฉพาะกู้ม่าน กู้ม่านท้องก่อนแต่ง และซูซินหลานหยิบเอาเรื่องนี้มาล้อกู้ม่านตลอด
“ใช่ค่ะ” กู้ม่านตอบเสียงเรียบ ไม่อยากสนใจผู้หญิงตรงหน้า
แต่กระนั้นซูซินหลานก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสดีนี้ให้หลุดลอยไป “โอ้ เธอออกจากงานแล้วคงได้งานอื่นที่ดีกว่า คงมีเงินซื้อของพวกนี้สินะ?”
“ใช่” กู้ม่านตอบ ใบหน้าเชิดขึ้น
ซูซินหลานไม่พอใจท่าทางของกู้ม่านจึงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีก “กู้ม่าน ฉันกำลังพูดกับเธออยู่นะ ระวังกิริยาของเธอด้วย!”
กู้ม่านมองซูซินหลานตรงหน้าแล้วเอ่ยว่า “คุณซู ถ้าคุณไม่ชอบกิริยาของฉัน ก็หยุดพูดกับฉันสิคะ” นิสัยและท่าทางของกู้ม่านเปลี่ยนไปแล้ว เธอจะไม่ทนต่อพฤติกรรมที่ดูถูกคนของคนอื่นอีกต่อไป
“เธอ...” ดวงตาซูซินหลินวาววับน่ากลัว
กู้หนิงอยู่เฉย เธออยากรู้ว่ากู้ม่านจะสามารถรับมือด้วยตัวเองได้หรือไม่ โชคดีที่กู้ม่านรับมือได้ดี กู้หนิงรู้สึกดีใจที่มีมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
“ห่อไวน์สามขวดนี้ให้ฉันที ฉันเหมาหมด” ซูซินหลินหันไปพูดกับพนักงานและหันกลับมามองกู้ม่านด้วยสายตารังเกียจ เธอคิดว่ากู้ม่านไม่มีเงินซื้อไวน์พวกนี้
“ฉันจะจ่ายค่าไวน์สามขวดนี้เอง” กู้หนิงกล่าวและหยิบบัตรธนาคารออกมายื่นให้พนักงาน
“หนิงหนิง!” กู้ม่านและกู้ชิงอยากจะห้ามเธอ แม้ว่าตอนนี้พวกเธอจะมีเงินจนถึงเข้าขั้นเศรษฐีแล้ว ไวน์พวกรี้ก็ยังราคาแพงเกินไปอยู่ดี
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงพวกเราก็มาซื้อของสำหรับงานปีใหม่อยู่แล้ว”
“นี่ ฉันซื้อไวน์นี้ก่อนพวกเธอนะ!” ซูซินหลานวิ่งเข้ามาตะโกนใส่พวกกู้หนิง
“ไหนล่ะหลักฐาน?” กู้หนิงถามคืน
“เธอ...” ซูซินหลานโมโหอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะพูดอะไรได้ กู้หนิงก็จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว
เฉียวหยารับถุงที่ใส่ขวดไวน์มาถือ และพวกกู้หนิงก็เดินออกไปทันที ซูซินหลานยืนนิ่งหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่ทำอะไรไม่ได้
อีกยี่สิบนาทีจะเที่ยง กู้ชิงและกู้ม่านซื้อของใกล้เสร็จแล้ว กู้หนิงมีนัดทานข้าวกับอ้ายเฉียน ดังนั้นไม่ได้กลับบ้านพร้อมแม่กับป้า เธอให้เกาอี้และเฉียวหยาไปส่งแม่กับป้ากลับบ้าน
ร้านอาหารตะวันตกที่นัดพับอ้ายเฉียนอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า กู้หนิงจึงเดินตรงไปที่ร้านเลย เธอมาถึงร้านอาหารก่อนเวลานัดห้านาที กู้หนิงยังไม่ได้เดินเข้าไปข้างใน โทรหาอ้ายเฉียนก่อน
อ้ายเฉียนจะมาถึงในอีกสองนาที กู้หนิงจึงตัดสินใจรออยู่ข้างล่าง ทว่าคนที่มาถึงเร็วก่อนอ้ายเฉียนดันเป็นคนที่เธอไม่ชอบหน้า ฉินเจิ้งกับเฉินจื่อเหยานั่นเอง
สิ่งที่น่าประหลาดใจคือทั้งสองเดินจูงมือกัน เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา!
พวกเขาไม่เห็นกู้หนิงจนกระทั่งเดินเข้ามาใกล้ ทั้งสองนิ่งไปทันทีที่เห็นกู้หนิง ไม่คิดไม่ฝันว่าอยู่ๆกู้หนิงก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขา มือที่จับกันปล่อยจากกันทันที หรือพูดให้ชัดคือ ฉินเจิ้งเป็นคนปล่อยมือเฉินจื่อเหยา
ระหว่างเขาและกู้หนิงไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่กระนั้นเขาก็ยังกังวลว่ากู้หนิงจะไม่พอใจ
เฉินจื่อเหยาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ฉินเจิ้งสลัดเธอทิ้งทันที เธอรู้ว่าเขายังใส่ใจกู้หนิงอยู่ซึ่งนั่นทำให้เธอหงุดหงิดมาก
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่?” ฉินเจิ้งถาม
“ทำไมฉันจะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะ?” กู้หนิงตอบ เธอคิดว่าคำถามของฉินเจิ้งตลกมาก
“ฉัน...” ฉินเจิ้งจนคำพูด และรู้สึกละอาย
“ไปกันเถอะ!” เฉินจื่อเหยาไม่ต้องการให้พวกเขาคุยกันอีก ดังนั้นเธอจึงพูดขัดและดึงฉินเจิ้งขึ้นบันไดไป ฉินเจิ้งหน้ามุ่ย แต่ไม่พูดอะไร แม้ว่าเขาจะเอื้อมมือออกไปและจับกู้หนิงที่อยู่ใกล้ กู้หนิงเบี่ยงหลบ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการอยู่ใกล้เขา ดังนั้นเขาจึงไม่อยู่อีกต่อไป ตามเฉินจื่อเหยาขึ้นไปชั้นบน คล้อยหลังทั้งสองคน อ้ายเฉียนก็มาถึง
เมื่อเห็นกู้หนิง อ้ายเฉียนก็บ่นทันที “ถ้าฉันไม่โทรหาเธอ เธอก็คงลืมฉันไปแล้วสินะ?”
“จะเป็นไปได้ยังไง! คุณก็รู้ว่าฉันออกจากเมือง F ไปแค่ตอนปิดเทอมฤดูหนาว ฉันเพิ่งกลับมาถึงค่ะ ฉันผิดเองแหละที่ยุ่งจนไม่ได้ติดต่อคุณไปเลย” กู้หนิงชี้แจง
“ก็ได้” อ้ายเฉียนยอมแพ้ จากนั้นก็พากันขึ้นบันไดไป ตอนนี้เป็นช่วงอาหารเที่ยง ภายในร้านมีลูกค้าหลายคน โชคไม่ดีกู้หนิงได้นั่งโต๊ะไม่ไกลจากฉินเจิ้งและเฉินจื่อเหยา ดังนั้นพวกเขาจึงมองเห็นกันได้
ฉินเจิ้งฟุ้งซ่านตั้งแต่กู้หนิงปรากฏตัว แม้ว่าเขาจะเข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาและกู้หนิงที่จะอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับความจริง เขาสงสัยว่าทำไมกู้หนิงถึงกลายเป็นคนมีเสน่ห์และโดดเด่นขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาเลิกกัน ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันตอนนั้น กู้หนิงแทบเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก!
“ฉินเจิ้ง นายเป็นอะไร?” เฉินจื่อเหยาโมโหและถามเขา เฉินจื่อเหยาชอบฉินเจิ้งก็จริงแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร เหตุผลที่ทั้งคู่เป็นแฟนกันเพราะพวกเขานอนด้วยกันแล้วหลังจากเมาจากงานปาร์ตี้ และตอนนี้ฉินเจิ้งเป็นแฟนของเธอ เธอจะไม่ยอมให้เขาชื่นชมผู้หญิงคนอื่นนอกจากเธอคนเดียว!
ฉินเจิ้งไม่ตอบคำถาม เขาถอนสายตากลับมาจากกู้หนิง พวกเขาอยู่ในที่สาธารณะ เฉินจื่อเหยาไม่อยากทะเลาะกับเขาให้ขายหน้าคนอื่น พวกเขาจึงรับประทานอาหารกันอย่างเงียบๆ มึนตึงใส่กัน
หลังจากทานข้าวเสร็จ อ้ายเฉียนก็กลับไปทำงานที่โรงพยาบาล ส่วนกู้หนิงกลับไปบ้าน
ครอบครัวของกู้ฉินหยางมาถึงตอนบ่ายสอง ตระกูลกู้นัดเจอกันที่ร้านอาหารเฟรนชิป ดังนั้นครอบครัวกู้ฉินหยางจึงจองห้องในโรงแรมที่อยู่ใกล้ร้านอาหาร เวลานัดคือหกโมงเย็น
ครอบครัวกู้ฉินเซียงและกู้ฉินหยางมาถึงร้านอาหารห้าโมงสี่สิบ แต่กู้ม่านและกู้ชิงยังไม่โผล่หน้ามาจนกว่าจะหกโมงเย็น กู้หนิงและครอบครัวของเธอมาถึงแล้ว พวกเธอสวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม กู้ม่านและกู้ชิงดูสาวขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
ตอนที่ 372 บรรยากาศของคนรวย
การเปลี่ยนแปลงของกู้ชิงและกู้ม่านนั้นชัดเจนเกินกว่าจะละเลยได้ ทุกคนต่างอึ้งและประทับใจ โดยเฉพาะหลินหลี่หยวนและเว่ยอูหลาน ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน ทั้งคู่ต่างก็อิจฉากู้ชิงและกู้ม่าน
หลินหลี่หยวนพูดประชดแดกดันว่า “อ้อ ตอนนี่พวกเธอรวยแล้วนี่ ดูมีบรรยากาศของคนรวยแล้วสินะ”
“รวย? พวกเขารวยกว่าคุณลุงของผมอีกหรือ?” กู้ฉิงซือถาม การแสดงออกของเขาเย่อหยิ่งจองหองเพราะเขาคิดว่าครอบครัวของกู้หนิงไม่มีทาวรวยกว่าครอบครัวกู้ฉินหยาง
“ใช่ค่ะ!” กู้หยินหยินเอ่ยสำทับอีกคน
กู้หยินหยินและกู้ฉิงซือต่างยังเด็กทั้งคู่ และไม่รู้เรื่องความขัดแย้งในครอบครัวมากนัก พวกเขาได้ยินแค่ว่ากู้ม่นและกู้ชิงรวยแล้ว แต่ไม่รู้ว่ารวยแค่ไหน
“ฉิงซือ หยินหยิน เงียบเดี๋ยวนี้!” กู้ฉินหยางตำหนิลูกชายลูกสาว เขาไม่ต้องการให้กู้หนิงรู้สึกรำคาญลูกๆของเขา กู้หยินหยินและกู้ฉิงซือรู้สึกเสียใจที่โดนพ่อตำหนิ แต่ทั้งคู่ยังเชื่อฟังคำพูดของผู้เป็นพ่อ
“แล้วไง? เมื่อก่อนคุณเคยปฏิบัติต่อพวกเรายังไง ไม่ทำต่อแล้วล่ะ?” กู้หนิงโต้กลับตรงๆ
“กู้หนิง...” หลินหลี่หยวนกัดฟังพูด
กู้ฉิงหยุนเห็นกู้หนิงเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน แต่ยังคิดว่าเธอยังด้อยกว่าพวกเขา และยิ่งเห็นท่าทางอวดดีของกู้หนิง กู้ฉิงหยุนก็หัวเสีย “กู้หนิง เธอกล้าพูดแบบนี้กับแม่ฉันได้ยังไง!”
“กู้ฉิงหยุน นายคิดว่านายเป็นใคร? และทำไมฉันจะพูดแบบนั้นกับแม่ของนายไม่ได้?” กู้หนิงเยาะเย้ย
กู้ฉิงหยุนผุกลุกขึ้นจากเก้าอี้ เหมือนจะพุ่งไปชกกู้หนิง
“นั่งลงเดี๋ยวนี้!” กู้ฉินเซียงสั่งลูกชายนั่งลง เขาไม่อยากมีเรื่องกับกู้หนิง
กู้ฉินเซียงได้เตือนครอบครัวของเขาว่าอย่าจับผิดกู้หนิงและคนอื่น ๆ เหมือนที่พวกเขาเคยทำมาก่อน กู้ฉิงหยุนจำต้องฟังพ่อของเขา ระงับความโกรธของตัวเองไว้ก่อนอย่างน้อยก็ตอนนี้
“พวกเธอก็นั่งกันได้แล้ว!” กู้ฉินเซียงพูดกับเจียงซู่และคนอื่นๆ
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่ อาหารก็ถูกลำเลียงวางบนโต๊ะทีละจานๆ
คราวนี้หญิงชราดูสุภาพผิดปกติ แต่พวกเขาทุกคนรู้ว่าคงอยู่ได้ไม่นาน เพราะทั้งหมดเป็นแค่การแสร้งทำ ในที่สุดหญิงชราก็เปิดปากของเธอหลังจากที่จานอาหารทั้งหมดอยู่บนโต๊ะแล้ว “เจียงซู่ แกคิดเก็บเป็นความลับใช่ไหม? ไม่มีใครรู้ว่าแกเป็นนักธุรกิจรายใหญ่จนกระทั่งฉินเซียงเจอแกที่โรงแรม อะไรกัน? ตอนนี้รวยแล้วก็เลยคิดจะทิ้งพวกเราใช่ไหม?” หญิงชรากล่าวราวกับว่าเจียงซู่เป็นหนี้พวกเขา
เจียงซู่ทำธุรกิจได้ไม่นานก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนไม่ประสีประสา แถมกู้หนิงยังได้พูดเตือนสติให้เขากล้าและมั่นใจในตนเอง ไม่อย่างนั้นพวกคนไร้ยางอาจจะเอาเปรียบเขาได้ ตอนนี้เจียงซู่แข่งแกร่งพอที่จะปกป้องครอบครัวของเขาได้แล้ว เขาเผชิญหน้าแม่ภรรยา ตอบคำถามด้วยน้ำเสียบราบเรียบว่า “คุณแม่ต้องล้อเล่นแล้ว! ถ้าพวกเราจะทิ้งพวกแม่จริง วันนี้คงไม่มาทานข้าวด้วยหรอกครับ อีกอย่างพวกเราก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีใครสนใจกัน ทำไมผมจะต้องบอกแม่ทุกเรื่องว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ด้วยล่ะครับ?” พูดอีกนัยหนึ่งคือไม่ใช่เรื่องของพวกเขา อย่าเสือก
“แก...” หญิงชรานิ่งไป แม้คำอธิบายของเจียงซู่จะฟังดูมีเหตุมีผล เธอก็ไม่อยากยอมรับ “แกหมายความว่าไม่ใช่หน้าที่แกที่จะต้องกตัญญูต่อแม่ภรรยาของแกงั้นเรอะ?” หญิงชรายังคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ได้เงินส่วนแบ่งของเจียงซู่
“แม่ครับ พวกเราเคารพแม่เสมอ อั่งเปาทุกเทศกาลพวกเราก็ไม่เคยพลาด นี่ยังไม่พออีกหรือครับ?” เจียงซู่ถามกลับ ที่ผ่านมากู้ชิงและกู้ม่านจนมาก แต่ก็ไม่เคยไม่ให้เงินอั่งเปาแก่หญิงชรา
“แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว! พวกแกรวยแล้วก็ควรให้ฉันมากกว่านี้สิ!” หญิงชราหมดความอดทน เผยธาตุแท้แกมา เธอไม่เคยชอบอั่งเปาที่พวกเขาให้ เพราะเงินที่ให้นั้นน้อยมาก แต่ว่าก็ยังรับมาเพราะความโล�
“แม่ครับ แม่ไม่มีเงินใช้หรือครับ? พี่ฉินเซียงรวยจะตาย ไม่น่าเชื่อว่าแม่ไม่มีเงินใช้!” เจียงซู่เอ่ย เห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจพูดกระทบกู้ฉินเซียง อันที่จริงเขาทราบว่ากู้ฉินเซียงดูแลแม่ของตัวเองได้ดีทีเดียว แม้ว่าจะไม่ดีต่อพี่น้อง เขาแค่อยากพูดเพื่อตำหนิหญิงชรา
“แก...” หญิงชราฮึดฮัด แน่นอนว่ากู้ฉินเซียงดูแลเธอดี แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่อยากได้เงินเพิ่ม
“เจียงซู่ มันไม่สมเหตุสมผลเลย แม้ว่าแม่จะไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่ลูกเขยควรดูแลแม่ภรรยาให้ดีไม่ใช่หรือ?” หลินหลี่หยวนกล่าวราวกับว่ามันเป็นความผิดของเจียงซู่จริงๆ
“ครับ ว่าแต่ทำไมพวกพี่ไม่บอกผมว่าพวกพี่ปฏิบัติต่อแม่ของพี่อย่างไร ผมจะได้เรียนรู้ทำตามบ้าง?” เจียงซู่พูดประชดประชัน เขารู้ว่าคนที่เห็นแก่ตัวอย่างกู้ฉินเซียงไม่ให้เงินสนับสนุนแม่สามีของเขาอย่างแน่นอน และหญิงชราก็ใจร้ายเกินกว่าจะยอมให้ลูกชายและลูกสะใภ้มอบสิ่งใดให้ครอบครัวของหลินหลี่หยวน เป็นแบบนี้แล้วหลินหลี่หยวนไม่มีสิทธิ์ตำหนิเจียงซู่
หญิงชราหันขวับมามองลูกชายคนโตและลูกสะใภ้คนโต และคิดว่าพวกเขาต้องทำอะไรลับหลังเธอแน่ “หลี่หยวน เธอแอบเอาเงินให้แม่ของเธอใช่ไหม?”
“แม่ ฉันเปล่านะ!” หลินหลี่หยวนรีบปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เธอโกหก
หญิงชราพูดเตือนเธอว่า “ฟังนะ เธอแต่งให้ลูกชายของฉันแล้วก็ถือว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา อย่าเอาเงินของเราไม่ช่วยญาติๆของเธอ!”
“ค่ะ ไม่แน่นอนค่ะ” หลินหลี่หยวนรับปาก แต่ไม่ได้ถือเป็นจริงเป็นจัง
“ฮ่า ฮ่า!” กู้หนิงหัวเราะ “ในเมื่อเธอแต่งงานให้กับลูกชายของคุณแล้ว และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณ อีกทั้งไม่อนุญาตให้ลูกสะใภ้เอาเงินไปช่วยญาติฝั่งเธอ งั้นคุณก็ไม่ควรขอให้ลูกสาวของคุณทำแบบเดียวกัน อย่าลืมสิว่าลูกสาวคุณแต่งงานให้คนอื่นแล้ว”