Ep.1065 - ร่องรอยบาดลึกบนดวงจันทร์
Ep.1065 - ร่องรอยบาดลึกบนดวงจันทร์
คราวนี้ ฉินเฟิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะประสบความสำเร็จหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่สามารถจับตาดูกระบวนการอัพเกรดมีดกษัตริย์ครามได้ตลอดเวลา บวกกับเรื่องก่อนหน้านี้ที่แซดเตือนสติ เขาเลยตั้งใจจะตรวจสอบดู ว่ามันเป็นจริงหรือไม่
แน่นอน หากให้ทดสอบบนดาวบลูสตาร์คงไม่เหมาะ ฉินเฟิงตัดสินใจทะยานขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ออกสู่อวกาศ
อวกาศภายนอกบลูสตาร์ ช่างเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง พลังงานจักรวาลไม่ได้ร้ายแรงอะไร ทว่าอากาศข้างนอกอันตรายมาก หากสูดดมเข้าไป อาจสำลักจนถึงแก่ความตาย
ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อฉินเฟิง เขาวาดแขนออกไป เรียกเอาแกนมิติขนาดใหญ่ออกมา
นี่คือแกนกลางของทวีปบาฮามุท
เมื่อแกนมิตินี้เผยโฉมออกมา มันก็เริ่มพองโตในพริบตา เริ่มเคลื่อนไหวขยับขยาย เมื่อสัมผัสกับรูนในอวกาศ มันก็เกิดปฏิกิริยาคล้ายกำลังกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายแห่งความมืด และยังถึงขั้นกำลังจะสร้างดินแดนอันมืดมิดของตัวเองขึ้นมา
ไม่รีรอให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น พลังสมาธิของฉินเฟิงห่อหุ้มแกนมิติแห่งความมืดนี้ไว้ จากนั้นเปิดใช้งานอบิลิตี้ติดตัว
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
แกนมิติเริ่มหลอมละลายด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ขณะเดียวกัน โคตรดาวเคราะห์ทมิฬใต้เท้าของฉินเฟิงก็เริ่มเติบโตขึ้น
ครู่ต่อมา ดาวเคราะห์ยักษ์ของฉินเฟิงได้เพิ่มขนาดเป็น 101 เมตร แม้เลย 100 เมตรมาแล้ว แต่ฉินเฟิงยังไม่รู้สึกถึงอำนาจที่บังคับให้เขายกระดับหรือแรงระเบิดใดๆเลย ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ขีดจำกัดของเขาจริงๆ
วินาทีนั้น หัวใจของฉินเฟิงเริ่มเต้นแรง
“สำเร็จแล้ว! ฉันเก็บพลังแห่งความมืดได้มากกว่าคนอื่นจริงๆ นี่เท่ากับว่าถึงเลเวลของฉันยังไม่อยู่ในระดับจ้าวเหนือหัว แต่อย่างน้อยยังสามารถครอบครองการโจมตีในระดับเดียวกับจ้าวเหนือหัวได้!”
ฉินเฟิงกลืนกินดาวเคราะห์ทมิฬอย่างต่อเนื่อง แม้แต่แผนการเรื่องของมิติธารโลหิตที่เคยพูดถึง เขายังยอมเลื่อนมันออกไป
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ในที่สุดแกนมิติของบาฮามุท ทั้งหมดก็ถูกกลืนกินโดยฉินเฟิง อบิลิตี้ของเขา สุดท้ายทะยานขึ้นมามีเส้นผ่านศูนย์กลาง 900 เมตร!
และที่ก้าวกระโดดถึงขนาดนี้ เป็นผลมาจากการดูดซับแกนมิติอย่างสมบูรณ์
อักษรรูนมืดน่ะไม่เหมือนดารากำลังภายใน เนื่องจากดาราน้ำแข็งมีความบริสุทธิ์มาก ดังนั้นทุกครั้งที่กลืนกินแกนมิติ มันจะคายพลังงานปนเปื้อนออกมา ในขณะที่โคตรดาวเคราะห์ทมิฬถูกสร้างขึ้นจากรูนมืด ดังนั้นไม่มีสิ่งเจือปนแม้แต่น้อย ทุกหยาดหยดตกถึงท้องของฉินเฟิง
ในจักรวาลแห่งจิตสำนึกของเขา ขณะนี้ปรากฏดาวเคราะห์มหึมาที่สามารถเทียบได้เลยกับแกนมิติของทวีปบาฮามุท
ตูมมมม!
ณ ขณะนี้ ฉินเฟิงสัมผัสได้ ว่าบนแก่นทมิฬขนาดมหึมา ปรากฏภาพหลอนใบหน้ามนุษย์ขึ้น และมันเป็นหน้าของฉินเฟิงเอง
ยิ่งไปกว่านั้น ภาพหลอนที่ว่ากำลังอ้าปากกว้าง คล้ายสามารถกลืนกินทุกสิ่งอย่างได้
มิใช่ใดอื่น นี่คือพลังพิเศษดูดกลืนที่แท้จริง
ในอดีตที่ผ่านมา พลังพิเศษดูดกลืนสามารถดูดซับพลังงานจากสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วเท่านั้น แต่ในวันนี้ ในที่สุดพลังพิเศษดูดกลืนก็สามารถสำแดงประสิทธิภาพที่แท้จริงของมัน ฉินเฟิงสามารถกลืนกินสิ่งมีชีวิตได้แล้ว! และแทนที่จะปลดปล่อยมันโดยใช้อบิลิตี้มืด เขาสามารถปล่อยพลังพิเศษดูดกลืนออกมาโดยตรงได้
“พลังพิเศษนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่ระดับ SSS แต่น่าจะเป็นเทคนิคของจ้าวเหนือหัว น่าเสียดายที่พลังสมาธิของฉันตอนนี้ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ที่เลเวล SSS ระดับเทวะ ถ้าอยากใช้มันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ฉันจำเป็นต้องเพิ่มพลังสมาธิ!”
การเพิ่มพลังสมาธิก็คือการหาพลังงานมาเติมเต็ม ไม่ใช่อักษรรูนอีกต่อไป และพลังงานเหล่านี้ ฉินเฟิงสามารถตามหามันได้จากแกนกลางมิติ หรือไม่ก็ช่วงชิงมาจากตัวตนทรงอำนาจ
หรืออีกความหมายนึงก็คือ พลังงานพวกนี้ มันง่ายที่จะค้นหา
ฉินเฟิงกำลังทำความเข้าใจกับสภาวะใหม่ของโคตรดาวเคราะห์ทมิฬ ยิ่งมองเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันทรงพลัง ราวกับว่ามันสามารถทำลายแผ่นฟ้าผืนดินได้โดยการกวาดมือเพียงครั้งเดียว
ระหว่างที่ฉินเฟิงกำลังตรวจสอบอยู่ ทันใดนั้นเอง เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาลองยกมือขึ้นและก้มลงมองที่นิ้ว พบว่าภายในมิติเร่งกระแสเวลาที่สามารถมองผ่านได้ทางแหวนเขตแดนลับ รูบิควิเศษเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่
หลังจากผ่านไปสิบวัน วัสดุที่อยู่ในรูบิควิเศษได้ละลายหมดแล้ว ทว่ารูบิควิเศษก็เสื่อมสภาพลงเช่นกัน มันดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย
วัสดุเหล็กตัดดาราและยอดกระดองของเต่ายักษ์ ถูกผสานรวมเข้ากับมีดกษัตริย์คราม ขณะใกล้เสร็จสิ้น มีดกษัตริย์ครามได้แปรสภาพไปอย่างสิ้นเชิง
มีดยาวสีดำแกมเขียวปรากฏขึ้นในสายตาของฉินเฟิง
“เสร็จซักที!”
ฉินเฟิงสุขใจแทบคลั่ง ใช้พลังสมาธิเรียกรูบิควิเศษออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่ทันทีที่เขาเรียกมันออกมา ราวกับว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดลง รูบิควิเศษที่เต็มไปด้วยรอยปริร้าวนับไม่ถ้วน ระเบิดดังสนั่น
ตูมมม!
รูบิควิเศษกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นในอวกาศที่ว่างเปล่า มีดเล่มหนึ่งหลุดออกมา มันคือมีดกษัตริย์ครามที่ฉินเฟิงกำลังมองอยู่ก่อนหน้านี้
หึ่ง หึ่ง!
มีดกษัตริย์ครามส่งกลิ่นอายน่าสะพรึง ปลายมีดแกว่งไปมาเล็กน้อยในอากาศ ก่อคลื่นความผันผวนอันน่าหวาดกลัว และความผันผวนนี้ ยังไม่ได้รับการอัดฉีดกำลังภายในจากฉินเฟิง แต่มันแผ่ขยายออกไปกว้างไกลสุดสายตา ปราณมีดค่อยๆเคลื่อนตัวตัดแยกจักรวาล
ช่วงเวลาต่อมา ฉินเฟิงเหมือนจะรู้สึกได้ถึงเสียงอะไรบางอย่างถูกหั่นออกจากกัน เขาหันขวับมองไปโดยจิตใต้สำนึก
แต่แล้วฉินเฟิงก็ต้องสูดหายใจลึก
เพราะเขาพบว่าบนพื้นผิวของดวงจันทร์ เวลานี้มีส่วนหนึ่งถูกตัดแหว่งเป็นร่องลึก!
ณ ขณะนี้ ภายในดาวบลูสตาร์ ผู้คนแหงนมองดูพระจันทร์ ทันใดนั้นก็พบร่องลึกปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของดวงจันทร์ พวกเขาเริ่มตื่นตระหนก บางคนจินตนาการเลอะเทอะถึงขั้นคิดว่าภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้น
แม้แต่กลุ่มผู้ใช้พลังเลเวล S ยังบินจากบลูสตาร์ ออกมาตรวจสอบ
ท่ามกลางอวกาศที่ว่างเปล่า ฉินเฟิงคว้ามีดกษัตริย์ครามด้วยมือเดียว สัมผัสได้ถึงจิตที่เชื่อมถึงกัน
ฉินเฟิงกระจ่างแจ้งแก่ใจ ว่าหากไม่ใช่เพราะจิตเชื่อมโยง อย่างไรเขาย่อมไม่สามารถควบคุมการดำรงอยู่เช่นนี้ได้
--อาวุธระดับจ้าวเหนือหัว!
สิ่งนี้ได้อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ได้แล้ว!!
“ยอด ยอดมาก ยอดไปเลย!” แม้การสูญเสียรูบิควิเศษจะทำให้ฉินเฟิงรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่เพื่อแลกกับการอัพเกรดขั้นสุดท้ายของมีดกษัตริย์คราม เขารู้สึกว่ามันคุ้มค่า
ถึงเวลานี้ เลเวล S หลายคนสามารถฝ่าชั้นบรรยากาศของบลูสตาร์ เข้าสู่จักรวาล
ผู้มาเยือนมีแค่ไม่กี่คน ได้แก่หลงถิง , ริค และยารุส
หลงถิงเป็นผู้ปกครองคนปัจจุบันของพันธมิตรหัวเซี่ย , ริคมาจากจักรวรรดิเมเฮอร์ แต่ประเด็นก็คือ ทั้งสองคนนี้รู้จักฉินเฟิง
สำหรับมิติบลูสตาร์ ใครก็ตามที่มีสิทธิมีเสียง , มีความสามารถมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเลยเป็นพวกเขาที่ต้องขึ้นมาตรวจสอบ
สำหรับยารุส เจ้าตัวเพิ่งยกระดับเป็นเลเวล SS แต่เนื่องจากมิติบลูสตาร์ตัดขาดจากภายนอก เมื่อตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนทรัพยากร แล้วดันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เขาจึงกระตือรือร้นที่จะออกมาตรวจสอบดู
ทันทีที่ทั้งสามเข้าสู่จักรวาล พวกเขาก็พบร่างของฉินเฟิง
“ท่านผู้ใหญ่ฉิน ที่แท้เป็นคุณ?” หลงถิงพอเห็นฉินเฟิง ก็คลายความกังวลลง
“โชคดีที่ไม่ใช่การรุกรานจากจ้าวเหนือหัว” ริคกล่าว
“ท่านผู้ใหญ่ฉิน นั่นฝีมือคุณหรือ?” ในบรรดาทั้งสาม ยารุสนับว่าตื่นตกใจมากที่สุด เขาเปิดประเด็นเอ่ยถามทันที
ทั้งสามหันไปมองรอยตัดจากดวงจันทร์ในระยะไกล แม้รอยตัดดังกล่าว พวกเขาเองก็สามารถทำได้ แต่ขอบเขตมันกว้างใหญ่มาก เกือบจะข้ามเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงจันทร์ไปแล้ว นอกจากนี้ระยะห่างระหว่างฉินเฟิงกับดวงจันทร์ มันไกลกันเกินไป
อะไรแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เลเวล S สามารถทำได้อย่างแน่นอน
“พอดีมีดหลุดการควบคุมนิดหน่อย ต่อไปฉันจะระมัดระวังให้มากกว่านี้!” ฉินเฟิงกล่าว
มุมปากของหลงถิงและคนอื่นๆกระตุก ไม่ได้อยู่ในการควบคุมมันยังร้ายแรงถึงขั้นนี้ แล้วถ้าโจมตีด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เขาไม่แยกดวงจันทร์เป็นสองซีกเลยหรือ?